บทที่ 509
ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ 7
ประตูคุกแหลกเป็นผุยผงใต้ฝ่ามือเขาดั่งฉากกระดาษ ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ก้าวเข้าไปด้านใน เพียงสองสามก้าวก็หาคุกเหล็กขนาดเล็กที่คุมขังกู้ซีจิ่วพบ แล้วใช้วิธีการเดิมทำลายประตูเล็กๆ ที่ดูเหมือนจะผสานเป็นเนื้อเดียวกันกับห้องขัง จากนั้นเขาก็มองเห็นกู้ซีจิ่ว…
โซ่สะกดมารหมื่นปีขาดด้วยนํ้ามือท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ดั่งเส้นบะหมี่ ถูกเขาสะบั้นขาดหมดในฝ่ามือเดียว…
ตั้งแต่ต้นจนจบท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้พูดไร้สาระกับกู่ฉานโม่เลย ถึงขั้นที่ว่าไม่เหลือบมองเขาอีกเลย แต่ความกังวลในใจของกู่ฉานโม่กลับหนักหนาขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะเมื่อได้เห็นสภาพกู้ซีจิ่วในยามนี้ความกระวานกระวายในจิตใจเขาก็มากยิ่งกว่าเดิม!
ยามเห็นท่านเทพศักดิ์สิทธิ์อุ้มเด็กสาวผู้นั้นไว้ในอ้อมแขนแล้วเดินออกมาด้านนอก ไม่เพียงแต่กู่ฉานโม่เท่านั้นที่ใจฝ่อ เหล่าผู้นำของสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์ทั้งหมดก็เริ่มกระสับกระส่ายขึ้นมาแล้ว ราวกับหายนะครั้งใหญ่กำลังคืบคลานเข้ามา…
ที่แท้ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ใส่ใจเด็กสาวผู้นี้ถึงเพียงนี้!
ในมุมมองของทุกคน ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์เป็นผู้สูงส่งหลุดพ้นโลกโลกีย์มาโดยตลอด ไม่ใกล้ชิดกับสตรีนางใดเลย และถ้ามีสตรีนางใดมาใกล้ชิดเขา ผู้คนล้วนรู้สึกว่าเป็นการดูหมิ่นล่วงเกินท่านเทพ…
แต่ยามนี้ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์กลับอุ้มเด็กสาวผู้นี้ไว้ในอ้อมแขนโดยไม่คำนิงถึงความสกปรกเลอะเทอะ ซ้ำยังกอดไว้แน่นปานนี้อีกด้วย!
นี่มันสถานการณ์อะไรกัน?
ในที่สุดท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ก็มีจิตปฏิพัทธ์แล้วหรือ?
บางทีเด็กสาวผู้นี้อาจมิใช่แค่ศิษย์ของท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ ไม่แน่นางอาจจะเป็นคนในดวงใจของท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ก็ได้…
จิตใจของฝูงชนที่อยู่ในเหตุการณ์ดั่งเกิดฝนฟ้าคะนอง ถูกฉากนี้ทำให้ตกอกตกใจ!
แน่นอน ทูตทั้งสี่ของท่านเทพศักดิ์สิทธิ์มิได้ตกใจไปด้วย พวกเขาสงบนิ่งยิ่งนัก ติดตามอยู่ข้างกายท่านเทพศักดิ์สิทธิ์อย่างเคร่งขรึมจริงจัง คอยเปิดทางให้เขา
สำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์เป็นสำนักศึกษาที่ก่อตั้งขึ้นด้วยนามของท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ ซ้ำยังมีความสำคัญเป็นอันมากในใจท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ มีความสำคัญไม่น้อยไปกว่าสานุศิษย์สวรรค์เบื้องบนเลย
ดังนั้นกู่ฉานโม่ผู้นำสูงสุดของสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์จึงมีการติดต่อประสานกับทูตทั้งสี่ผู้เป็นสาวกของท่านเทพศักดิ์สิทธิ์อยู่บ้างเล็กน้อย เป็นการติดต่อสื่อสารเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ทุกครั้งยามที่สำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์เกิดคดีอันใดที่ต้องการคำตัดสินจากท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ กู่ฉานโม่จะลองติดต่อทูตเจี่ยงซั่น หนึ่งในทูตทั้งสี่ แต่ทูตเจี่ยงซั่นผู้นี้ตอแยยากเหลือเกิน ตอแยยากยิ่งกว่าผีเล็กผีน้อยที่อยู่ใต้การปกครองของพญายม[1]เสียรก
ทุกครั้งยามที่เขาต้องการให้ทูตเจี่ยงซั่นบอกกล่าวเรื่องราวต่อท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ ทุกครั้งทูตเจี่ยงซั่นผู้นี้ล้วนมอบให้เขาเพียงสองคำ ‘รอก่อน’ จากนั้นก็นิ่งสนิทดั่งท่อนไม้
และบางทีเขาก็ต้องรอคอยอย่างทุกข์ทรมานไปอีกหลายวันหรือหลายเดือน จนในที่สุดก็ได้รับคำตอบจากทูตเจี่ยงซั่นผู้นี้ประโยคเดียว ‘แก้ไขเอาเอง!’
นี่ทำให้กู่ฉานโม่สงสัยอย่างหนักว่าทูตเจี่ยงซั่นผู้นี้มิได้รายงานแก่ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์เลย!
(นํ้าตามู่เฟิงไหลเป็นสาย เขาถูกปรักปรำ! เขารายงานต่อท่านเทพศักดิ์สิทธิ์อย่างละเอียดทุกครั้ง แต่ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์เล่นสนุกมากเกินไป ไม่มอบคำตอบให้เลย อย่างมากที่สุดก็ตอบเพียงสี่คำ ‘แก้ไขเอาเอง’ เขาทำได้เพียงถ่ายทอดต่อตามนั้น ทูตทั้งสี่อย่างพวกเขาไม่เคยทุจริตเลย และไม่เคยรับอามิสสินจ้างหรือบกพร่องต่อหน้าที่ด้วย… แต่ในสายตาคนส่วนใหญ่พวกเขากลับกลายเป็นผีน้อยที่ตอแยได้ยากที่สุดไปแล้ว แม้แต่สานุศิษย์สวรรค์คนอื่นก็ชิงชังพวกเขาอย่างยิ่ง…)
ไปๆ มาๆ อยู่เช่นนี้ กู่ฉานโม่จึงไม่รายงานเรื่องราวต่อทูตทั้งสี่ง่ายๆ แล้ว
ต่อให้รายงานไปก็ไม่คาดหวังว่าจะได้รับคำตอบอะไรกลับมา
เพราะเหตุนี้ หลังจากเกิดเรื่องของกู้ซีจิ่วขึ้น จึงไม่ใช่ครั้งแรกที่กู้ฉานโม่ไม่ได้รายงานแก่ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ เขาคิดว่าจะแก้ไขด้วยตัวเองก่อนแล้วค่อยว่ากันทีหลัง
อีกอย่างเขาก็มีความเห็นแก่ตัว ถึงอย่างไรกู้ซีจิ่วก็ขึ้นชื่อว่าเป็นศิษย์ของท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ หากนางไม่เอ่ยปากว่าจะจากไปด้วยตนเอง เขาก็ไล่นางไปไม่ได้
ยามนี้พอเกิดเรื่องขึ้น ถึงแม้การตายอย่างน่าเวทนาของศิษย์ทั้งสองจะทำให้เขาเจ็บใจจนอยากอาละวาด แต่ก็มอบโอกาสในการขับไล่คนอย่างสมบูรณ์ให้แก่เขาพอดี