บทที่ 761 เกินขอบเขตไปแล้ว
ที่แท้ตนถลำลึกลงไปถึงเพียงนี้โดยที่ไม่รู้ตัวเลย!
อันที่จริง เขาไม่ต้องการอยู่ข้างๆ หลงซือเย่ต่อให้ถูกบีบให้มาเข้าร่างกู้ซีจิ่ว แต่เนื้อในของเขาก็เป็นชายชาตรี เมื่อเห็นหลงซือเย่ใช้สายตารักใคร่หลงใหลมองเขา เส้นขนทั่วร่างเขาก็ลุกชัน!
อยากจะควักลูกตาอีกฝ่ายทิ้งขึ้นมาวูบหนึ่ง
หากเขานั่งข้างหลงซือเย่ คาดว่าเจ้าสำนักหลงผู้นี้คงจะตั้งใจรินสุราคีบอาหารให้เขาเพื่อแสดงถึงความรัก ไม่แน่อาจจะพูดจาหวานซึ้งอะไรพวกนั้นให้ระคายหูเขาด้วย เขาเกรงว่าตนจะทนไม่ไหวแล้วถีบเขา…
ดังนั้นเพื่อความปลอดภัย นั่งข้างๆ กู้ซีจิ่วยังปลอดภัยเสียกว่า
อันที่จริงก็น่าหดหู่อยู่บ้าง เดิมทีเขาควรกักตนพักฟื้น แต่เหตุผลที่ไม่กักตน ก็เพราะอยากเป็นประธานในพิธีปักปิ่นของสาวน้อยผู้นี้ด้วยตนเอง ไม่นึกเลยว่าจะจับพลัดจับผลูสลับร่างกับนางเข้า ยามนี้เขากลายเป็นสตรีที่เป็นตัวเอกไปแล้ว…
อย่าว่าแต่ผู้อื่นเลย ตัวเขาเองก็ยังรู้สึกตกตะลึงยิ่งนัก!
ในชีวิตอันเป็นนิรันดร์นี้ เขาได้หาความสำราญเล็กๆ น้อยๆ ให้ตน อันที่จริงหลายปีมานี้จะบทบาทใดเขาก็เล่นมาหมดแล้ว ทูตสวรรค์ ราชครู องค์ชาย คุณชายเสเพล จอมยุทธ์พเนจร พ่อค้าเร่…
มีเพียงบทบาทสตรีที่ยังไม่เคยเล่น…
หนนี้มันเกินขอบเขตไปแล้ว!
เขาไม่ต้องการเล่นบทสตรี แต่เรื่องราวดำเนินมาถึงขั้นนี้แล้ว เขาก็จนปัญญาเช่นกัน ทำได้เพียงตามนํ้าไป โชคดีที่สาวน้อยผู้นี้อยู่ที่นี่ด้วย สามารถเห็นพิธีปักปิ่นนี้ด้วยตาตัวเองได้ ก็ไม่ถือว่าน่าเสียใจจนเกินไป อีกอย่างการที่ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายอย่างเขาต้องกลายเป็นสตรีเล่นละครฉากใหญ่ให้นางชม ก็นับว่าเป็นของขวัญพิเศษมิใช่หรือ?
ของขวัญเช่นนี้เพียงพอจะให้นางจดจำไปชั่วชีวิต!
ขณะที่เขากำลังครุ่นคิดอยู่ตรงนี้ จู่ๆ ก็เห็นกู่ฉานโม่มองมาที่เขา เมื่อตี้ฝูอีเห็นสายตารักใคร่เอ็นดูของตาเฒ่าผู้นี้ก็สังหรณ์ใจไม่ดี ตาเฒ่าผู้นี้คงมิเล่นลูกไม้อันใดกระมัง?!
โชคร้ายนัก หนนี้ลางสังหรณ์ของเขายังคงแม่นยำนัก เนื่องจากตาเฒ่ากู่ฉานโม่ผู้นั้นยิ้มหน้าบานปานดอกเบญจมาศเบ่งบาน ทุกรอยย่นล้วนแฝงด้วยความเอื้อเอ็นดู “ซีจิ่ว พิธีปักปิ่นเป็นวันสำคัญ ว่ากันตามหลักแล้ว ช่วงเวลาเช่นนี้บุพการีของเจ้าสมควรจะอยู่ข้างกาย ตามปกติแล้ว ช่วงเวลาเช่นนี้ สำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์จะอนุญาตให้บุพการีของศิษย์ที่ปักปิ่นมาหาได้ นับเป็นสวัสดิการอย่างหนึ่ง หลายวันก่อนข้าผู้เป็นอาจารย์ใหญ่ได้
สั่งให้คนไปแจ้งแก่บุพการีเจ้าแล้ว แต่ได้ข่าวว่าแม่ทัพกู้บิดาของเจ้ารับราชโองการไปสืบสวนคดีอยู่ กลับมาไม่ได้ชั่วคราว คาดว่าเขาคงมาไม่ได้แล้ว อาจารย์ใหญ่เช่นข้า ยังนึกว่าจะไม่มีคนในครอบครัวเจ้ามาร่วมวันสำคัญของเจ้าเสียแล้ว ทว่านึกไม่ถึงเลยว่าเช้าวันนี้จะมีคนผู้หนึ่งมาหา คนผู้นี้มาเพื่อมอบของขวัญวันปักปิ่นให้เจ้า ซีจิ่ว เจ้าลองเดาสิว่าคนผู้นี้คือใคร?”
ตี้ฝูอีเงียบงัน เดากับบ้านเจ้าสิ! ข้าไม่สนใจ!
เขาเลิกคิ้ว มองกู่ฉานโม่ ในใจไม่สบอารมณ์อย่างยิ่ง ทว่าใบหน้ายังคงตีหน้านิ่ง “ผู้ใดหรือ?”
กู่ฉานโม่หัวเราะฮ่าๆ “มารดาของเจ้า!”
ตี้ฝูอีตกตะลึง!
กู้ซีจิ่วเพิ่งดื่มนํ้าเข้าไปอึกหนึ่ง พลันไอออกมาสองครา
กู่ฉานโม่รีบมองไปทางกู้ซีจิ่วทันที ท่าทางภูมิใจ “ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายก็คงประหลาดใจเช่นกันกระมัง?”
กู้ซีจิ่วกระแอมคราหนึ่ง “ประหลาดใจมาก ฮ่าๆ ประหลาดใจเหลือเกิน”
สายตาของกู่ฉานโม่วกกลับไปที่ร่างตี้ฝูอี “ฮ่าๆ ซีจิ่วเจ้าดีใจไหม? ประหลาดใจหรือเปล่า?”
ตี้ฝูอีกัดฟันยิ้ม “ดีใจยิ่งนัก ประหลาดใจเหลือเกิน!”
กู่ฉานโม่ปรบมือเสียงดัง เอ่ยเสียงดังชัดเจน “ขอเชิญ หลัวฮูหยินเข้ามา!”
เมื่อเอ่ยจบ ด้านนอกก็มีสตรีชุดแดงนางหนึ่งเร่งสาวเท้าก้าวเข้ามา สตรีนางนั้นอายุราวสามสิบปี รูปโฉมงดงามเป็นหนึ่งมิมีสอง เค้าหน้ามีความคล้ายคลึงกับกู้ซีจิ่วห้าส่วน