บทที่ 468
ตรวจสอบด้วยตนเอง 1
ทูตเจี่ยงซั่นผู้นี้เป็นบุคคลที่ตรงไปตรงมายิ่งนัก เขาหยิบป้ายหยกส่องประกายชิ้นหนึ่งมาจากเอวก่อนเป็นอันดับแรก ยืนยันฐานะของตน จากนั้นก็กล่าวจุดประสงค์ที่ตนมาอย่างชัดเจน “ฝ่าบาท ตัวข้าผู้ เป็นทูตมาเพื่อแจ้งโองการจากท่านเทพศักดิ์สิทธิ์”
โองการจากท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ ทุกคนจะต้องคุกเข่ารับฟัง ดังนั้นทั่วโรงนํ้าชาใหญ่โตจึงเกิดเสียงคุกเข่าดังตึงขึ้นอย่างพร้อมเพรียง ไม่เว้นแม้แต่จักรพรรดิซวน
กู้ซีจิ่วไม่ได้เตรียมตัว ซ้ำยังค่อนข้างใจลอย รอจนปฏิกิริยาตอบสนองของเธอกลับมา ทั่วทั้งโรงนํ้าชาก็เหลือเพียงเธอที่ยังยืนอยู่ตรงนั้น เหมือนนกกระสาในฝูงไก่
ทูตเจี่ยงซั่นมองไปทางเธอ “กู้ซีจิ่ว โปรดรับโองการท่านเทพศักดิ์สิทธิ์!”
โองการของท่านเทพศักดิ์สิทธิ์มอบให้เธอหรือ?
กู้ซีจิ่วเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ เธอย่อมไม่โง่งมจนดื้อรั้นถือดี มิยอมก้มหัวคารวะในเวลานี้ จึงคุกเข่าลงไปเช่นกัน
ทูตเจี่ยงซั่นโบกมือ ม้วนสารสีเงินยวงม้วนหนึ่งปรากฎมากลางอากาศ ตัวอักษรที่งดงามดุจหงส์ร่อนมังกรรำปรากฎขึ้นมาบนม้วนสารตามลำดับ มีข้อความสั้นๆ เพียงไม่กี่ประโยค ‘ศิษย์เทพศักดิ์สิทธิ์กู้ซีจิ่วต้องเข้าศึกษาที่สำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์ ให้ออกเดินทางทันที ทูตเจี่ยงซั่นจะเป็นผู้ไปส่ง’
ตัวอักษรบนม้วนสารนั้นเห็นกันอยู่ชัดๆ ว่าไม่ใหญ่โต แต่ทุกคนที่อยู่ในที่แห่งนี้ล้วนเห็นกันอย่างชัดเจนแจ่มแจ้งยิ่ง
จักรพรรดิซวนตกตะลึง…
เหล่าขุนนางตกตะลึง…
กู้ซีจิ่วก็ตกตะลึงเช่นกัน…
ทูตเจี่ยงซั่นผายมือไปหางกู้ซีจิ่ว “แม่นางกู้ เชิญ!”
………………………
โองการของเทพศักดิ์สิทธิ์ใม่มีผู้ใดกล้าคัดค้าน จักรพรรดิซวนก็ไม่กล้าเช่นกัน ด้วยเหตุนี้ต่อให้ในใจของเขาไม่ยินยอม ก็ทำได้เพียงเบิกตามองทูตเจี่ยงซั่นผู้นั้นพากู้ซีจิ่วจากไป
ทูตเจี่ยงซั่นผู้นี้มีจริยธรรมยิ่ง ปฏิบัติหน้าที่ตามที่ได้รับมอบหมายอย่างสมบูรณ์ หลังจากมาถึงที่นี่แม้แต่นํ้าสักอึกก็ไม่ดื่ม แต่จากไปทันที
เมื่อทูตเจี่ยงซั่นมาถึงด้านนอกก็ผิวปาก รถม้าสีขาวงาช้างคันหนึ่งที่เทียมด้วยอาชาเวหาสองตัวก็พุ่งลงมาจากฟ้า ร่อนลงบนพื้น
รกม้าดูเรียบหรู รอบด้านคล้ายมีไอเมฆห้อมล้อม ดูราวกับราชรถเซียนสวรรค์
“แม่นางกู้ ขึ้นรถเถิด ข้าต้องไปส่งท่านตามที่ได้รับมอบหมาย”
กู้ซีจิ่วลังเลเล็กน้อย “เช่นนั้นเพรียกวายุของข้าจะทำอย่างไร?”
เพรียวายุเป็นสัตว์บก เหินเมฆาไม่ได้
“วางใจเถอะ จักพรรดิซวนจะให้คนไปส่งมันที่สำนักศึกษาชุมนุนสวรรค์ แม่นางกู้ร่วมทางไปกับข้าผู้เดียวก็พอ” ทูตเจี่ยงซั่นเอ่ย
กู้ซีจิ่วมองไปที่จักรพรรดิซวน จักรพรรดิซวนย่อมตกปากรับคำ ให้นางเดินทางอย่างสบายใจไร้กังวล เพรียกวายุของนางเขาจะให้คนไปส่งโดยเฉพาะ
เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ กู้ซีจิ่วก็ไม่พูดมากอีกต่อไป หันหลังขึ้นรถม้า เข้าไปในห้องโดยสาร
ทูตเจี่ยงซั่นก็เหินกายขึ้นรถม้า เมื่อตวัดแส้ที่ปรากฎขึ้นในมือเบาๆ อาชาเวหาก็ลากรถม้าทะยานขึ้นสู่ฟ้า จากไปไกลในชั่วพริบตา
จวบจนรถม้าคันนั้นหายลับไปจากขอบฟ้าไกลลิบ ฝูงชนก็ยังไม่ตื่นขึ้นมาจากความตกตะลึง
ถึงแม้ระยะนี้กู้ซีจิ่วจะถูกขนานนามว่าศิษย์เทพศักดิ์สิทธิ์มาตลอด แต่ก็เป็นเพียงการวินิจฉัยของท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายในตอนนั้นเท่านั้น ไม่เคยได้รับการยืนยันอย่างแท้จริง ทว่ายามนี้กลับได้รับการยืนยันอย่างสมบูรณ์ด้วยการมาเยือนของทูตเจี่ยงซั่น!
นางเป็นศิษย์ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์จริงๆ! ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ปฏิบัติต่อนางต่างจากผู้อื่นจริงๆ ด้วย!
ริษยา สงสัย ตกตะลึง ระคนยินดี ทุกข์ร้อนกับผลประโยชน์…
สารพัดอารมณ์ผสมปนเปอยู่ในใจของฝูงชน
ท่ามกลางความเงียบงันในที่สุดบางคนก็เอ่ยขึ้นมา “ที่แท้นางเป็นศิษย์ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์จริงๆ!”
“แต่ว่า ด้วยคุณสมบัติของนางน่าจะไม่มีคุณสมบัติพอจะเข้าสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์มิใช่หรือ?” มีบางคนยังไม่ยอมรับ
“จะไม่มีคุณสมบัติได้อย่างไร? บนโลกนี้ยังมีใครที่สามารถบรรลุพลังวิญญาณจากขั้นสองไปสู่ขั้นห้าภายในระยะครึ่งปีหรือไม่?” องค์รัชทายาททรงเจียหลัวกล่าวอย่างเย็นชา
ฝูงชนเงียบงัน ไม่มีใครเปิดปากพูดแล้ว
อันที่จริง ในโลกนี้ก็มีเพียงกู้ซีจิ่วที่เคยสร้างปาฏิหาริย์เช่นนี้
องค์ชายหรงเช่อโบกพัดพลางมองทิศทางที่กู้ซีจิ่วหายลับไป ดวงตาฉายแววครุ่นคิด…