บทที่ 786 ยากกว่าใช้เท้าเล่นเปียโน
ตี้ฝูอีเขียนเนื้อหาประกอบการบรรยายเรื่องที่ลึกซึ้งด้วยถ้อยคำที่เรียบง่ายยิ่งนัก แต่สำหรับกู้ซีจิ่วที่ไม่เคยได้สัมผัสศาสตร์แขนงนี้มาก่อนเลย อีกทั้งค่อนข้างลํ้าลึก ศัพท์บางคำเธอก็ไม่เข้าใจเลย และตี้ฝูอีคงจะถูก ‘แผนการบุตรสาวบุญธรรม’ ทำให้มีนํ้าโห หลังจากเขียนบรรยายให้เธอแล้วก็ปล่อยให้เธอทำความเข้าใจด้วยตัวเอง ส่วนเขาเดินตัวปลิวออกไป
เดินเล่นกลับมารอบหนึ่ง ก็ใกล้ถึงเวลาฝึกฝนของกู้ซีจิ่วแล้ว ตี้ฝูอีสั่งให้เธอนั่งสมาธิ จากนั้นก็ชี้แนะไปทีละขั้นๆ ว่าต้องโคจรพลังอย่างไร ดูดรับแก่นแท้ของฟ้าดินอย่างไร ให้ไอวิญญาณไหลเวียนผ่านจุดเหล่านั้น…
หลังจากฝึกฝนเสร็จในที่สุดกู้ซีจิ่วก็ทราบว่าตี้ฝูอีไม่ได้หลอกลวงเธอ วิชายุทธ์ชุดนี้ค่อนข้างซับซ้อนเหนือธรรมดาจริงๆ ยากกว่าใช้เท้าเล่นเปียโนเสียอีก แถมยังดำเนินขั้นตอนผิดพลาดไม่ได้อีกด้วย…
เคราะห์ดีที่กู้ซีจิ่วเฉลียวฉลาดพอ ตอนที่ตี้ฝูอีบอกขั้นตอนเหล่านั้นแก่เธอ เธอก็พยายามจดจำไว้สุดชีวิต จากนั้นก็ทำตามทีละขั้นๆ
ตอนแรกตี้ฝูอีกนึกว่าอย่างไรเสียนางคงต้องทำสักแปดรอบสิบรอบถึงจะไม่ปรากฏข้อผิดพลาด นึกไม่ถึงเลยว่ายามที่นางทำรอบแรกแค่มือไม้สับสบวุ่นวายเล็กน้อยเท่านั้น พอรอบที่สองก็ช้าไปนิดหน่อย แต่ไม่ปรากฏข้อผิดพลาด รอบที่สามนางก็ทำได้เหมือนทุกประการแล้ว
เมื่อตี้ฝูอีเห็นว่าในที่สุดนางก็เข้าสู่เส้นทางที่ถูกต้องแล้ว จึงถอนหายใจอย่างโล่งอก อดไม่ได้ที่จะชมเชย “ไม่เลวเลย! ฉลาดมาก!”
กู้ซีจิ่วภาคภูมิใจ มุมปากยกยิ้มนิดๆ ยากนักที่จะได้รับการยอมรับจากคนผู้นี้…
แต่พอฝึกเสร็จเธอถึงได้รู้ว่านี่เพิ่งจะเป็นขั้นแรกเท่านั้น หลังจากฝึกวิชายุทธ์ชุดนี้ไปหนึ่งชั่วยาม ก็ต้องเริ่มฝึกวิชายุทธ์ชุดที่สองแล้ว ต้องเริ่มเรียนรู้ เนื้อหาใหม่อีกครั้ง แถมวิชายุทธ์ชุดที่สองนี้ซับซ้อนกว่าชุดแรกด้วย ต่อมาก็เป็นชุดที่สาม…
กู้ซีจิ่วที่รู้สึกว่าตนเองเป็นอัจฉริยะแล้ว แต่ยามที่ฝึกฝนสิ่งเหล่านี้ก็รู้สึกว่าสติปัญญาตนไม่เพียงพอให้ใช้แล้ว จำเป็นต้องพัฒนาอย่างเร่งด่วน
ยามที่ฝึกฝนชุดที่สองต้องมีตี้ฝูอีจับตามองอยู่ด้านข้าง ปรากฏข้อผิดพลาดเล็กน้อยเขาก็จะตักเตือน
ทุกข์ทรมานเช่นนี้อยู่รอบหนึ่ง วันรุ่งขึ้น ยามที่กู้ซีจิ่วลงจากเตียง ก็ไม่รู้สึกว่าร่างกายผ่อนคลายขึ้นสักเท่าไหร่ กลับรู้สึกว่าหนักอึ้งขึ้นเล็กน้อยด้วยซํ้า
เนื่องจากระหว่างที่ฝึกฝนเธอถูกธาตุไฟเข้าแทรกชั่วขณะ กระอักเลือดออกมาคำหนึ่ง ตี้ฝูอีเคี่ยวกรำเธออยู่ทั้งคืนถึงเพียงนั้นจึงค่อนข้างอ่อนล้าอยู่บ้าง
กู้ซีจิ่วลูบขอบตาที่คลํ้าเหมือนหมีแพนด้าของตน ค่อนข้างหดหู่ “ตี้ฝูอี วิธีนี้ของท่านไม่ค่อยถูกต้องหรือเปล่า? ข้ารู้สึกว่าสุขภาพร่างนี้ของท่านยํ่าแย่กว่าเมื่อวานอีก…”
ตี้ฝูอีเข้ามาตรวจชีพจรเธอครู่หนึ่ง “ไม่ต้องกังวล ค่อนข้างดีกว่าที่ข้าคาดไว้มากนัก ข้านึกว่าเจ้าทนทุกข์เช่นนี้อยู่ทั้งคืนคงจะกระอักเลือดออกมาสักแปดคำ สิบคำ นึกไม่ถึงว่าเจ้าจะกระอักออกมาเพียงคำเดียว น่าทึ่งมากแล้ว”
กู้ซีจิ่วอับจนวาจา…
เธอมองเขาอย่างนึกสงสัย “วิธีนี้ของท่านไม่มีปัญหาจริงๆ ใช่ไหม? ข้าเกรงว่าฝึกไปฝึกมาร่างนี้ของท่านจะกลายเป็นต้องลมก็ล้มพับ เฉกเช่นแม่นางหลิน ภายหน้าไม่ต้องให้ผู้อื่นเรียกขานท่านว่าทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายแล้ว ควรเรียกว่าแม่นางซ้ายแทน”
ตี้ฝูอีถอนหายใจ “ถึงแม้ข้าจะไม่ทราบว่าแม่นางซ้ายที่เจ้าว่าคือสิ่งใด แต่คิดว่าคงเป็นตัวอ่อนแอขี้โรค ข้ายังไม่น่าเวทนาถึงเพียงนั้น ให้เจ้าทรมานร่างข้าจนแทบล้มประดาตาย วางใจเถิด เจ้าฝึกต่ออีกสักคืนก็น่าจะเห็นผลแล้ว”
เยี่ยมเลย!
กู้ซีจิ่วโล่งอก เงยหน้ามองท้องฟ้า นวดคลึงหว่างคิ้วด้วยความปวดหัว “สมควรไปสอนได้แล้ว”
กู้ซีจิ่วเคยได้ยินจากหลานไว่หูนานแล้ว ห้องเรียนของชั้นเมฆาม่วงมาตรฐานสูงมาก สูงกว่าชั้นเรียนเมฆาคล้อยไม่รู้กี่เท่า ยามนั้นเธอก็เคยหมายมั่นปั้นมือไว้ ยามที่ประลองก็มุ่งมั่นว่าจะอาศัยความสามารถของตนฝ่าฟันเข้าชั้นเรียนนี้ให้ได้