บทที่ 69
พวกเจ้าทำได้ดีมาก!
ตอนที่พวกนางถูกส่งตัวมาหากู้ซีจิ่วนั้น ภายในใจก็รู้สึกสิ้นหวังอยู่บ้าง คิดว่าสถานะคงยิ่งตํ่าลงไปอีก คงถูกตระกูลกู้กดขี่ยิ่งกว่าเดิม คิดไม่ถึงเลยว่าคุณหนูจะ สามารถพลิกสถานการณ์กลับมาได้อย่างสวยงาม!
นับจากนี้ต่อไปพวกนางสามารถยืดอกเชิดหน้าอยู่ในจวนตระกูลกู้แห่งนี้ได้อย่างเต็มภาคภูมิแล้ว!
การได้รับรางวัลนั้นเป็นแค่เรื่องเล็กน้อย สามารถเงยหน้าอ้าปากได้ในภายภาคหน้าสิถึงจะเป็นรางวัลที่แท้จริง สาวใช้เหล่านี้พากันมาห้อมล้อมอยู่รอบกายกู้ซีจิ่ว แต่ละคนล้วนตื่นเต้นจนพวงแก้มแดงระเรื่อ นัยน์ตาเปล่งประกาย
ยามนี้อย่าว่าแต่คุณหนูจะสั่งให้พวกนางเฝ้าประตูเลย ต่อให้ไปบุกนํ้าลุยไฟพวกนางก็พร้อมตะลุย!
กู้ซีจิ่วหันไปมองพลางยิ้มบางๆ “พวกเจ้าทำได้ดีมาก! ข้าย่อมมีรางวัลให้ ตกรางวัลให้ทุกคน 10 ตำลึง ต่อไปนี้ หน้าที่พิทักษ์รักษาเรือนของข้าก็คงต้องพึ่งพาพวกเจ้าแล้ว”
กล่าวได้ว่าเงิน 10 ตำลึงนี้เทียบได้กับเงินเดือนของสาวใช้เหล่านี้ถึงสองปี ยังมีรางวัลจากแม่ทัพทู้อีก ลํ่าซำนัก!
เหล่าสาวใช้ตาลุกวาว
“คุณหนูโปรดวางใจเถิดเจ้าค่ะ แม้ว่าคุณหนูจะไม่ฝากฝังไว้ แต่หากไม่มีคำสั่งจากคุณหนู ต่อให้พวกบ่าวต้องแลกด้วยชีวิตนี้ก็จะไม่ยอมให้ใครเข้ามาได้โดยเด็ดขาด! ใครหน้าไหนก็ไม่ได้ทั้งนั้น!”
กู้ซีจิ่วยินดียิ่งนัก “เยี่ยม! ห้าวหาญนัก! สาวใช้ของข้ากู้ซีจิ่วก็ต้องมีบุคลิกห้าวหาญเช่นนี้สิ! พวกเจ้าจงจำไว้ เรือนนี้ของข้าไม่ต้องการคนอ่อนแอ จงเป็นเหยี่ยวที่พร้อมสยายปีกให้ข้า จงเป็นพยัคฆ์ที่พร้อมแยกเขี้ยวกางเล็บให้ข้า! ข้างกายของข้ากู้ซีจิ่วจะไม่เก็บไข่นิ่ม[1]ที่เอาแต่ก้มหัวให้ผู้อื่นไว้นับแต่นี้ต่อไป หากใครกล้ารังแกพวกเจ้า พวกเจ้าจงรังแกกลับไปแบบตาต่อตาฟันต่อฟันให้ข้าเห็น! อย่าให้เสียชื่อข้าคุณหนูหก ถ้าเกิดเรื่องขึ้นข้าจะรับผิดชอบแทนพวกเจ้าเอง ได้ยินกันถ้วนหน้าแล้วใช่ไหม?”
“ได้ยินแล้วเจ้าค่ะ! น้อมรับคำสั่งคุณหนู!” บรรดาสาวใช้ที่น่ารักสดใสตอบรับด้วยเสียงดังกังวานเป็นพิเศษ
กู้ซีจิ่วยกยิ้มมุมปาก “นี่ค่อยสมกับเป็นคนของข้าขึ้นมาหน่อย!”
พลางโบกมือเล็กน้อย “เอาละ หากพวกเจ้าอยากจะเฉลิมฉลองอะไรกันก็ไปได้นะ อ้อใช่ อย่าลืมเตรียมอาหารเย็นให้ข้าด้วย ไม่ได้กินข้าวทั้งวัน หิวจะตายแล้ว!”
เหล่าสาวใช้พากันไชโยโห่ร้อง ดังกึกก้องไปทั่วเรือน ขนาดเรือนอื่นๆ ในจวนสกุลกู้ก็ยังได้ยินแว่วๆ เหลิ่งเซียงอวี้มีทูตาอยู่ในจวนมากมาย ย่อมได้ยินเรื่องที่ เกิดขึ้นในเรือนของกู้ซีจิ่ว นางได้ยินเสียงโห่ร้องในเรือนนั้นยามที่กำลังช่วยกู้เซี่ยเทียนผลัดผ้า จึงลองถามเพื่อหยั่งเชิง “ท่านพี่ คุณหนูหกของบ้านเราเปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคนเลยนะเจ้าคะ”
กู้เซี่ยเทียนตอบอย่างไม่ใส,ใจนัก “เปลี่ยนไปแล้ว เปลี่ยนไปในทางที่ดี!”
“แต่…แต่ว่าเปลี่ยนเป็นร้ายกาจเช่นนี้ เหมือนกับไม่ใช่นางเลย…”
ในที่สุดกู้เซี่ยเทียนก็หันมองนาง แววตาปรากฏความเย็นชา กล่าวด้วยนํ้าเสียงเรียบๆ “กระต่ายที่ถูกรังแกยังกัดคนได้เลย นับประสาอะไรกับคนที่มีชีวิตจิตใจคนหนึ่ง? ไม่ว่าจะอย่างไรนางก็ยังคงเป็นลูกสาวของข้ากู้เซี่ยเทียน! บิดาเป็นพยัคฆ์บุตรสาวย่อมไม่ใช่สุนัข ในกายนางเปี่ยมไปด้วยความเข้มแข็งเด็ดเดี่ยวยิ่งนัก แต่เพราะถูกคนบางกลุ่มกดขี่ข่มเหง ยามนี้นางถูกบีบคั้นจนถึงขีดสุดแล้ว เกินจะทานทนได้อีกต่อไปจึงได้เผยตัวตนที่แท้จริงออกมา ก็ไม่เห็นจะมีอะไรไม่ถูกต้อง”
“จริง…จริงด้วยเจ้าค่ะ แต่น้องคิดว่าเด็กผู้หญิงก็ควรจะสงบเสงี่ยมเรียบร้อยเสียหน่อยถึงจะดี…”
“ข้ากู้เซี่ยเทียนไม่ขาดแคลนบุตรสาวที่สงบเสงี่ยมเรียบร้อย! แต่ยังขาดบุตรที่เข้มแข็งและมีความรับผิดชอบ! บางทีนางอาจเคยคิดอยากจะเป็นกุลสตรีที่เพียบพร้อม แต่มีคนที่ไม่ยินยอมให้นางได้ทำเช่นนั้น บีบคั้นนางจนเกือบตาย ชีวิตนางผู้เป็นถึงคุณหนูคนหนึ่งของจวนแม่ทัพยังต้อยเกียรติกว่าบ่าวบางคนเสียด้วยซ้ำ!”
ประโยคนี้ของเขาคล้ายมีความนัยอยู่ เหลิ่งเซียงอวี้จึงข่มอารมณ์ไว้ไม่ไหว “ท่านพี่ ก่อนหน้านี้เป็นเพราะน้องเองที่ละเลยนางไปบ้าง อีกทั้งยังโดนพวกบ่าวไพร่โบ้ปดเช่นนี้…ต่อไปน้องจะดีกับนาง…”