Skip to content

ลำนำบุปผาพิษ 335

บทที่ 335

ไฉนยามนี้ถึงสมองกลวงเช่นนี้เล่า?

ผลลัพธ์สุดท้ายนางมี 2 ข้อเหมือนกับกู้ซีจิ่ว อวิ๋นซิงหลัวเป็นศิษย์ของสวรรค์เบื้องบน!

แล้วยังมีอัตลักษณ์เหมือนทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายด้วย!

ผลลัพธ์เช่นนี้กลายเป็นข่าวฮือฮา แพร่กระจายไปทั่วทวีปอย่างรวดเร็ว และทำให้บรรยากาศในเมืองของอาณาจักรเฟยซิง ค่อนข้างลึกลับขึ้นมาอย่างน่าประหลาด

ประชาชนในอาณาจักรเฟยซิงที่เดิมทีรู้สึกว่า ถึงแม้กู้ซีจิ่วของอาณาจักรตนจะไม่ใช่สานุศิษย์ของสวรรค์เบื้องบน แต่ก็เป็นศิษย์ของเทพศักดิ์สิทธิ์ ไม่ต่างจากสานุศิษย์ของสวรรค์เบื้องบนเท่าไหร่ โอ้อวดต่อประชาชนของอาณาจักรอื่นๆ ได้ และเป็นความภาคภูมิใจอีกด้วย

นึกไม่ถึงว่าอวิ๋นซิงหลัวของอาณาจักรเฮ่าเยวี่ยผู้นี้กลับเป็นสานุศิษย์ของสวรรค์เบื้องบนตัวจริง!

ยามนี้ทั่วทั้งอาณาจักรเฮ่าเยวี่ยล้วนคึกคัก ประชาชนตีฆ้องร้องป่าวเฉลิมฉลองบนท้องถนน จักรพรรดิของอาณาจักรเฮ่าเยวี่ยก็ส่งองค์รัชทายานเดินทางมารับตัว กล่าวกันว่ากองทหารหลวงกำลังเร่งรีบ เดินทางมาแล้ว

ครานี้อาณาจักรเฮ่าเยวี่ยดำเนินการยิ่งใหญ่ยิ่งนัก จุดประทัดมาตลอดทางไม่พอ ยังโปรยทานให้ประชาชนมาเก็บอีกด้วย กล่าวกันว่าเป็นการแบ่งปันความสุขให้

เงินที่โปรยทานมากมายก่ายกองยิ่ง ทำให้ประชาชนที่ตามชมเรื่อง ครึกครื้นอยู่ด้านหลังเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ และสนุกสนานมากขึ้นทุกที

เนื่องจากในทวีปนี้ ทั้ง 3 อาณาจักรคานอำนาจกัน อยู่ในสภาวะสมดุลอันละเอียดอ่อน ดังนั้น 3 อาณาจักรจึงไม่เปิดศึกกันง่ายๆ 2 ปีที่ผ่านมาสงบสุขมาก ประชาชนไปมาหาสู่กัน พ่อค้าและนัก เดินทางนับไม่ถ้วนเดินทางไปยังอาณาจักรอื่นๆ

ในเมืองหลวงของอาณาจักรเฟยซิงย่อมมีชาวเฮ่าเยวี่ยอยู่ไม่น้อย ชั่วเวลาที่คนเหล่านี้ทราบว่าอวิ๋นซิงหลัวเป็นสานุศิษย์ของสวรรค์เบื้องบนก็ดีใจจนแทบคลั่ง จัดขบวนขึ้นมาเอง เชิดมังกรเชิดสิงโต อยู่บนท้องถนน ครึกครื้นกว่าปีใหม่เสียอีก แล้วยังมีการเฉลิมฉลองยินดี

ในทางตรงกันข้าม ประชาชนของอาณาจักรเฟยซิงกลับค่อนข้างห่อเหี่ยว…

ตอนอวิ๋นซิงหลัวมาถึงอาณาจักรเฟยซิงเดิมทีก็พักอยู่ในโรงเตี้ยมจุดพักม้า ยามนี้นางได้รับการยืนยันว่าเป็นศิษย์ของสวรรค์เบื้องบนแล้ว เมื่อฐานะของนางเป็นที่กระจ่าง ต่อให้จักรพรรดิซวนอึดอัดใจแค่ไหน ก็ต้องฝืนยิ้มยินดีแล้วจัดตำหนักอันโอ่อ่าหลังอื่นให้นางพำนัก เพื่อรับรองว่าที่เจ้าสำนักในอนาคต

ยามที่กู้ซีจิ่วกลับมา ความคึกคักที่ดุเดือดเร่าร้อนก็จางลงไปมากแล้ว แต่ยังพบเห็นชาวเฮ่าเยวี่ยเชิดสิงโตบนท้องถนนบ้างเป็นครั้งคราว ไม่ว่าจะเดินไปที่ใดก็จะได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับอวิ๋นซิงหลัวแว่วเข้ามาในหูอยู่ตลอด

แน่นอน ตอนที่ผู้คนสนทนาเรื่องอวิ๋นซิงหลัว จะต้องเอ่ยถึงกู้ซีจิ่วเล็กน้อยอย่างเลี่ยงไม่ได้ ทำให้กู้ซีจิ่วถูกเพ่งเล็งจากทุกทิศทุกทางอย่างไม่มีสาเหตุ…

……………………

เมื่อกู้ซีจิ่วกลับถึงจวนแม่ทัพก็ยังไม่ได้รับความสงบ เธอปิดด่านกักตนแล้วขจัดอุปกรณ์แปลงโฉมทิ้ง เปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าชุดเดิม พอออกมาก็พบกับกู้เซี่ยเทียน…

กู้เซี่ยเทียนนึกว่าเธอกักตนฝึกฝนมาโดยตลอด เมื่อเห็นเธอออกมาก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ท่าทางประหลาดอยู่บ้าง เขาคิดว่ากู้ซีจิ่วกักตนฝึกฝนอยู่สิบกว่าวัน คงไม่ทราบข่าวลือด้านนอกพวก นั้น เกรงว่าถ้านางออกไปข้างนอกแล้วได้ยินเข้าทีหลังจะรู้สึกอึดอัด จึงเตรียมถ้อยคำมาปลอบโยนล่วงหน้า…

กู้ซีจิ่วฟังอย่างไม่ใคร่ใส่ใจนัก ค่อนข้างรำคาญเล็กน้อย เลยหาข้ออ้างขอตัวจากไป

เดิมทีเธอคิดจะกลับไปสอดส่องเรือนของตนก่อน นึกไม่ถึงว่าจะพบคนกลุ่มหนึ่งเดินผ่านมา

หัวขบวนคือเหลิ่งเซียงอวี้ ข้างกายนางคือกู้เทียนเฉาบุตรชายหัวแก้วหัวแหวนของนางที่มาเป็นเพื่อน ที่เหลือคือสาวใช้อาวุโสจำนวนหนึ่ง

เมื่อพวกนางมองเห็นกู้ซีจิ่วก็ล้วนชะงักฝีเท้า แทบจะมีเปลวไฟลุกโชนขึ้นมาในดวงตาของเหลิ่งเซียงอวี้ แต่ใบหน้ากลับแค่นยิ้มออกมาก่อน “อุ๊ย นี่มิใช่คุณหนูหกลูกศิษย์เทพศักดิ์สิทธิ์หรอกหรือ? ในที่สุดคุณหนูหกก็ออกจากการกักตนแล้ว? ทราบข่าวลือเหล่านั้นที่เล่าลืออยู่ภายนอกหรือไม่?”

เดิมทีกู้ซีจิ่วคร้านจะใส่ใจนาง เตรียมจะหลบเลี่ยงไป นึกไม่ถึงว่านางจะเป็นฝ่ายหาเรื่องตนก่อน…

คนผู้มีปกติดูเหมือนมีอุบายอยู่ในใจเสมอ ไฉนยามนี้ถึงสมองกลวงเช่นนี้เล่า?

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version