บทที่ 592 อะไรที่เรียกว่ารักสนุกจนทุกข์ถนัดน่ะหรือ? ก็แบบนี้ไงล่ะ!
“ตกใจ?” ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์เอ่ยทวน น้ำเสียงไร้อารมณ์ “หากผู้ที่ปรากฏด้านหลังคือศัตรูของเจ้า ด้วยปฏิกิริยาเมื่อครู่นี้ของเจ้า
ตอนนี้คงสิ้นชีพไปแล้ว!”
กู้ซีจิ่วเม้มปากน้อยๆ ทันที ไม่คิดโต้เถียงกับเขา
เขากล่าวถูกต้องแล้ว หากว่าตอนที่เขาปรากฏตัวเมื่อกี้มิใช่การแตะไหล่เธอเล็กน้อย แต่เป็นการตวัดดาบใส่เธอ…
แต่จะมีสักกี่คนกันที่มีฝีมือล้ำลึกเฉกเช่นท่านเทพศักดิ์สิทธิ์?
เธอยังไม่เคยเจอคนไหนที่เงียบเชียบไร้สุ้มเสียงแบบเขาเลย โผล่ออกมาอย่างไร้วี่แวว!
หากว่าเป็นคนอื่น ต่อให้เข้าใกล้เธอในระยะหนึ่งจั้งเธอก็จับสัมผัสได้ก่อนแล้ว ไม่มีทางปล่อยให้ใครเข้าใกล้ตัวเธอได้!
ดังนั้นสถานการณ์แบบที่เขาพูดถึงไม่เกิดขึ้นแน่นอน!
“ผู้ที่สามารถปรากฏกายแบบเดียวกับเปิ่นจุนเมื่อครู่ได้บนโลกนี้มีไม่น้อยกว่าสิบคน…” ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ประหนึ่งเป็นหนอนในท้องเธอ เอ่ยออกมาราวกับอ่านใจเธอได้ น้ำเสียงเยือกเย็น “หากว่าหนึ่งในพวกเขาคิดร้ายต่อเจ้า เมื่อกี้เจ้าตายไปแล้วแน่นอน!”
กู้ซีจิ่วเหลือกตาขึ้นด้วยความประหลาดใจ บนโลกนี้มีอีกสิบคนที่มีวรยุทธ์เช่นเดียวกับท่านเทพศักดิ์สิทธิ์หรือ?!
“มองเปิ่นจุนอย่างประหลาดใจเช่นนี้คืออะไร?” ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์เอ่ยเสริมอีกประโยคอย่างช้าๆ “เมื่อครู่เปิ่นจุนแค่ปรากฏตัวขึ้นตามใจเท่านั้น”
กล่าวอีกนัยคือ เขายังไม่ได้ใช้พลังทั้งหมด ไม่แน่อาจยังไม่ถึงหนึ่งในร้อยส่วนของพลังยุทธ์เขาเลย…
กู้ซีจิ่วเหงื่อตก เธอย่อมฟังความนัยของเขาออก
ใบหน้าเธอพลันร้อนผ่าว เอ่ยแก้ไขความผิดพลาด “เป็นความผิดของซีจิ่วเองเจ้าค่ะ เมื่อครู่ไม่ควรใจลอย”
ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์มองดวงหน้าแดงระเรื่อของเธอแวบหนึ่ง เอ่ยถามเธอเนิบๆ “ใจลอยอย่างร้ายแรงถึงเพียงนั้นเพราะดีใจเกินไปหรือ?”
กู้ซีจิ่วเงียบงัน
น้ำเสียงท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ราบเรียบ “หลายวันมานี้เจ้าเที่ยวเล่นอย่างรื่นเริง เปิ่นจุนก็ดีใจแทนเจ้าเหมือนกัน เพียงแต่เปิ่นจุนคิดจะทำให้เจ้าดีใจมากขึ้นอีกหน่อย การบ้านที่ให้เจ้าทำเป็นอย่างไรบ้าง?”
ดวงหน้าแดงระเรื่อของกู้ซีจิ่วกลายขาวเผือดแล้ว…
ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์สบตาเธอครู่หนึ่ง ฝ่ามือแตะไหล่เธอ น้ำเสียงเอื้อเอ็นดู “ดูจากท่าทางเจ้าแล้ว น่าจะทำการบ้านได้ดีมาก เปิ่นจุนปลื้มใจเหลือเกิน เปิ่นจุนเฝ้ารอการแสดงของเจ้ายิ่งนัก มากับเปิ่นจุนเถิด!”
กู้ซีจิ่วร้องโหยหวนอยู่ในใจ
อะไรที่เรียกว่ารักสนุกจนทุกข์ถนัดน่ะหรือ? ก็แบบนี้ไงล่ะ!
….
ไข่มุกราตรีบนโต๊ะ คล้ายจะรับรู้การกลับมาของเจ้าของ ค่อยๆ เรืองแสงขึ้น เปล่งแสงสว่างไสว ส่องให้ห้องโถงสว่างจ้าดั่งยามทิวาก็มิปาน
นี่คือเรือนพักของท่านเทพศักดิ์สิทธิ์การจัดแต่งภายในเรือนไม่มีสิ่งใดเปลี่ยนแปลง เป็นเช่นเดียวกับยามที่ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์จากไปทุกอย่าง
หากจะกล่าวว่ามีตรงไหนที่เปลี่ยนแปลงไป นั่นก็คงเป็นฝุ่นเล็กๆ น้อยๆ ที่ปกคลุมอยู่ตามซอกมุมของเครื่องเรือนภายในห้องโถง…
ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ไปจากที่นี่หกวันแล้ว จึงเป็นธรรมดาที่จะมีฝุ่นปกคลุมเครื่องเรือน
ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์กวาดตามองภายในห้องโถงแวบหนึ่ง มองเธอด้วยท่าทียิ้มมิเชิงยิ้ม “นึกว่าเปิ่นจุนจะไม่กลับมาแล้วใช่หรือ ไม่? ถึงไม่ทำความสะอาดห้องนี้เลย?”
กู้ซีจิ่วเงียบงัน หลายวันมานี้เธอยุ่งมาก แม้แต่ที่พักของตัวเองก็ไม่ได้เก็บกวาดเลย ย่อมไม่คิดจะเก็บกวาดให้เขาเช่นกัน
แน่นอนว่าตอนนี้มิอาจตอบไปตามจริงได้ กู้ซีจิ่วตอบด้วยสีหน้านอบน้อม “เรือนของท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ซีจิ่วมิกล้าเข้ามาโดยพลการ”
เหตุผลที่เธออ้างมานี้ค่อนข้างน่าเชื่อถือ เนื่องจากเรือนของท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ไม่อนุญาตให้คนเข้าไปโดยพลการจริง ๆ แม้แต่เทวทูตทั้งสี่ลูกน้องของเขาก็ไม่เข้าไปตามอำเภอใจ…
ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์หลุบตามองเธอ เอ่ยด้วยท่าทียิ้มมิเชิงยิ้ม “เป็นเด็กดีถึงเพียงนี้เชียว?”
กู้ซีจิ่วตอบไปว่า “ซีจิ่วเป็นเด็กดีมาโดยตลอดเจ้าค่ะ”
“โอ้ ดูจากที่เจ้าเป็นเด็กดีถึงเพียงนี้เช่นนั้นการบ้านที่เปิ่นจุนมอบหมายให้เจ้าคงสมบูรณ์เรียบร้อยแล้วสินะ? ยอดเยี่ยมนัก! เปิ่น
จุนจะทดสอบเจ้า ตอบดีเปิ่นจุนจะมีรางวัลให้ ถ้าหากไม่ดี ก็จะมีบทลงโทษ”
ในใจกู้ซีจิ่วขมขื่น เธอเงยหน้ามองท้องฟ้าด้านนอก ต่อรองกับเขา “ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์เจ้าขา ดึกมากแล้ว ท่านเดินทางมาเหนื่อยๆ มิสู้พักผ่อนเสียหน่อย เรื่องการบ้านค่อยทดสอบพรุ่งนี้ดีไหมเจ้าคะ?”