บทที่ 531
ความโปรดปรานของท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ 1
เพียงแต่เธอไม่สามารถกล่าวประโยคเหล่านี้ออกไปได้ ด้วยเหตุนี้เธอจึงกล่าวขอบคุณอีกครั้งรับเสื้อผ้ามาหาสถานที่ลับตาแล้วเปลี่ยน
อาภรณ์ชุดนั้นเป็นสีฟ้า เนื้อผ้าอ่อนนุ่มบางเบา มิใช่ผ้าไหมหรือผ้าฝ้าย และไม่ทราบว่าทำมาจากวัสดุใด เมื่อสวมบนร่างจะรู้สึกอบอุ่นลื่นไหลพลิ้วไหว เหมาะสมอย่างยิ่ง รูปทรงก็ดูดียิ่ง ปลิวไสวยามลม พัดโชย
ที่สำคัญกว่านั้นคือ หลังจากสวมอาภรณ์ชุดนี้ กู้ซีจิ่วรู้สึกว่าความรู้สึกปวดชาบนร่างกายลดลงไม่น้อย รอยฟกช้ำที่เกิดจากการถูกโซ่เหล็กล่ามเหล่านั้นก็ราวกับได้รับการเยียวยา ความรู้สึกเมื่อยล้าไม่มีเหลือแล้ว
จุดบกพร่องเพียงอย่างเดียวก็คือเสื้อผ้าชุดนี้ค่อนข้างหลวม ไม่ขับเน้นเรือนร่างในปัจจุบันที่เธอแสนภูมิใจ…
ชีวิตเธอผ่านเหตุการณ์อกสันขวัญแขวน ผ่านการจองจำขังคุก ก้อนเนื้อหลายเหลียงในร่างที่เพิ่งขุนขึ้นมาหายไปเพราะความเหนื่อยล้า จึงผอมลงไม่น้อย เพียงแต่ผอมได้ถูกจุดมาก เอวเพรียวบางประหนึ่งกุมแล้วจะหัก ทว่าทรงอกกลับลดลงไม่เท่าไหร่
ชุดนี้ที่เขามอบให้ถึงแม้จะพลิ้วไหว แต่กลับขับเน้นทรวงอกได้ไม่เท่าชุดที่เธอใส่ก่อนหน้านี้
ชุดจะหลวมไปหน่อยก็ไม่เป็นไร เดี๋ยวเธอผูกแถบแพรเส้นหนึ่งไว้ตรงบั้นเอว แค่นี้ก็มองไม่ออกแล้ว
…………………..
สายลมรำเพย ทุ่มหญ้าเขียวขจี สายธารไหลริน ผีเสื้อเริงระบำ
กู้ซีจิ่วเดินเคียงข้างท่านเทพศักดิ์สิทธิ์…
ผ่านไปเกือบครึ่งชั่วยามแล้ว ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ผู้อาวุโสยังคงไม่พูดจาเข้าประเด็นกับเธอเช่นเดิม เขาถึงขั้นไม่พูดไม่จาอะไรเลย เอาแต่เดินเอ้อระเหยกับเธออยู่เช่นนี้…
กู้ซีจิ่วรู้สึกว่าสถานการณ์นี้ค่อนข้างคล้ายกับยุคปัจจุบันที่คู่รักจะไปเดินเล่นด้วยกัน…
ไม่ถูกสิ ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์เป็นผู้อาวุโส เธอเป็นชนรุ่นหลัง ต้องเรียกว่าปู่เดินเล่นกับหลานสินะ?
“สภาพแวดล้อมของที่นี่นับว่าไม่เลว” ในที่สุดท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ก็เปิดปากเอ่ย ยามที่เอ่ยประโยคนี้ เขากับเธอเดินเล่นรอบๆ ได้หลายลี้แล้ว
พบเห็นลำธาร เหวเล็กๆ นํ้าตก ทุ่งหญ้า เป็นระบบนิเวศแบบดั้งเดิมยิ่ง
“อื้อ” กู้ซีจิ่วตอบรับ จากนั้นก็รู้สึกว่าตอบคำเดียวออกจะเฉยชาไปหน่อย จึงเอ่ยเสริมอีกประโยค”อากาศก็ไม่เลวเจ้าค่ะ”
กล่าวจบก็รู้สึกประดักประเดิด นี่ก็คือบทสนทนาฝืดเฝื่อนที่ร่ำลือ กันสินะ?
ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ สรุปแล้วท่านจะพูดอะไรกับข้ากันแน่? พวกเราเข้าประเด็นกันเลยได้ไหม?
เธอยังพะวงถึงเจ้าหอยยักษ์ของเธออยู่ เจ้านั่นไม่ได้กินอาหารมาหลายวัน น่าจะหิวจนร้องไห้แล้ว…
“ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ ท่านมีเรื่องใดจะสั่งการซีจิ่วหรือเจ้าคะ?” กู้ซีจิ่วเป็นฝ่ายเริ่มก่อน
ในที่สุดท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ก็มองเธอแวบหนึ่ง เธอยังคงแย้มยิ้มอย่างสุภาพยิ่งนักเช่นเดิม เป็นรอยยิ้มที่ได้มาตรฐานยิ่ง เป็นมืออาชีพมาก…
ดูเหมือนนางจะเดินเล่นจนหน่ายแล้ว…
จู่ๆ ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ก็ละสายตาไป กล่าวอย่างเฉยชา “เจ้าคิดเห็นอย่างไรเกี่ยวกับคนร้ายที่บงการอยู่เบื้องหลังเรืองในครั้งนี้?”
กู้ซีจิ่วนิ่งไปเล็กน้อย ตัดสินใจกล่าวไปตามจริง “ซีจิ่วรู้สึกว่าเรื่องนี้มิได้ง่ายดายปานนั้น การตายของอาจารย์จือผู้นั้นค่อนข้างมีเงื่อนงำ…”
ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์มองเธอ “พูดต่อไป”
ดังนั้นกู้ซีจิ่วจึงกล่าวต่อไป “เรื่องนี้ฉากหน้าดูเหมือนง่ายดายยิ่งนัก หูชิงชิงที่มีความแค้นเล็กน้อยกับซีจิ่วเอาตัวเข้าแลก ให้อาจารย์จือลอบส่งคนไปพังกระท่อมข้า ทำให้ข้ารู้ซึ้งถึงความลำบากแล้วยอมถอยไปเอง ไสหัวออกไปจากสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์ ส่วนอาจารย์จือเป็นเพราะศิษย์ทั้งสองเผยเรื่องฉาวโฉ่ของเขาออกมา เขาเกรงว่าจะถูกเปิดโปงดังนั้นจึงลอบโจมตีศิษย์ทั้งสองจนตาย จากนั้นก็โยนความผิดใส่ข้ากับเจ้าหอยยักษ์ ต่อให้ข้ากับเจ้าหอยยักษ์ไม่ถูกลงโทษถึงตาย ก็ต้องถูกขับไล่ออกไปจากสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์ แต่เป็นเพราะการจัดการอย่างปราดเปรื่องของท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ ทำให้แผนร้ายของอาจารย์จือเผยออกมา เขาร้อนรนใจ ด้วยเหตุนี้จึงถูกธาตุไฟเข้าแทรกแผดเผาตัวเอง ได้รับผลกรรม เรื่องเหล่านี้ดูเหมือนปกติไม่มีปัญหา ตามตรรกะแล้วสมเหตุสมผลยิ่ง แต่ซีจิ่วรู้สึกอยู่ตลอดว่าค่อนข้างประหลาด…”
ดวงตาท่านเทพศักดิ์สิทธิ์โค้งขึ้นนิดๆ ราวกับยิ้มอยู่ “ประหลาดตรงไหน?”