บทที่ 467
คุณสมบัติของกู้ซีจิ่ว 4
จักรพรรดิซวนเกรงว่าศิษย์เทพศักดิ์สิทธิ์เช่นเธอจะถูกอาณาจักรอื่นดึงตัวไป ดังนั้นจึงหาวิธีรั้งให้เธออยู่ในอาณาจักรตน
สำนักศึกษาดารารายคือสำนักศึกษาที่ดีที่สุดในอาณาจักรเฟยซิงจริงๆ แต่ก็เป็นสำนักศึกษาที่รับใช้เพียงอาณาจักรเฟยซิงเท่านั้น และเป็นที่อบรมบ่มเพาะหัวกะทิผู้มีความสามารถให้แก่อาณาจักรนี้
ได้ยินว่าในนั้นบริหารจัดการเฉกเช่นการทหาร ถึงขั้นที่ว่าถูกล้างสมองให้ท่องคำขวัญทุกวัน
หากเธอเข้าเรียนที่นั่น ย่อมต้องรั้งอยู่ในอาณาจักรเฟยซิงเท่านั้น ไปที่อื่นไม่ได้อีกเลย
ต่อให้ไปอาณาจักรอื่นก็จะถูกระแวงว่าเป็นไส้ศึกที่โดนส่งมา…
แต่สำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์ ร่ำลือกันว่าเทพศักดิ์สิทธิ์ก่อตั้งขึ้นมาเมื่อหลายร้อยปีก่อน จะรับผู้มีดวามสามารถและยอดอัจฉริยะจากทั่วแผ่นดิน ปรมาจารย์ก็ได้รับการคัดเลือกมาจากอาณาจักรต่างๆ จึงย่อมแข็งแกร่งเป็นพิเศษ เมื่อลูกศิษย์สำเร็จการศึกษาออกมาก็สามารถท่องไปได้ทั่วแผ่นดิน…
เมื่อนำสำนักศึกษาดารารายมาเทียบกัน ก็เหมือนเอามหาวิทยาลัยชั้นสองไปเปรียบเทียบกับมหาวิหยาลัยชั้นหนึ่งของโลก แทบจะเทียบกันไม่ได้เลย
กู้ซีจิ่วมองหรงเจียหลัวและหรงเช่อ หรงเจียหลัวขมวดคิ้วนิดๆ ไม่พูดอะไร หรงเช่อโบกพัดเงียบๆ แต่นัยน์ตากลับปรากฎแววยิ้มขื่นและไม่เห็นด้วย
เห็นได้ชัดเจนว่าหรงเจียหลัวและหรงเช่อไม่ทราบเรื่องมาก่อน แถมพวกเขายังมองการดีดลูกคิดรางแก้วของจักรพรรดิซวนออกด้วย เพียงแต่ไม่สามารถคัดค้านได้เท่านั้น
หยกนภาก็กลัดกลุ้ม ‘เจ้านาย บอกเลยว่าท่านเข้าสำนักชุมนุมสวรรค์น่ะเหมาะสมที่สุดแล้ว ไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลังถึงเพียงนั้น แต่เงื่อนไขของที่นั้นสูงเกินไป เราเบียดเข้าไปไม่ได้หรอก บางทีทูต สวรรค์ฝ่ายซ้ายอาจมีวิธี แต่ท่านเพิ่งจะถอนหมั้นกับเขา แถมตอนอยู่ในป่าทมิฬเขาก็ทอดทิ้งท่านแล้วจากไปเหมือนฟั่นเฟือน ต่อให้ท่านไปขอร้องเขา ก็ยังไม่แน่ว่าเขาจะออกแรงเพื่อท่านสักครั้ง ยิ่งไปกว่านั้นคือต้องให้สานุศิษย์สวรรค์เบื้องบน 3 คนให้การรับรอง …หลงซือเย่อาจจะยอมช่วยท่าน ทูตสวรรค์ฝ่ายขวานิสัยไม่แน่นอน ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายไม่ขัดขาท่านก็นับว่าไม่เลวแล้ว ส่วนฮวาอู๋เหยียนกับเชียนเยวี่ยหร่าน ท่านไม่คุ้นเคยกับพวกเขา ย่อมคาดหวังไม่ได้’
‘เช่นนั้นเทพศักดิ์สิทธิ์ล่ะ?’ จู่ๆ กู้ซีจิ่วก็ถามมันขึ้นมา
‘หากเทพศักดิ์สิทธิ์ออกหน้ารับรองด้วยตนเองท่านย่อมไปที่นั่นได้ แต่ว่า…แต่มิใช่ว่าท่านมิเคยพบท่านเทพศักดิ์สิทธิ์เลยหรอกหรือ? แล้วจะขอให้เขาช่วยได้ยังไง? ข้าได้ยินว่าท่านเทพศักดิ์สิทธิ์พบเจอได้ยากเย็นเป็นที่สุด สานุศิษย์สวรรค์ทั้งห้าต้องการจะพบเขาก็ยังต้องรอตั้งหลายปี…’
“ซีจิ่ว เจ้าคิดเห็นอย่างไร?” จักรพรรดิซวนเห็นกู้ซีจิ่วหลุบตาไม่พูดไม่จามาตลอด จึงถามอย่างอดไม่ได้
“แม่นางกู้ สำนักดารารายของอาณาจักรเราก็เข้าได้ยากเย็นยิ่ง หากมิใช่ฝ่าบาททรงเขียนจดหมายรับรองด้วยพระองค์เอง ก็ไม่แน่ว่าท่านจะสามารถเข้าไปได้…”
“ใช่แล้ว นี่คือพระเมตตาของฝ่าบาท…” เหล่าขุนนางพากันเอื้อนเอ่ย คล้อยตามจักรพรรดิซวน แสดง ความเห็นของแต่ละคน
ประเด็นหลักก็คือกู้ซีจิ่วสามารถเข้าเรียนที่สำนักศึกษาดารารายได้ เป็นเพราะผลบุญที่บรรพบุรุษแปดชั่วโคตรสั่งสมมา หากปฏิเสธก็ไม่รู้ดีรู้ช้าเกินไปแล้ว…
กู้ซีจิ่วเลิกคิว ขณะที่กำลังจะเปิดปากเอ่ย ขันทีซึ่งอยู่ด้านนอกก็เข้ามารายงานด้วยเหงื่อไหลเต็มหน้าผาก “ฝ่าบาท ท่านเทพ…สาวกท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ท่านทูตเจี่ยงซั่น(ทูตคุณ) มาเยือนพะย่ะค่ะ…”
เนื่องจากเขาตื่นเต้นเกินไป จึงพูดจาตะกุกตะกัก
ทั่วทั้งห้องโถงพลันเงียบงัน
“อะไรนะ?!” จักรพรรดิซวนลุกพรวดขึ้นอย่างลืมตัว เกือบทำให้โต๊ะที่อยู่ด้านหน้าพลิกคว่ำแล้ว
……………………
จักพรรดิซวนนำขบวนข้าราชบริพารทั้งหมดที่นั่น ใช้วิธีที่ยิ่งใหญ่อลังการไปเชื้อเชิญทูตดเจี่ยงซั่นในตำนานผู้นั้นเข้ามา
ชื่อเสียงของทูตทั้งสี่ที่อยู่ข้างกายเทพศักดิสิทธิ์ยังคงดังเลื่องลือ แต่เนื่องจากทั้งสี่ท่านนี้ปรากฎตัวน้อยยิ่ง คนส่วนมากจึงไม่เคยพบเห็นพวกเขา
กระทั่งจักรพรรดิซวนก็เคยพบทูตเจี่ยงซั่นเพียงหนเดียว…
ทูตเจียงซั่นสวมเสื้อคลุมสีเขียวตัวหลวม ใบหน้าสวมหน้ากากที่ดูอิ่มเอิบเปี่ยมเมตตาปานพระโพธิสัตว์ เรือนกายผอมเพรียวดั่งต้นอวี้ เสียงใสปานธารนํ้าจากหุบเขา