บทที่ 912 ไม่มีวัฒนธรรมช่างน่ากลัวเสียจริง!
ตอนนั้นเธอแค่พูดกับผู้อื่นไปเรื่อย นึกไม่ถึงว่าเขาจะสร้างวังบาดาลหลังหนึ่งให้เธอได้จริงๆ!
เหมือนฝัน!
เหมือนฝันเหลือเกิน!
กู้ซีจิ่วอยากกัดตัวเองสักคำจริงๆ
ตี้ฝูอีเรียกพู่กันพิเศษด้ามหนึ่งออกมา จากนั้นก็มองมาที่เธอ “คิดมาสักชื่อสิ ข้าจะจารึกป้ายให้เจ้า”
กู้ซีจิ่วเงียบงัน น่าเสียดายนักถึงเธอจะเรียนรู้มาไม่น้อย แต่ความรู้ด้านวัฒนธรรมมีน้อยนิดจริงๆ ยามนี้จึงนึกคำศัพท์ที่ดูสูงส่งอันใดไม่ออกเลย เธอรีดเค้นสมองคิดออกมาหลายคำ ล้วนถูกตี้ฝูอี ติว่าหยาบกระด้างเกิน ไปแล้วปัดตกเสีย เธอจึงมีนํ้าโหขึ้นมา “ท่านมีวัฒนธรรมมากนัก ท่านก็ตั้งชื่อสิ”
ตี้ฝูอีใคร่ครวญเล็กน้อย “ใช้ชื่อของพวกเรามาตั้งชื่อเอาไหม? วังตี้จิ่ว? วังตี้ซี?”
นัยน์ตากู้ซีจิ่วทอประกายนิดๆ “งั้นก็เรียกว่าวังตี้จิ่วเถอะ ฟ้าดินยั่งยืน[1] ตัวอักษรพ้องเสียงกัน”
มือตี้ฝูอีแข็งทื่อเล็ดน้อย แต่ก็ยิ้มแล้วตอบรับ “ได้ เรียกว่าวังตี้จิ่ว!”
เขาเหินร่างขึ้นไปใช้พู่กันด้ามนั้นจารึกอักษรลงบนป้ายสามคำ ‘วังตี้จิ่ว’
ตัวอักษรของเขาดั่ หงส์ร่อนมังกรรำ สง่างามมีพลัง เสมือนจะทะลุออกมาจากป้าย ดูทรงอำนาจยิ่งนัก บนป้ายนั้นสลักลวดลายเถาไม้ไว้ด้วย ลายเถานั้นเก่าแก่เรียบง่ายยิ่ง เข้ากับตัวอักษรของเขาเป็นพิเศษ เพิ่มสีสันให้ตำหนักทั้งหลังไม่น้อย
กู้ซีจิ่วชักสนใจขึ้นมาเช่นกัน แบมือขอพู่กันด้ามนั้นจากเขา “ข้าก็อยากทิ้งอักษรไว้บนหินใหญ่ก้อนนี้เหมือนกัน”
ตี้ฝูอียื่นพู่กันให้เธอ “พู่กันนี้ใช้น้ำหมึกพิเศษ ถ้าเขียนแล้วจะลบอย่างไรก็ไม่ออก เจ้าคิดให้ดีแล้วค่อยเขียน”
“วางใจเถอะน่า!” กู้ซีจิ่วควงพู่กันในมือรอบหนึ่ง ครุ่นคิดเล็กน้อย ยกมือจารึกอักษรตัวโตแถวหนึ่งลงบนก้อนหิน ‘เทียนฉางตี้จิ่ว!’[2]
ในลายมือที่งดงามของเธอแฝงพลังไว้เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวอย่างหนึ่ง ท่วงท่าการจารึกอักษรขอเธอก็ด้อยกว่าตี้ฝูอีไม่เท่าไหร่
ตี้ฝูอีชื่นชมอักษรสี่ตัวที่เธอเขียนมาก เพียงแต่เขารู้สึกว่ายังไม่หนำใจ “ข้าคิดว่าควรจารึกชื่อพวกเราลงไปด้วย”
“เอาสิ” กู้ซีจิ่วตอบรับ ในสมองจัดเรียงอักษรแถวหนึ่ง เกิดความคิดบรรเจิดขึ้นมาทันที เธอใช้พู่กันจารึกชื่อของทั้งสองคนลงไปบนก้อนหิน ชื่อของตี้ฝูอีอยู่ทางซ้าย ชื่อของเธออยู่ทางขวา แล้ววาดหัวใจดวงหนึ่งไว้ระหว่างชื่อทั้งสอง บนหัวใจมีลูกศรดอกหนึ่งปักอยู่ สื่อถึงศรรักของกามเทพ
การจารึกนามนี้มีหัวศิลป์มาก กู้ซีจิ่วเรียกให้ตี้ฝูอีมาดูอย่างกระตือรือร้น
ตี้ฝูอีมองลูกศรนั้นครู่หนึ่ง ตัวลูกศรปักจากขวาทะลุซ้าย จากนั้นเขาก็มองชื่อทั้งสอง สุดท้ายจึงมองไปที่กู้ซีจิ่ว “นี่เจ้าคิดจะยิงศรทะลวงหัวใจข้าหรือ?”
ไม่มีวัฒนธรรมช่างน่ากลัวเสียจริง!
กู้ซีจิ่วมองหยามเขา จากนั้นก็อธิบายความหมายเรื่องศรรักกามเทพให้เขาฟัง ตี้ฝูอีเข้าใจในทันที และ ปรีดายิ่งนัก จากนั้นเขา
ได้เสนอความเห็นว่า “มิสู้เติมลูกศรอีกดอกให้เป็นคู่กับดอกแรกทั้งดูงดงามและดูลึกซึ้งกว่า…”
กู้ซีจิ่วหมดคำพูด “นี่ท่านคิดจะแทงหัวใจดวงนี้ให้พรุนหรือไง? ถ้าทำตามความเห็นของท่าน ปักลูกศรลงไปจนเป็นพุ่ม เช่นนั้นก็ไม่เรียกว่าหนึ่งศรรักทะลุใจแล้ว เรียกว่าหมื่นศรทะลวงใจเถอะ…”
ตี้ฝูอีเงียบงัน เอาเถอะ เป็นเขาผิดเอง
เขาจูงนางผลักประตูเข้าไป “มาเถอะ ไปดูข้างในต่อ”
คนทั้งสองเข้าสู่ภายในตำหนัก ในตำหนักมีแนวปะการัง ต้นปะการัง พุ่มปะการัง มีพืชทะเลที่เขียวขจีดั่งหยกพลิ้วไหวตามสายลม…
ในตำหนักก็ออกแบบให้มีลักษณะของโลกใต้สมุทรยิ่งนัก พืชทุกต้น หินทุกก้อนล้วนมีเอกลักษณ์โดดเด่น
ในตำหนักมีสถานที่ให้จารึกถ้อยคำไว้ไม่น้อย ตี้ฝูอีจารึกไว้หลายแห่ง กู้ซีจิ่วก็จารึกไว้หลายแห่งเช่นกัน ภูเขาจำลองเอย ศาลาเต่ากระเอย ป้ายประตูตำหนักเอย…ฝีพู่กันลํ้าค่าของพวกเขาล้วนหลงเหลือไว้ทุกที่
——————————————————————
[1] ฟ้าดินยั่งยืน ตัวจีนคือ 天长地久 ออกเสียงว่า เทียนฉางตี้จิ่ว สองตัวหลังพ้องเสียงกับชื่อของตี้ฝูอีและกู้ซีจิ่ว
[2] เทียนฉางตี้จิ่วในวรรคนี้ ตัวจีนเขียนว่า 天长帝玖 กู้ซีจิ่วเล่นคำ เอาชื่อตัวเองกับชื่อตี้ฝูอีมาใส่แทนคำเดิมที่พ้องเสียงกัน