บทที่ 791 เจ้ากำลังหนีอะไรอยู่กระมัง
และถ้าเธอไม่ถามออกมา คาดว่าตี้ฝูอีก็คงไม่แม้แต่จะบอกเรื่องนี้กับเธอ ปล่อยให้เธอหูหนวกตาบอด ให้เธอสวมรอยเป็น ‘นายท่าน’ ต่อหน้าลูกน้องเขาต่อไป และเห็นได้ชัดว่าลูกน้องของเขาได้เตี๊ยมกับเขาไว้แล้ว
เมื่อครู่นี้ยามที่เธอเข้ามา พวกเขายังค้อมกายทำความเคารพเธอ เรียกขานเธอด้วยความเคารพว่า ‘นายท่าน’!
นี้ทำให้เธอค่อนข้างอึดอัดอยู่ในใจ
เธอเงียบไปครู่ใหญ่ ค่อยเอ่ยขึ้นมา “พวกเขาเชื่อใจได้ใช่ไหม?”
ตี้ฝูอีตอบอืมอีกคราหนึ่ง
“เช่นนั้นในสายตาท่านหลงซือเย่ไม่น่าเชื่อใจถึงเพียงนั้นจริงๆ หรือ?”
ในที่สุดตี้ฝูอีก็วางพู่กันลง เพ่งพิศเธออยู่ครู่หนึ่ง “เจ้ากำลังทวงความเป็นธรรมให้เขาหรือ?”
กู้ซีจิ่วเม้มปากไม่พูดอะไร
ตี้ฝูอีถอนหายใจ “ซีจิ่ว มิใช่ว่าข้ามิเชื่อใจเขาเลย ทว่าเรื่องนี้สำคัญมากจริงๆ เกี่ยวข้องกับความเป็นความตายของข้า…หลงซือเย่เป็นคนซื่อตรงไม่เห็นแก่ตนนั้นข้าทราบนานแล้ว แต่เขา…ถึงอย่างไรเขาก็เป็นปฏิปักษ์กับข้า ถ้าจับจุดอ่อนข้าไว้ได้ ข้าเกรงว่าเขาจะอดกลั้นต่อแรงดึงดูดเช่นนี้ไม่ไหวแล้วกระทำเรื่องผิดพลาดอันใดลงไป นี่มิใช่สิ่งที่เจ้ากับข้าอยากเห็นหรอกใช่หรือไม่?”
“เขามิใช่คนเช่นนั้น! ต่อให้เขาเป็นปฏิปักษ์กับท่าน แต่ไม่ได้เป็นปฏิปักษ์กับข้า เขาไม่มีทางทำร้ายข้า” กู้ซีจิ่วแก้ตัวใหหลงซือเย่ตามสัญชาตญาณ
ตี้ฝูอีเงียบไปชั่วครู่ “เขามิใช่คนเช่นนั้นหรือ? เจ้าเข้าใจเขาถึงเพียงนั้นจริงๆ น่ะหรือ? เจ้าเชื่อทุกอย่างที่เขาพูดจริงๆ ไม่สงสัยสักนิดเลยหรือ?”
กู้ซีจิ่วไม่พูดไม่จา
ตี้ฝูอีมองเธอ ดวงตาทอแววเฉียบคมรางๆ “ซีจิ่ว เจ้ากำลังหนีอะไรอยู่กระมัง ? ดังนั้นจึงยึดถือเขาเป็นที่พึ่งสุดท้าย บางทีเจ้าก็คงไม่เชื่อเขาเหมือนกัน แต่เป็นการหยิบยืมสิ่งนี้มาสะกดจิตตัวเจ้าเอง…”
หัวใจกู้ซีจิ่วสั่นสะท้านแวบหนึ่ง หันหน้ามาหา “ท่านพูดเหลวไหลอะไรอยู่? ข้าไม่เข้าใจ!”
ตี้ฝูอีทอดถอนใจ “เจ้าเข้าใจ เพียงแต่ตัวเจ้าเองยังไม่กล้ายอมรับเท่านั้น”
กู้ซีจิ่วเงียบงัน วาจาประโยคนี้ของตี้ฝูอีเปรียบเสมือนวัตถุชี้ทางธรรม อีกทั้งเธอมิใช่ภิกษุสงฆ์ จึงมิอาจตรัสรู้ได้ ทราบเพียงว่าวาจาของเขาลึกซึ้งนัก
เพียงเธอกับหลงซือเย่…
คือการเชื่อกันอย่างมิมีข้อแม้จริงๆ น่ะหรือ?
จำได้ว่าตอนที่อยู่กับหลงซือเย่ในเทศกาลความรัก ถ้อยคำทั้งหมดที่เขาเล่ามาเหล่านั้นเธอยังเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งอยู่เลย
เพียงแต่หลังจากเกิดเรื่องเหล่านี้ขึ้น ทำให้เธอได้เห็นว่าหลงซือเย่ดีต่อเธอด้วยใจจริง มุ่งมั่นที่จะคืนดีกับเธอ…
อีกทั้งชาติก่อนเธอชอบพอเขา ดังนั้นเธอจึงคิดว่าในเมื่อชาตินี้ความเข้าใจผิดคลี่คลายลงแล้ว คงยังชอบเขาอยู่แน่นอน…
เธอไม่ต้องการให้ความรักของตัวเองผันแปรไปมา ไม่ต้องการวิตกกังวลกับเรื่องความรักอยู่ตลอดเวลา ไม่ต้องการใหตัวเองต้องเจ็บปวดเพราะเรื่องความรักอีก ดังนั้นพอสะสางความเข้าใจผิดกับหลงซือเย่ได้แล้ว เธอก็ยอมรับเขาทันที ไม่ให้ตัวเองเหลือที่ว่างให้รู้สึกสำนึกเสียใจอีก
และอันที่จริง หลงซือเย่ก็มิใช่สุ่ภาพบุรุษผู้สง่างามดั่งหยกจริงๆ ที่สามารถกระทำทุกเรื่องอย่างเปิดเผยใจกว้างได้
ครูฝึกที่สามารถปะปนอยู่ในค่ายนักฆ่าอันดำมืดได้ดั่งมัจฉาต้องวารีจะเป็นสุภาพบุรุษที่สมบูรณ์พร้อมไปได้อย่างไร?
ยิ่งไปกว่านั้นเขาสามารถหลอมรวมเข้ากับด้านนี้จนกลายเป็นเจ้าสำนักแห่งหนึ่งได้นั้นก็มิใช่เรื่องที่พึ่งพาวรยุทธ์และวิชาแพทย์เพียงอย่างเดียวก็เป็นได้ เขาจะต้องมีกลเม็ดเคล็ดอุบายของเขาอยู่บ้าง ถึงขั้นที่ว่าให้ไปเล่นการเมืองเขาก็จะทำได้ดี
ดังนั้นกู้ซีจิ่วจึงไม่เคยตีตัวว่าหลงซีเป็นคนดีเลย เหตุผลที่เธอเชื่อเขา คือการเชื่อว่าความรักที่เขามีต่อเธอคือของจริง เชื่อว่าเขาจะไม่ทำร้ายเธอก็เท่านั้น…
แต่เขาจะฉวยโอกาสเล่นงานตี้ฝูอีหรือไม่?
เรื่องนี้เธอไม่กล้ารับประกันจริงๆ!
เธอไม่พูดอะไรอีกเลย นั่งอยู่หน้าโต๊ะเงียบๆ
ตี้ฝูอีมองเธอ ถอนหายใจอีกครา “เอาเถอะ เรื่องนี้เจ้าจะคิดว่าข้าจัดการอย่างไม่ยุติธรรมก็ได้ ในเมื่อเจ้าเชื่อใจยิ่งนัก เช่นนั้นเจ้าบอกเขาเถิด ข้าก็จะลองเสี่ยงดูสักครั้ง”
พลางลุกขึ้น หมายจะก้าวออกไปด้านนอก