บทที่ 465
คุณสมบัติของกู้ซีจิ่ว 2
กู้ซีจิ่วยังไม่ทันเอ่ยวาจา องค์รัชทายาทหรงเจียหลัวก็กล่าวอย่างเฉยชา “เจ้าแปด เมื่อถึงเวลาก็เชิญข้าไปด้วยดีหรือไม่?”
“นี่…”
“เจ้าแปด เจ้าคงไม่ใจแคบจนไม่คิดเชื้อเชิญข้ากระมัง?”
องค์ชายหรงเช่อลูบพัดที่ไม่เคยอยู่ห่างมือ ก่อนจะกระแอมไอ “ย่อมมิใช่ เมื่อถึงเวลาจะเชิญด้วยแล้วกัน”
องค์รัชทายาทหรงเจียหลัวถึงได้ผงกศีรษะนิดๆ “เช่นนนั้นก็ดี”
แล้วจึงชงชาให้กู้ซีจิ่วหนึ่งถ้วย “ซีจิ่ว เจ้าแปดปรุงน้ำแกงแปลกประหลาดได้มากมายหลายชนิด เมื่อถึงเวลาพวกเราไปรบกวนเขาด้วยกันเถอะ ชิมให้คุ้มในรวดเดียวเลย!”
จู่ๆ จักรพรรดิซวนก็พูดแทรกขึ้นมา “ซีจิ่ว เจ้าวางแผนอนาคตไว้อย่างไร?”
“ทูลฝ่าบาท ซีจิ่วรู้สึกว่าวรยุทธ์ของตนยังอ่อนด้อย หลังจากกลับไปจะกักตนฝึกวรยุทธ์สักช่วงหนึ่งเพคะ” กู้ซีจิ่วกล่าวเพียงแผนการที่วางไว้ชั่วคราว
“ไม่ได้ ซีจิ่ว เรารู้สึกว่าเจ้ายังเด็ก ตามหลักแล้วน่าจะศึกษาหาความรู้แขนงต่างๆ ในสำนักศึกษา การเข้าเรียนในสำนักศึกษามีอาจารย์ผู้มีชื่อเสียงคอยชี้แนะ จะเรียนรู้ได้ไวขึ้นหน่อย เหนือกว่ากักตนเป็นไหนๆ”
เหล่าขุนนางพากันคล้อยตาม
“ใช่แล้วๆ ฝึกฝนวรยุทธ์ก็ต้องเรียนรู้จากผู้อื่น หลับหูหลับตากักตนฝึกฝนก็เหมือนกับปิดประตูต่อรถนะ…”
“มิผิดๆ”
กู้ซีจิ่วใจเต้นแวบหนึ่ง เธอก็รู้สึกว่าตนเองยังเข้าใจเกี่ยวทวีปนี้น้อยเกินไป หากสามารถเข้าไปศึกษาในสำนักศึกษาได้ก็เป็นเรื่องดี ด้วยเหตุนี้เธอจึงพยักหน้า
จักรพรรดิซวนเห็นนางพยักหน้า ดวงตาพลันเปล่งประกาย จากนั้นจึงเริ่มปรึกษากับเหล่าขุนนางว่าจะให้กู้ซีจิ่วเข้าสำนักศึกษาแห่งใดถึงจะเหมาะสม
ทุกอาณาจักรในทวีปซิงเยวี่ยล้วนมีสำนักศึกษา เลี้ยงอบรมบ่มเพาะให้ชนรุ่นหลังในอาณาจักรตนเก่งกาจ ในอาณาจักรเฟยซิงก็มีสำนักศึกษาอยู่หลายแห่ง สำนักศึกษาเหล่านี้ก็แบ่งระดับเช่นกัน
ทุกคนเห็นพ้องต้องกันว่าด้วยคุณสมบัติของกู้ซีจิ่ว ควรเข้าศึกษาในสำนักศึกษาชั้นสูงสุดของอาณาจักรเฟยซิง…สำนักศึกษาดาราราย
หยกนภาอธิบายความรู้ด้านนี้แก่กู้ซีจิ่ว ‘สำนักศึกษาดารารายเป็นสำนักศึกษาที่ใหญ่ที่สุดและดีที่สุดในอาณาจักรเฟยซิง ที่นั่นเป็นแหล่งรวมหัวกะทิ จะรับเพียงเด็กชั้นยอดที่เขตการปกครองต่างๆ ในอาณาจักรเฟยซิงให้การรับรองเท่านั้น ปรมาจารย์ก็เป็นปรมาจารย์ที่มีชื่อเสียงยิ่งในทวีปซิงเยวี่ย…คือองค์รัชทายาทหรงเจียหลัว ตอนนี้องค์ชายหรงเช่อก็ยังศึกษาอยู่ที่สำนักศึกษาแห่งนั้น เพียงแต่ใกล้จะสำเร็จการศึกษาแล้ว องค์ชายหรงฉู่เก่งกาจออกปานนั้น แต่คุณสมบัติของเขากลับไม่ตรงตามมาตรฐานของที่นั้นจึงถูกปฏิเสธ…’
บางทีอาจเกี่ยวข้องกับการที่เหน็ดเหนื่อยเกินไป วันนี้สมองของกู้ซีจิ่วจึงประมวลผลได้ไม่แจ่มใสนัก กว่าเธอจะเข้าใจก็ต้องใช้เวลาสักครู่หนึ่ง
ที่แท้จักรพรรดิซวนเหลี่ยมจัดผู้นี้คิดจะจับคู่เธอกับหรงเจียหลัว หรือไม่ก็หรงเช่อสินะ?!
เป็นเพราะคำตำหนิของท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายในตอนนั้น ทำให้จักรพรรดิซวนไม่สามารถบีบให้เธอหมั้นหมายได้อีก ดังนั้นเขาจึงใช้วิธีนี้ค่อยๆ บ่มเพาะจนก่อเกิดเป็นความรัก…
ขณะที่เธอใคร่ครวญอยู่ จู่ๆ คนผู้หนึ่งที่อยู่ในฝูงชนก็กล่าวขึ้น “ฝ่าบาท กระหม่อมคิดว่าด้วยคุณสมบัติของแม่นางกู้ สามารถเข้าศึกษาที่สำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์ได้ แม่นางอวิ๋นซิงหลัวผู้นั้นก็มิใช่ว่าไปเข้าเรียนที่นั่นเมื่อไม่กี่วันก่อนหรอกหรือพะย่ะค่ะ?”
จักรพรรดิซวนมองลงไปด้านล่าง ผู้ที่กล่าวคือแม่ทัพผู้หนึ่ง แม่ทัพผู้นี้มีความสัมพันธ์ไม่เลวกับกู้เซี่ยเทียน นิสัยก็ค่อนข้างตรงไปตรงมา เป็นประเภทที่คิดอย่างไรก็พูดอย่างนั้น
อันที่จริงกู้เซี่ยเทียนนั่งอยู่ในงานเลี้ยงด้านล่างมาโดยตลอด หลังจากได้พบกู้ซีจิ่วอีกครั้ง เขาก็ไม่กล้าก้าวออกมา ทำได้เพียงมองดูอยู่ไกลๆ ส่วนกู้ซีจิ่วก็ทำราวกับมองไม่เห็น ไม่ได้ทักทายเขา
ยามนี้เขานั่งร่วมโต๊ะกับแม่ทัพผู้นี้ เมื่อแม่ทัพคนนั้นกล่าวเช่นนี้ หัวใจเขาก็สั่นไหว มองไปที่จักรพรรดิซวนเช่นกัน
จักรพรรดิซวนเงียบงัน เพียงมองไปทางเหล่าขุนนางเบื้องล่าง
เป็นอันแน่นอนว่า ขุนนางที่อยู่ด้านล่างลุกขึ้นมาโต้กลับทันที “เหล่าฉาง เจ้าล้อเล่นกระมัง สำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์แห่งนั้นมิใช่ว่าใครหน้าไหนก็จะเข้าไปได้ตามอำเภอใจหรอกนะ!”