บทที่ 706 ให้เจ้าหลาบจำไปอีกนาน
ตี้ฝูอีหลุบตามองนาง “ตอนนี้ไม่ผลักข้าออกแล้วหรือ?”
กู้ซีจิ่วหลับตาลงเล็กน้อย คล้ายว่าจะตัดสินใจอะไรได้จึงลืมตาขึ้นมาทันที “ตี้ฝูอี ข้าไม่ต้องการให้เจ้าช่วยแล้ว! เก็บเงื่อนไขของเจ้ากลับไปซะ! เจ้า ให้หลงซือเย่กลับมานะ ข้าจะให้เขาผ่าตัดให้ข้า…”
ตี้ฝูอีตัวแข็งทื่อ ชะงักไปหลายวินาทีแล้วก้มหน้ามองนาง “เจ้าอยากออกเรือนกับเขาถึงเพียงนี้เชียวหรือ?!”
กู้ซีจิ่วหลับตาลง ตอบเพียงคำเดียว “ใช่!”
ในใจทั้งร้อนรุ่มและหนาวเหน็บ ว่ากันตามเหตุผลแล้ว เธอควรจะให้ตี้ฝูอีรักษาตนไม่ว่าต้องเสียค่าตอบแทนเช่นใด เนื่องจากตอนนี้เขาเป็นฟางช่วยชีวิตเพียงเส้นเดียวที่จะรักษาเธอให้หายได้ หากพลาดไปก็ไม่มีโอกาสอีกแล้ว แต่อารมณ์กลับทำให้เธอรู้สึกเหมือนมีเพลิงโทสะเผาผลาญอยู่
ในใจ เพลิงโทสะนั้นโป่งพองอยู่ในหัวใจ เธอต้องการจะเอาแต่ใจสักครั้ง ไม่อยากถูกเขาบังคับด้วยสิ่งนี้!
ยินยอมจะกลายเป็นสวะไร้พลัง!
ตี้ฝูอีนิ่งไปอึดใจหนึ่ง ยามที่เอ่ยขึ้นมาอีกครั้งนํ้าเสียงค่อนข้างแหบแห้งเล็กน้อย “ข้าเคยบอกแล้ว เขามิใช่คู่ครองของเจ้า เจ้าไร้วาสนากับเขา…”
“มีวาสนาหรือไม่นั่นก็เป็นเรื่องของข้า ไม่เกี่ยวอะไรกับท่าน!” กู้ซีจิ่วตัดบทเขา สายตาจับจ้องเขา “ตี้ฝูอี ท่านจะไม่ต้องช่วยข้าก็ได้ ข้าก็ไม่อยากฝืนใจเหมือนกัน แต่ท่านอย่าได้คิดจะแยกพวกเราจากกัน! ข้าจะแต่งให้เขาแน่นอน!”
ตี้ฝูอีนิ่งเงียบ มือข้างหนึ่งที่ซุกซ่อนอยู่ในแขนเสื้อกำแน่นจนขาวซีดแล้วหลุบตามองนางครู่หนึ่งจู่ๆ ก็ยิ้มออกมา รอยยิ้มนั้นค่อยข้างเย้ยหยันอยู่บ้าง “เจ้ายังชอบข้าอยู่ใช่หรือไม่? เมื่อเห็นข้าเป็นเช่นนี้จึงผิดหวังในตัวข้า ถึงได้กระฟัดกระเฟียดใส่ข้าโดยไม่นึกผลที่จะตามมาเช่นนี้?”
กู้ซีจิ่วเบิกตามองเขาด้วยสายตาที่คล้ายมองคนบ้า “ท่านยังไม่ตื่นจากฝันหรือ? เพ้อเจ้ออะไรอยู่?!”
รอยยิ้มของตี้ฝูอีดูค่อนข้างเย็นชา “ในเมื่อมิใช่เช่นนั้น ถ้างั้นเจ้าอารมณ์เสียทำไม? เจ้ามิได้โง่งม ยามนี้ควรเลือกอะไรเจ้าน่าจะทราบชัดเจนดีกระมัง?”
กู้ซีจิ่วเงียบงัน เธอยิ้มหยัน “ข้าชอบเขา ไม่แน่ข้าจะแต่งให้เขาโดยไม่สนทุกสิ่งทุกอย่าง!”
นัยน์ตาตี้ฝูอีฉายแววปวดร้าวแวบหนึ่ง เพียงแต่ความปวดร้าวนั้นพาดผ่านรวดเร็วยิ่ง เธอจึงไม่สังเกตเห็น มุมปากเขายกขึ้นนิดๆ “น่าเสียดายที่เขาไม่อาจสู่ขอเจ้าได้อีกต่อไป เจ้าก็เห็นแล้วนี่ เขาตอบรับเงื่อนไขของข้า”
“เขาตอบรับ ทว่าข้ามิได้ตอบรับ! การแต่งงานของตัวข้า ข้าตัดสินใจเองได้…” กู้ซีจิ่วยิ้มหยันต่อไป
ตี้ฝูอีเอ่ยขึ้นทันที “ใช่หรือ?”
พลันสะบัดแขนเสื้อพรึ่บ อาภรณ์ท่อนบนของกู้ซีจิ่วคลายออกด้วยตัวเองเผยให้เห็นทรวงอกขาวสล้าง
ตอนนี้เรือนร่างเธอสมส่วนยิ่งนัก ส่วนโค้งส่วนเว้ามีเสน่ห์ เอวเพรียวบางจนกำได้รอบ เนินอกงามลออปานหยก…
กู้ซีจิ่วตัวแข็งทื่อทันที คิดจะป้องกันทรวงอกตามสัญชาตญาณ แต่กลับพบว่าตี้ฝูอีหยิบแพรดำผืนหนึ่งมาผูกตาไว้ตั้งแต่ยามใดก็ไม่ทราบ เจตนาหลีกเลี่ยงข้อครหา เธอนิ่งค้างไปหลายอึดใจ มองเห็นมือข้างหนึ่งของเขาแตะลงมา สันมือสัมผัสถูกยอดถันของเธอเข้าเบาๆ โดยบังเอิญ…
คนทั้งสองต่างชะงักค้าง กู้ซีจิ่วปัดมือข้างนั้นของเขาออกทันที
“เจ้า…เจ้าจะทำอะไรกันแน่?” เดิมทีเธอก็เจ็บจนใบหน้าไร้สีเลือดอยู่แล้ว ทว่ายามนี้พวงแก้มกลับเห่อร้อนขึ้นมาควบคุมไว้ไม่ได้
ตี้ฝูอีตวัดข้อมือรวบมือทั้งสองของเธอไว้ เธอไม่มีเรี่ยวแรงแล้ว มือสองข้างถูกเขากุมไว้ด้วยมือเดียวก็สลัดไม่หลุดแล้ว นํ้าเสียงตี้ฝูอีเฉยชา “บาดแผลของเจ้าเป็นแผลภายนอก เจ้าเกรงว่าข้าจะเห็นได้ แต่จะให้ข้าไม่สัมผัสคงไม่ได้กระมัง? ข้าต้องรักษาบาดแผลให้เจ้า เจ้าคิดว่าข้าจะเอาเปรียบเจ้าหรืออย่างไร?”
ร่างกายที่เติบโตอย่างสมบูรณ์เปิดเปลือยอยู่เบื้องหน้าเขา ต่อให้เขาปิดตาไว้กู้ซีจิ่วก็ยังรู้สึกไม่สบอารมณ์อยู่ดี เธอกำมือแน่น
“ต้องถอดเสื้อผ้าจริงๆ หรือ?”