บทที่ 466
คุณสมบัติของกู้ซีจิ่ว 3
“เหล่าฉาง เจ้าล้อเล่นกระมัง สำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์แห่งนั้น มิใช่ว่าใครหน้าไหนก็จะเข้าไปได้ตามอำเภอใจหรอกนะ ที่นั้นเลื่องชื่อด้านความเข้มงวดในการรับศิษย์ จำเป็นต้องมีสานุศิษย์สวรรค์ เบื้องบนสามในห้าท่านให้การรับรองถึงจะเข้าได้ เป็นสถานที่ที่ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์สร้างขึ้นเพื่ออบรมบ่มเพาะยอดอัจฉริยะของทวีปซิงเยวี่ย…เหตุผลที่อวิ๋นซิงหลัวไปที่นั้นได้เป็นเพราะนางคือศิษย์ของ สวรรค์เบื้องบนตัวจริง เข้าเรียนที่นั้นก็สมเหตุสมผลแล้ว…”
แม่ทัพผู้นั้นชะงักงัน ยังคงไม่ยินยอมอยู่บ้าง “แต่แม่นางกู้ของพวกเราก็ไม่ธรรมดานี่ อายุยังน้อยก็บรรลุพลังวิญญาณขั้นห้าแล้ว ซ้ำยังสยบลู่อู๋สัตว์ขั้นแปดได้ด้วย ถึงนางจะไม่ใช่สานุศิษย์สวรรค์เบื้อง บน แต่ก็เป็นศิษย์ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ ไม่แน่สำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์อาจจะรับนาง…”
“เจ้าฝันอยู่หรือไร! คนที่เข้าไปยังสถานที่แห่งนั้นล้วนเป็นอัจฉริยะในหมู่อัจฉริยะ เป็นหัวกะทิในหมู่หัวกะทิ พลังวิญญาณขั้นต่ำต้องบรรลุขั้นห้า! แต่เมื่อก่อนแม่นางกู้เป็นสวะพลังวิญญาณ สักขั้นก็ไม่มี!”
ขุนนางผู้โต้กลับคนนั้นระเบิดอารมณ์ออกมา พูดจาไร้สิ่งกีดขวาง เมื่อกล่าวมาถึงตรงนี้ก็รู้สึกว่าไม่ถูกต้อง จึงรีบมองกู้ซีจิ่วแวบหนึ่ง กระแอมไอเอ่ย “แน่นอน ตอนนี้แม่นางกู้บรรลุขั้นห้าแล้ว แต่ก็มิใช่ พลังวิญญาณแต่แรกเริ่ม”
และเห็นได้ชัดว่ามีบางคนที่ไม่ลงรอยกับกู้เซี่ยเทียนประสมโรงซ้ำเติม พูดจาคล้อยตามขุนนางผู้นี้ “ใช่แล้วๆ กฎการรับศิษย์ของสถานที่แห่งนั้นพิถีพิถัน เป็นจริงเป็นจัง ไม่ผ่อนปรนให้แม้แต่น้อย! แม่นางกู้เข้าไม่ได้แน่นอน นางไม่มีคุณสมบัติข้อนี้จริงๆ”
กู้เซี่ยเทียนล่วงเกินคนไว้ไม่น้อย ประกอบกับกฎเกณฑ์การรับศิษย์ของสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์แทบจะเรียกได้ว่าเป็นกฎที่ตายตัว ดังนั้นผู้ที่คล้อยตามขุนนางผู้นั้นจึงมากขึ้นเรื่อยๆ
แนวคิดหลักก็คือกู้ซีจิ่วไม่มีคุณสมบัติพอจะเข้าสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์ ดันทุรังไปสมัครเรียนที่นั้นก็น่าขายหน้าเกินไป…
ยังมีบางคนเอ่ยวาจาเชือดเฉือนเยาะเย้ยออกมาตรงๆ “ถึงแม่นางกู้จะสร้างปาฏิหาริย์ไว้ไม่น้อย แต่ก็ยังเปรียบกับอวิ๋นซิงหลัวไม่ได้ ห่างชั้นกันเกินไป เป็นคนต้องรู้จักประมาณตน…”
‘ปั่ก!’ จอกหยกขาวในมือจักรพรรดิซวนวางลงบนโต๊ะอย่างแรง ในที่สุดก็ทำให้การโต้แย้งของเหล่าขุนนางยุติลงสำเร็จ
จักรพรรดิซวนมองไปรอบๆ อย่างเคร่งขรึม ฝูงชนค่อยๆ ก้มหัวลง
จักรพรรดิซวนกล่าวอย่างเฉยชา “ขุนนางทั้งหลายเอ่ยวาจาควรรู้จักยับยั้งชั่งใจเสียบ้าง! คุณสมบัติเฉกเช่นซีจิ่วพบเห็นได้ยากนัก ไม่ควรนำไปเปรียบเทียบกับผู้ที่ไม่มีความเกี่ยวข้อง เด็กที่มีคุณสมบัติยอดเยี่ยมไม่ว่าจะศึกษาที่สำนักศึกษาใดก็นำชื่อเสียงมาให้สำนักศึกษาแห่งนั้นได้ อีกอย่างสำนักศึกษาดารารายของอาณาจักรเฟยซิงก็ยอดเยี่ยมที่สุดแล้ว ซีจิ่วไปที่นั่นก็เหมาะสม”
เขามองกู้ซีจิ่วอีกครา เอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ซีจิ่ว สำนักศึกษาดารารายแห่งนั้นมีอาจารย์โด่งดังมากมายดุจเมฆา เจ้าไปที่นั่นจะได้เรียนรู้สิ่งต่างๆ มากมายแน่นอน เจ้ากลับไปพักผ่อนก่อนเถิด อีก 3 วันให้หลังเราจะเขียนจดหมายสักฉบับส่งไปให้อาจารย์ของสำนักศึกษาแห่งนั้น เขาจะจัดการให้เจ้าอย่าเหมาะสมแน่นอน ใช่แล้ว ยามเจ้าไปที่นั่นเราจะให้เจียหลัวกับเช่อเอ๋อร์ไปเป็นเพื่อนเจ้าด้วย พวกเขาเป็นศึษย์ของที่นั่น ช่วยให้เจ้าคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมของที่นั่นได้”
กู้ซีจิ่วหัวเราะอย่างอดไว้ไม่อยู่
จักรพรรดิซวนกับขุนนางเหล่านี้ร้องรับเข้าคู่กันดีเหลือเกิน!
กล่าวได้ว่าต้องสิ้นเปลืองเรี่ยวแรงไปมากมายเพื่อจะทำให้เธอยินยอมพร้อมใจเข้าสำนักศึกษาดาราราย
บ้างก็รับบทดี บ้างก็รับบทร้าย แล้วค่อยประนีประนอมกัน เพื่อทำให้เธอไม่สามารถปฏิเสธได้
หากกู้ซีจิ่วเป็นเพียงเด็กอายุสิบกว่าปีคนหนึ่งจริงๆ ย่อมถูกพวกเขาหลอกไปแล้ว ถูกขายแล้วยังต้องช่วยนับเงินอีก!
แต่เธอคือกู้ซีจิ่ว ชั่วชีวิตนี้คนประเภทใดบ้างเล่าที่ไม่เคยพบเจอ เรื่องสกปรกโสมมใดบ้างเล่าที่ไม่เคยมีประสบการณ์? แล้วจะมองเรื่องขี้ปะติ๋วเช่นนี้ไม่ออกได้อย่างไรกัน?
หากมิใช่จักรพรรดิซวนแจกบทไว้ล่วงหน้า ตาเฒ่าเหลี่ยมจัดที่คร่ำหวอดอยู่ในวงการขุนนางเหล่านี้ไหนเลยจะกล้าพูดจากำเริบเสิบสานเช่นนี้?!