Skip to content

ลำนำบุปผาพิษ 1294

บทที่ 1294 หาใช่หมกมุ่น แต่เป็นความคำนึงที่ซึมลึกถึงกระดูก

เธอเป็นผู้เชี่ยวชาญ ย่อมทราบว่าข้าวของในห้องนี้ล้วนเป็นของชั้นเลิศ ตี้ฝูอีผู้นี้ให้ความสำคัญกับความสมบูรณ์แบบ ข้าวของที่เขารังสรรค์ เรียกได้ว่าไร้ที่ติ

เครื่องนอนปูไว้อย่างดี มีผ้านวมเพียงผืนเดียว ชัดเจนยิ่งนักในคืนวิวาห์เดิมทีบ่าวสาวก็ต้องห่มผ้านวมผืนเดียวกันอยู่แล้ว หากว่าเธอไม่ได้หนีงานแต่ง ยามนี้เธอคงนั่งอยู่หน้าเตียง รอเขามาเปิดผ้าคลุม คล้องแขนดื่มสุรา จากนั้น…

ยื่นมือไปหมายจะสัมผัสผ้านวมใต้ร่างอย่างห้ามใจไม่อยู่ วลีหนึ่งแวบผ่านเข้ามาในสมอง…ผ้านวมแดงพลิกตลบ

มือเธอยังสัมผัสไม่ถูกผ้านวมก็ลอยขึ้นมาแล้วติดอยู่บนยอดม่าน มองเห็นทุกอย่างใต้ร่าง ในใจงุนงงบอกไม่ถูกว่ารู้สึกอย่างไร

ขณะที่เธอใจลอยอยู่ ทันใดนั้นบานประตูก็มีเสียงแว่วขึ้นเบาๆ คนผู้หนึ่งผลักประตูเข้ามา เธอมองออกไปนอกม่านเตียงทันที หัวใจพลันเต้นกระหนํ่าขึ้นมา ผู้ที่เข้ามาคือตี้ฝูอี เขาสวมชุดเจ้าบ่าวอย่างเป็นทางการอาภรณ์สีแดงเข้มลากระพื้นขับให้วงหน้าเขากระจ่างดั่งหยก

กู้ซีจิ่วเคยเห็นเขาใส่ชุดม่วงบ้าง ชุดขาวบ้าง น้อยนักที่จะได้เห็นเขาสวมชุดแดง หลงนึกว่าเขาไม่ค่อยเข้ากับสีนี้เท่าไหร่ ที่แท้เมื่อเขาสวมอาภรณ์แดงก็ดูสดใสทรงเสน่ห์ถึงเพียงนี้ สูงศักดิ์ไร้ใดเทียม

กู้ซีจิ่วมองเขาที่อยู่ในชุดเจ้าบ่าวเต็มยศ ประหลาดใจอยู่บ้าง งานแต่งยกเลิกไปแล้ว เขายังสวมชุดเจ้าบ่าวเช่นนี้อีกทำไม?

หลังจากตี้ฝูอีเข้ามาก็ไม่ได้พบเห็นเธอที่ซ่อนอยู่บนยอดม่าน เขานั่งลงบนเตียงทันที จ้องมองกาสุราชุดหนึ่งบนโต๊ะอย่างเหม่อลอย

สายตาของกู้ซีจิ่วร่อนลงบนกาสุราชุดนั้น นึกออกในทันใดว่ากาสุราชุดนี้เป็นสิ่งที่เมื่อก่อนเธอปรารถนา ยามนั้นตี้ฝูอียังอยู่ในฐานะของเทพศักดิ์สิทธิ์อยู่ข้างๆ เธอ ยังหยอกเธอเล่นอยู่เลยว่าหากเธอชอบกาสุราชุดนี้ก็ให้หมั้นหมายกับตี้ฝูอี ให้เขาจะมอบกาสุราชุดนี้ให้เป็นของหมั้น

อดีตดั่งเมฆหมอกเลื่อนลอยวาบขึ้นมาในใจเธอ และทำให้หัวใจของเธอบีบรัดในทันใด เธอแปะอยู่ตรงนั้นเหมือนกระดาษแผ่นหนึ่ง มองเขาอย่างเลื่อนลอย ในใจดั่งมีระลอกคลื่นซัดถาโถม มีคนกล่าวไว้ว่าสิบปีพลัดพรากแยกจากเป็นตาย แต่เธอกับเขาแยกจากกันเพียงสิบวันเท่านั้น ทว่าความรู้สึกเธอกลับเสมือนแยกจากกันนานสิบปี…

หาใช่หมกมุ่น แต่เป็นความคำนึงที่ซึมลึกถึงกระดูก[1]

ทราบว่านี่คือความฝัน ทราบว่าเขามองไม่เห็นตน ดังนั้นกู้ซีจิ่วจึงเพ่งพิศพินิจเขาอย่างเปิดเผยโจ่งแจ้ง

ความจริงแล้วเธอทราบว่าตนสมควรจะจากไป ในเมื่อชะตาลิขิตให้ไร้วาสนา ไยจะต้องต้องพัวพันยืดเยื้อไปให้มากความ ในเมื่อตัดขาดทุกอย่างกับเขาแล้วก็ไม่ควรจะละโมบในการมองเขาอีกต่อไป แต่ทราบก็ส่วนทราบ จะทำได้หรือไม่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เธอแปะอยู่ตรงนั้นสองจิตสองใจอยู่พักใหญ่ ยังคงหักใจจากไปไม่ลง สุดท้ายก็ได้ปลอบใจตัวเอง อย่างไรเสีย นี่เป็นความฝัน เธอจะมองเขาให้มากหน่อยแล้วกัน!

เมื่อตื่นจากฝันเธอก็ต้องเผชิญหน้ากับทุกสิ่งในความเป็นจริงแล้ว

ตี้ฝูอีนั่งอยู่ตรงนั้นเนิ่นนานยิ่ง ทำให้กู้ซีจิ่วแทบจะนึกว่าเขานั่งจนกลายเป็นรูปปั้นไปเสียแล้ว นั่งไปตราบฟ้าสิ้นดินสลาย!

โชคดีที่ในที่สุดเขาก็ขยับแล้ว เขายื่นมือไปหยิบกาสุราใบนั้น ตั้งจอกสองใบให้ดี จากนั้นก็รินสุราใส่จอกจนเต็มเปี่ยม หยิบจอกใบหนึ่งขึ้นมา บอกไปที่ด้านตรงข้ามแล้วยิ้มบางๆ “กู้ซีจิ่ว เจ้าไม่มีทางรู้ว่าข้าตั้งตารอคอยช่วงเวลานี้มาเนิ่นนานนัก…”

กู้ซีจิ่วเงียบงัน ตรงหัวใจคล้ายถูกสิ่งใดดึงทึ้ง ความเจ็บปวดเหลือคณาลุกลามอยู่ในทรวงอก เธอก็เคยตั้งตารอช่วงเวลานี้ยิ่งนักเช่นกัน

คืนเข้าเรือนหอ มิใช่มีเพียงฝ่ายชายเท่านั้นที่ตั้งตารอ ฝ่ายหญิงก็ตั้งตารอเช่นกัน โดยเฉพาะเมื่อแต่งให้กับคนที่ตนชมชอบ ยิ่งตั้งตารอมากขึ้นไปอีก

อันที่จริงเธอไม่มีนิสัยเหนียมอาย เมื่อเล่นพลิกผ้าห่มกับคนรัก เช่นนั้นก็ควรจะดุเดือดบ้าคลั่งจนสุดขีดมิใช่หรือ?

———————————————————————

[1] เป็นท่อนหนึ่งจากบทกวีของมหากวีซูตงพัว

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version