บทที่ 464
คุณสมบัติของกู้ซีจิ่ว 1
กระดาษของหนังสือเนียนละเอียดยิ่ง ลายมือที่อยู่บนนั้นดั่งมังกรเหิน เป็นลายมือของทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตี้ฝูอี และเป็นหนังสือถอนหมั้นหนึ่งชุดจริงๆ
เห็นได้ชัดเจนว่าทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายผู้นี้คาดการณ์เรื่องราวทุกอย่างไว้แล้ว จึงจัดเตรียมทุกอย่างไว้อย่างเหมาะสม
กู้ซีจิ่วอยากหัวเราะเสียจริง การถอนหมั้นของโลกใบนี้คล้ายกับการหย่าร้าง หนังสือชุดนี้ก็คือใบหย่า ชายหญิงถือไว้คนละหนึ่งฉบับ
ของที่มู่เฟิงเตรียมไว้ครบครันยิ่งนัก ไม่เพียงแต่เตรียมเอกสารเท่านั้น แต่ยังเตรียมพู่กันที่จุ่มหมึกไว้แล้วด้วย แม้กระทั่งหมึกชาดสำหรับประทับลายนิ้วก็เตรียมไว้พร้อม
กู้ซีจิ่วหยิบพู่กัน มองอักษรบนเอกสารแวบหนึ่ง จากนั้นก็ลงนามของตนไว้ด้านบน ก่อนใช้นิ้วชี้ป้ายหมึกชาดแล้วประทับลายนิ้วมือด้านล่างชื่อตน
รอจนกู้ซีจิ่วลงนามเรียบร้อย มู่เฟิงจึงรับฉบับหนึ่งไป ยามรับเอกสารนิ้วมือเขาแตะถูกมือน้อยๆ ของกู้ซีจิ่วโดยไม่ได้ตั้งใจ
ปลายนิ้วของเธอค่อนข้างเย็นเฉียบ แต่ใบหน้ายังคงเรียบเฉยอยู่
มู่เฟิงจัดการเรื่องราวหมดจด เมื่อภารกิจเสร็จสิ้นก็จากไปเลย
กู้ซีจิ่วพับเอกสารฉบับนั้นของตนเล็กน้อย ใส่เข้าไปในช่องมิติ แล้วนั่งลงอีกครั้ง
ในห้องโถงกลับมารื้นเริงครึกครื้นเหมือนเดิม ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น เพียงแต่สายตาของทุกคนมักจะกวาดผ่านกู้ซีจิ่วอยู่บ่อยๆ สายตาแฝงแววสืบเสาะเอาไว้…
กู้ซีจิ่วดื่มกินไปมากมาย
ตอนอยู่ในป่าทมิฬเธอระหกระเหินอยู่หกเจ็ดวันดั่งคนป่า กัดแทะผลไม้ต่างๆ มาโดยตลอด รู้สึกว่าตัวเองใกล้จะกลายเป็นลิงแล้ว ยามนี้ในที่สุดก็ได้ลิ้มรสอาหารของมนุษย์ปกติ ซ้ำยังเป็นอาหารเลิศรสซึ่งพ่อครัวหลวงที่จักรพรรดิซวนพามาด้วยตั้งใจปรุงออกมา เธอย่อมกินอย่างเปรมปรีดิ์อยู่แล้ว
ขณะที่กินอยู่ จู่ๆ ก็สัมผัสได้ว่าบรรยากาศรอบข้างผิดปกติ เธอเงยหน้ามองไปรอบๆ เห็นฝูงชนล้วนมองดูเธออยู่ แววตาค่อนข้างลึกซึ้ง แถมบางคนยังขำคิกคักอีกด้วย…
กู้ซีจิ่วไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองชั่วขณะหนึ่ง ลูบใบหน้าตนตามสัญชาตญาณ
หน้าเธอเปื้อนซีอิ๊วหรือ?
องค์รัชทายาทหรงเจียหลัวที่อยู่ด้านข้างกระซิบบอก “ซีจิ่ว กินช้าลงหน่อย เดียวจะสำลักเอา” เขากวาดมองรอบๆ แวบหนึ่ง ตอบรับสายตาของฝูงชนพลางกล่าวเรียบๆ ว่า “พวกเจ้ามองอะไร? หากโยนพวกเจ้าเข้าป่าทมิฬแล้วมีชีวิตรอดออกมาได้ พวกเจ้าก็จะไม่ต่างกับนาง!”
ฝูงชนยิ้มด้วยสีหน้าเจื่อนๆ ในที่สุดก็ละสายตาไป
ในที่สุดกู้ซีจิ่วก็กระจ่างแล้ว ที่แท้เป็นการกินของตนทำให้พวกเขาประหลาดใจ…
เธอก้มหน้ามองจานที่อยู่เบื้องหน้าแวบหนึ่ง เส้นเลือดบนขมับปูดโปนทันที!
เธอกวาดอาหารหกเจ็ดจานในชั่วลมหายเดียว! แถมส่วนใหญ่ยังเป็นเนื้อจานใหญ่ด้วย…
ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกแน่นหน้าอก จุกขึ้นมาเล็กน้อย
องค์ชายหรงเช่อยืนถ้วยอำพันใบหนึ่งให้ ในถ้วยมีของเหลวสีมรกตจางๆ กระเพื่อมไหว “ซีจิ่ว ดื่มนี่สิ”
กู้ซีจิ่วได้กลิ่นก็รู้ทันทีว่าสิ่งนั้นมีฤทธิ์ช่วยย่อยและแก้เลี่ยน เหมาะให้เธอดื่ม กู้ซีจิ่วจึงกล่าวขอบคุณ ค่อยๆ ดื่มลงไป ในที่สุดก็ไม่จุกขนาดนั้นอีก
“เป็นยังไงบ้าง?” ดวงตาองค์ชายหรงเช่อฉายแววห่วงใย
“ดีขึ้นมากแล้ว นี่คือตำรับลับของวังหลวงหรือ?” ของเหลวนี้รสดียิ่งนัก กู้ซีจิ่วค่อนข้างติดใจในรสชาติ
องค์ชายหรงเช่อยิ้มน้อยๆ “นี่เป็นสิ่งที่ข้าปรุงขึ้นมาเอง ถูกปากเจ้าก็ดีแล้ว”
บุรุษรูปงามปานหยก เพียงแย้มยิ้มก็เพียงพอจะล่มเมืองได้ บนร่างเขามีกลิ่มหอมสดชื่นอ่อนจาง หอมจางดั่งกล้วยไม้ แต่กลับเหมือนต้นฝิ่น ทำให้คนที่ดมแล้วยังอยากดมอีก ถึงขั้นทำให้ใจสั่นไหวได้ อย่างน่าประหลาด
กู้ซีจิ่วนึกไม่ถึงว่าองค์ชายแปดที่ได้รับการปรนนิบัติพัดวีผู้นี้จะเป็นคนปรุงสิ่งนี้ จึงชมเชยเขาอย่างจริงใจประโยคหนึ่ง
นัยน์ตาองค์ชายหรงเช่อประหนึ่งมีประกายแสงเวียนวน เขายิ้มบางๆ “ข้ายังปรุงนํ้าแกงบำรุงที่รสชาติและผลลัพธ์แตกต่างกันได้ด้วย รอกลับถึงเมืองหลวงข้าเชิญเจ้ามาลองดีรึไม่?”