บทที่ 758 สรุปแล้วไปเอ้อระเหยอยู่ที่ไหน
ท่ามกลางฝูงชนเธอพบว่าเยี่ยนเฉินกำลังทักทายสหายร่วมชั้นอยู่ ในใจพลันกระจ่างแจ้ง ที่ศิษย์ชั้นเรียนระดับสูงเหล่านั้นมาร่วมงาน ถึงแม้จะเป็นเพราะชื่อเสียงของตัวเธอกู้ซีจิ่ว แต่สิ่งสำคัญที่สุดก็คือการประนีประนอมของเยี่ยนเฉิน ยังมีคนบางส่วนที่มาเพราะเห็นแก่หน้าเยี่ยนเฉินอีกด้วย
ส่วนหลานไว่หูกับเชียนหลิงอวี่ พวกเขาก็มาถึงนานแล้ว กำลังยุ่งวุ่นวายอยู่ สองคนนี้คึกคักยิ่งนัก ราวกับเป็นพิธีปักปิ่นของพวกเขาเอง
กู้ซีจิ่วมองเห็นเพื่อนร่วมกลุ่มของตนย่อมค่อนข้างรู้สึกชิดเชื้ออดไม่ได้ที่จะมองอยู่หลายแวบ ผลคือสายตาหลายแวบนี้ถูกสามคนนั้นรับรู้ได้
จิ้งจอกน้อยตัวแข็งทื่อไปชั่วขณะทันที คงจะนึกถึงฉากใส่กางเกง ปากน้อยๆ ของนางเม้มแน่น ซํ้ายังเหลือบมองตี้ฝูอีแวบหนึ่ง ส่วนเยี่ยนเฉินกับเชียนหลิงอวี่ พวกเขาน่าจะเขม้นตีฝู้อีเหมือนกัน รู้สึกว่าตี้ฝูอีทำร้ายกู้ซีจิ่ว ดังนั้นเมื่อสองคนนี้สัมผัสได้ว่า ‘ตี้ฝูอี’ มองพวกเขา พวกเขาล้วนขมวดคิ้ว
เยี่ยนเฉินค่อนข้างสงบเยือกเย็น เพียงขมวดคิ้วนิดๆ เท่านั้น สีหน้าไม่แปรเปลี่ยน ส่วนเชียนหลิงอวี่ค่อนข้างจริงจัง เขาสบตากับ ‘ตี้ฝูอี’ ตรงๆ คิ้ว
เลิกขึ้นสูง สีหน้ายั่วยุ ท่าทางสื่อได้ว่า ‘มองข้า ผู้เป็นคุณชายด้วยเหตุใด? คุณชายเช่นข้า คร้านจะแยแสเจ้า’
กู้ซีจิ่วตัดสินใจเก็บสายตากลับมา จิบชาที่อยู่ตรงหน้าอึกหนึ่ง จากนั้นก็มองไปที่ประตู สรุปแล้วตี้ฝูอีไปเอ้อระเหยอยู่ที่ไหนกัน?!
เขาคงไม่ปล่อยให้คนทั้งหมดต้องคอยเก้อกระมัง?!
เมื่อถึงเวลาคนที่ต้องรับความขุ่นเคืองจากผู้คนก็คือตัวเธอกู้ซีจิ่ว…
ปากประตูเกิดความวุ่นวายขึ้น เธอยังนึกอยู่ว่าในที่สุดตี้ฝูอีในร่างเธอก็มาถึงแล้ว ผลปรากฏว่าผู้ที่เข้ามาคือ หลงซือเย่
ดูเหมือนหลงซือเย่จะทำตามสัญญาที่รับปากกับเธอไว้ในครั้งนั้น ที่บอกว่าจะไม่สวมหน้ากากใดๆ เมื่ออยู่ต่อหน้าเธอ วันนี้คือวันสำคัญของกู้ซีจิ่วดังนั้นเขาจึงมาโดยไม่สวมหน้ากากเช่นเคย
หลงซือเย่รูปงามยิ่ง ทุกอากัปกริยาล้วนมี บุคลิกของ ‘คุณชายผู้งดงามปานหยก’
ถึงเขาจะมีอายุกว่าร้อยปีแล้ว แต่รูปลักษณ์ดูราวยี่สิบสาม ยี่สิบสี่ปี เท่านั้น เป็นช่วงวัยที่กำลังรุ่งโรจน์พอดี และประสบการณ์ชีวิตก็ทำให้ร่างกายของเขามีเสน่ห์ของบุรุษที่โตเต็มวัย ย่อมแตกต่างกับบรรดาหนุ่มน้อยในสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์แห่งนี้
สำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์คลาคลํ่าไปด้วยบุคคลมีความสามารถ เป็นสถานที่ของอัจฉริยะอย่างแท้จริง ย่อมมีหนุ่มสาวรูปงามไม่น้อย แต่ถึงอย่างไรก็ล้วนอายุน้อย เมื่อเทียบกับหลงซือเย่แล้ว เห็นได้ชัดว่าอ่อนเดียงสากว่ามาก ดังนั้นจึงมีสายตาของเหล่าเด็กสาวมองตามเจ้าสำนักหลงผู้นี้มากมาย แน่นอน สายตาที่มองตามตี้ฝูอีนั่นมีมากกว่า ขณะที่กู้ซีจิ่วหันไปโดยไม่ตั้งใจ ก็ได้รับสายตาหวานหยาดเยิ้มจากสาวน้อยหลายนาง…
เมื่อกู้ซีจิ่วเห็นหลงซือเย่ก็รู้สึกสนิทชิดเชื้อยิ่งนัก ลุกขึ้นทักทายในฐานะของตี้ฝูอี “เจ้าสำนักหลง”
หลงซือเย่มองมาอย่างเย็นชาแวบหนึ่ง นํ้าเสียงราบเรียบ “ที่แท้ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายก็มาถึงแล้ว ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายช่างใส่ใจเรื่องของซีจิ่วยิ่งนัก”
ต่อให้เป็นกู้ซีจิ่วก็สัมผัสได้ว่าเจ้าสำนักหลงผู้นี้เปี่ยมด้วยความเป็นอริ
หลงซือเย่กล่าวประโยคนี้จบก็ไม่สนใจเธออีก นั่งลงในตำแหน่งที่กู่ฉานโม่จัดให้
กู้ซีจิ่วถอนหายใจอยู่ภายในใจ นั่งลงไปอีกครั้ง ดูเหมือนว่าเธอที่อยู่ในร่างของตี้ฝูอีไม่อาจพูดคุยตามปกติกับหลงซือเย่ได้
เมื่อเห็นว่าจวนจะถึงเวลาแล้ว ทว่ายังไม่เห็นเงาร่างของ ‘กู้ซีจิ่ว’ กู่ฉานโม่ก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม ‘ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย’ ที่นั่งอยู่ตรงกลาง “ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย เหตุใดซีจิ่วยังไม่มาเล่า?”
กู้ซีจิ่วกำลังจะเอ่ยตอบ ทันใดนั้นคนที่อยู่ด้านนอกก็มารายงาน“แม่นางกู้มาแล้วขอรับ”
กู่ฉานโม่ถอนหายใจด้วยความโล่งอก คนทั้งหลายล้วนถอนหายใจอย่างโล่งอกเช่นกัน
กู้ซีจิ่วเงยหน้ามองแวบหนึ่ง พลันชะงักงัน