บทที่ 68
ยืมดาบฆ่าคน
ครั้งนี้เขามาเพื่อเตือนบุตรสาวจริงๆ อยากจะบอกกล่าวบุตรสาวว่าช่วงนี้ด้านนอกไม่ค่อยสงบนัก ในเมืองกำลังค้นหาคนประหลาดชุดดำสวมหน้ากากกันอย่างโจ่งแจ้ง เล่ากันว่าคนประหลาดผู้นี้ได้ลักขโมยสิ่งของจากองค์ชายสี่ไป ทำให้องค์ชายสี่โกรธเกรี้ยวยิ่งนัก จึงสาบานว่าจะจับกุมเขาและนำตัวเขามาลงโทษตามกฎหมายให้ได้ กู้เซี่ยเทียนจึงกำชับว่าในช่วงไม่กี่วันนี้ให้พวกนางทำตัวว่าง่ายอยู่แต่ในบ้าน อย่าออกไปไหน จะได้ไม่ไปพบคนประหลาดแสนลึกลับเข้าโดยบังเอิญจนเดือนร้อนไปด้วย
กู้เซี่ยเทียนยังนำเอาภาพเหมือนของคนประหลาดลึกลับนั้นมาด้วย เมื่อกู้ซีจิ่วเปิดออกดู หัวใจก็แทบจะหลุดออกมา!
ภาพคนที่อยู่บนภาพเหมือนแผ่นนั้นช่างวาดได้สมจริงนัก โดยเฉพาะเสื้อผ้ากับหน้ากากที่วาดได้คล้ายกับของจริงมาก เหมือนราวกับเป็นภาพที่ถ่ายมา ลวดลายที่อยู่บนนั้นก็ไม่ต่างกันเลย!
นั่นคือสิ่งของที่เธอโยนทิ้งลงคูเมืองไปแล้ว…
ของเหล่านั้นถูกมัดไว้แล้วเหตุใดจึงถูกคนงมขึ้นมาได้? แถมยังส่งมอบให้เจ้าหน้าที่อีก…
เธอซักถามกู้เซี่ยเทียนต่ออีกหลายประโยค จนทราบจากปากเขาว่าของเหล่านี้ถูกทหารพบเข้าที่ริมคูเมือง
ลือกันว่ายามที่พบนั้น เสื้อผ้าชุดนี้กำลังลอยอยู่กลางอากาศคล้ายมีผีหลอก… ทหารรักษาเมืองเองก็เป็นคนขององค์ชายสี่ องค์ชายสี่จึงทราบข่าวอย่างรวดเร็ว และสั่งให้ออกค้นหาจนทั่วทั้งเมืองทันที ตอนนี้ทั้งเมืองจึงตกอยู่ในความโกลาหล หวาดผวากันไปทั่วทุกหย่อมหญ้า
กู้ซีจิ่วกำหมัดแน่นอยู่ภายในแขนเสื้อ ย่อมต้องเป็นคนผู้นั้นแน่นอนที่เป็นผู้จัดฉาก! คนที่กล่าวว่ามีความแค้นกับเธอยามอยู่ที่คูเมืองคนนั้น
ต้องเป็นไอ้บัดซบหลบเร้นอำพรางกายคนนั้นแน่ที่งมเอาสิ่งของเหล่านี้ที่เธอโยนทิ้งลงคูเมืองไปแล้วขึ้นมาจัดฉาก จงใจทำให้ทหารรักษาเมืองมาเห็นเข้า เมื่อเหล่าทหารรู้สึกว่าไม่ชอบมาพากลก็ย่อมต้องรายงานแก่เบื้องบนเป็นแน่ และผู้นำกองทหารรักษาเมืองก็คือองค์ชายสี่ผู้นั้น!
ตอนที่ตัวเธอใช้วิเคลื่อนย้ายหายตัวออกมาจากโรงประมูล องค์ชายสี่น่าจะคิดว่าเธอคงใช้วิชาอำพรางกายอะไรสักอย่าง จึงให้ความสนใจกับคดีที่เกี่ยวข้องกับการอำพรางกาย เมื่อเขาได้ฟังทหารรักษาเมืองกล่าวรายงานว่าคนที่ทิ้งเสื้อผ้าไว้ที่ริมฝั่งคูเมืองอาจจะเป็นคนที่เขาตามหาอยู่ก็เป็นได้จึงกุเรื่องขึ้นมาให้จับกุมคนได้ อย่างเปิดเผย…
ยืมดาบฆ่าคน[1] เห็นได้ชัดว่าเจ้าสารเลวนั่นคิดจะยืมดาบฆ่าคน!
สิ่งที่น่าโมโหกว่านั้นก็คือ เธออยู่ในที่แจ้ง แต่อีกฝ่ายอยู่ในที่ลับ แม้กระทั่งอีกฝ่ายเป็นหญิงหรือชาย อ้วนหรือว่าผอมเธอก็ยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำ…
เธอได้แต่หัวเราะเสียงเย็นอยู่ภายในใจ ในเมื่อคนผู้นั้นปักใจว่าเธอเป็นศัตรูของเขา ย่อมต้องมีแผนร้ายอื่นๆ อยู่อีกเป็นแน่ และคงจะเผยตัวออกมาในเร็ววันนี้ เธอจะสงบเสงี่ยมไปก่อนชั่วคราวเพื่อรอให้งูโผล่หัวออกมาจากถํ้าแล้วค่อย…
เธอหลุบตาลงเล็กน้อย ภายในใจเริ่มวางแผนว่าตนเองควรจะทำอย่างไรต่อไป
กู้เซี่ยเทียนย่อมไม่ทราบถึงสิ่งที่อยู่ในใจเธอยามนี้จึงกำชับเธอเพิ่มอีกหลายประโยค แล้วค่อยจากไป ยามจะจากไปยังกล่าวชมเชยสาวใช้เหล่านั้นอีกด้วย ทั้ง ยังประกาศกฎบ้านข้อใหม่ ณ ที่นั้นว่า ‘มิให้ผู้ใดบุกรุกเรือนนี้ของกู้ซีจิ่วโดยพลการ หากมีผู้บุกรุกจะต้องถูกลงโทษตามกฎบ้าน’
ยามที่เขาประกาศกฎบ้านข้อใหม่ออกมา ยังจงใจเหลือบมองกู้เทียนอีเป็นพิเศษด้วยสายตาเย็นชา
เขาเองก็เป็นผู้ที่ครํ่าหวอดอยู่ในวงการขุนนางมาเนิ่นนาน การแก่งแย่งชิงดีภายในบ้านเขาคร้านจะสนใจ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่รู้อะไรเลยสักนิด แผนเหล่านั้นที่อยู่ในใจกู้เทียนอีเขามองแวบเดียวก็ดูออกแล้ว กฎบ้านข้อใหม่นี้ก็คือคำเตือน กู้เทียนอีหนาวสะท้านอยู่ในหัวใจ ก้มศีรษะลง นางรู้ดีว่าถึงอยู่ที่นี่ต่อก็เรียกร้องอะไรไม่ได้จึงเดิมตามหลังกู้เซี่ยเทียนไปด้วยความหม่นหมอง
“เยี่ยมไปเลย!” ไม่รู้ว่าใครในหมู่สาวใช้เป็นผู้ตะโกนออกมา นัยน์ตาแวววาวจับจ้องไปที่เจ้านายของพวกนาง ใบหน้าเต็มไปด้วยความตื้นตันและเลื่อมใส!
สาวใช้เหล่านี้ถูกเรียกตัวมาอย่างกะทันหัน ปกติแล้วมีสถานะต่ำมากในจวน ไม่เพียงแต่ต้องรองรับอารมณ์เจ้านายทุกคนอยู่บ่อยๆ แม้กระทั่งสาวใช้ของบรรดาคุณหนูคุณชายที่ได้รับความโปรดปรานเหล่านั้นก็มักจะดุด่าเฆี่ยนตีพวกนางเสมอจนเป็นเรื่องปกติไปแล้ว
……………………..
[1] ยืมดาบฆ่าคน อุปมาถึง ยืมกำลังของคนอื่นไปทำลายศัตรู เพื่อรักษากำลังตนเองไว้