Skip to content

ลำนำบุปผาพิษ 850

บทที่ 850 คอแห้งเสียแล้วไว้ค่อยร้องใหม่

เมื่อท่วงทำนองสิ้นสุดลง ฮวาอู๋เหยียนเอ่ยถามหลงซือเย่อย่างอดใจไว้ไม่ได้ “ที่แท้เจ้าสำนักหลงก็จับจังหวะดนตรีได้ยอดเยี่ยมนัก บทเพลงนี้ของแม่นางกู้ฟังดูประหลาดมาก ข้าไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย แต่เจ้าสำนักหลงกลับสามารถบรรเลงตามนางอย่างรวดเร็วถึงเพียงนี้”

หลงซือเย่หัวเราะเบาๆ “ชมเกินไปแล้ว”

เป็นเพราะเขากับเธอมาจากยุคเดียวกันเท่านั้น จึงค่อนข้างคุ้นเคยกับเพลงที่เธอร้องพวกนั้น

จากนั้นเขาก็เหลือบมองตี้ฝูอีอีกครั้ง เขารู้ว่าตี้ฝูอีก็บรรเลงเพลงขลุ่ยได้ยอดเยี่ยมมากเช่นกัน สัมผัสด้านดนตรีก็ลํ้าเลิศยิ่ง หากวัดกันตามระดับจริงๆ ทักษะดนตรีของตี้ฝูอีเหนือลํ้ากว่าเขามาก

แต่ว่าตี้ฝูอีเป็นคนที่ถือกำเนิดและเติบโตในยุคนี้ ต่อให้ความสามารถเขาล้นหลามปานใด ก็ไม่เคยได้ยินบทเพลงที่ใกล้กับเพลงในยุคปัจจุบันพวกนั้น ดังนั้นเวลานี้เขาจึงทำได้เพียงฟังอยู่ตรงนั้น ปล่อยให้หลงซือเย่ที่อยู่ตรงนี้แสดงความสามารถด้านนี้ออกมา

เมื่อกู้ซีจิ่วร้องจบ เด็กน้อยอีกสามคนก็พากันร้องชมเชยพร้อมกัน หลานไว่หูเรียกร้องให้กู้ซีจิ่วร้องต่อสุดชีวิต

กู้ซีจิ่วยิ้มบางๆ “ถ้าเจ้าชนะข้าจะร้อง”

ด้วยเหตุนี้จิ้งจอกน้อยทุ่มเทสุดกำลัง เอาจริงขึ้นมาแล้ว!

และอีกสองคนที่เหลือก็แค่อยากฟังกู้ซีจิ่วร้องเพลงอีก จึงพากันอ่อนข้อให้จิ้งจอกน้อย ด้วยเหตุนี้ในที่สุดจิ้งจอกน้อยก็ชนะ

กู้ซีจิ่วพูดคำไหนย่อมเป็นคำนั้น ร้องอีกเพลงจริงๆ หนนี้เพลงที่เธอร้องคือวัยเยาว์ที่ผันผ่าน บังเอิญว่าหลงซือเย่ไม่เคยได้ยินเพลงนี้มาก่อน…

ดังนั้นกู้ซีจิ่วจึงร้องด้วยเสียงเปล่าๆ เธอเพิ่งจะร้องได้สองประโยค ก็มีเสียงพิณแว่วกังวานขึ้น เพียงพริบตาเดียวก็ไล่ตามจังหวะของเธอได้

เสียงเพลงของกู้ซีจิ่วหยุดลง หลานไว่หูที่กำลังฟังอย่างเคลิบเคลิ้ม เมื่อเห็นเธอหยุดลงก็มองเธออย่างประหลาดใจ กู้ซีจิ่วยกถ้วยชาบนโต๊ะขึ้นมาดื่ม อึกหนึ่ง เอ่ยยิ้มๆ “คอแห้งเสียแล้วไว้ค่อยร้องใหม่”

ด้านนอกนิ้วมือตี้ฝูอีก็ละจากตัวพิณแล้ว เขาก็ดื่มนํ้าชาอึกหนึ่งเช่นกัน รู้สึกว่าชานั้น เยียบเย็นและขมขื่นเล็กน้อย

ผ่านไปครู่หนึ่ง เชียนหลิงอวี่ที่อยู่ในห้องถามขึ้นด้วยความประหลาดใจว่า “โอ๊ะ ซีจิ่ว เครื่องดนตรีชิ้นนี้ของเจ้าคืออะไร?”

“กีต้าร์” กู้ซีจิ่วเอ่ยออกมาสองคำ เครื่องดนตรีชิ้นนี้เธอใช้ทักษะช่างไม้สร้างขึ้นมาโดยเฉพาะ ถึงแม้จะเทียบชั้นกับกีต้าร์ในยุคปัจจุบันไม่ได้ แต่ตอนที่ดีดก็เกิดท่วงทำนองที่เป็นเอกลักษณ์ ดังนั้นเมื่อเธอดีดให้เกิดเสียง เด็กน้อยสามคนในห้องล้วนตกตะลึง

กู้ซีจิ่วโอบกีต้าร์ไว้ทำการร้องและบรรเลงด้วยตัวเอง

เสียงกีต้าร์คลอด้วยเสียงร้องของเธอเข้าจังหวะกับเสียงเพลงของเธออย่างน่าประหลาด

เครื่องดนตรีชิ้นนี้สำหรับโลกนี้ย่อมเป็นสิ่งพิเศษ เด็กสามคนที่อยู่ในห้องล้วนอยากรู้อยากเห็น

ผู้ใหญ่อีกสี่คนที่อยู่นอกห้องก็มีสีหน้าลุ่มลึกเช่นกัน

ฮวาอู๋เหยียนกับเชียนเยวี่ยหร่านสบตากันแวบหนึ่ง หลงซือเย่แววตาซับซ้อน เขาก็ไม่เคยคิดจะสร้างเครื่องดนตรีสักชิ้นให้ซีจิ่วเลย เพลงนั้นที่เธอร้อง ใกล้เคียงกับเพลงในยุคปัจจุบัน อันที่จริงเมื่อผสมผสานกับเครื่องดนตรีของยุคปัจจุบันแล้วค่อนข้างได้อารมณ์

แน่นอนว่าเขาก็รู้สึกภูมิใจนิดๆ เหมือนกัน ก่อนหน้านี้ตอนที่เขาใช้ขลุ่ยบรรเลงคลอไปกับกู้ซีจิ่ว ถึงแม้เสียงเพลงของกู้ซีจิ่วจะชะงักไปครู่หนึ่ง แต่สุดท้ายก็ยังร้องต่อ แต่พอตี้ฝูอีใช้พิณบรรเลงคลอ ซีจิ่วกลับหยุดลงทันที ชัดเจนนักว่าเธอไม่อยากเกี่ยวข้องกับเขาอีกแล้ว ดูเหมือนสิ่งที่ตนทำลงไปในยามนั้นจะถูกต้องแล้ว…

ขอเพียงให้เวลาสักหน่อย ซีจิ่วก็จะค่อยๆ ลืมตี้ฝูอีไป แล้วรับรักตัวเขาหลงซือเย่อย่างแท้จริง…

ความรัก ไม่มีก่อนหลัง ไม่มีถูกผิด ดังนั้นเพื่อให้ได้เธอมาครอง เขาไม่ลังเลที่จะใช้อุบายเล็กๆ น้อยๆ อีกทั้งการใช้อุบายเล็กๆ น้อยๆ ในความรัก ล้วนเป็นความสำราญอย่างหนึ่ง เดิมทีชาติก่อนซีจิ่วก็ชอบตนไม่ใช่หรือ?

ยามนั้นหากว่าตนใจกล้าสักหน่อย ไม่มีเรื่องที่ต้องพะวงมากมายปานนั้น บางทีตอนนั้นทั้งสองอาจกลายเป็นสามีภรรยากันแล้ว ไหนเลยจะมีช่องให้ตี้ฝูอีมาแทรกได้อีก?

อันที่จริง ยามนี้สานุศิษย์สวรรค์ทั้งสี่หารือกันเสร็จนานแล้ว หากเป็นยามปกติ ตี้ฝูอีคงจากไปนานแล้ว แต่หนนี้ราวกับเขาจะลงหลักปักฐานที่นี่ นั่ง อยู่ตรงนั้นโดยไม่มีทีท่าว่าจะขยับ

——————————————————————

[1] การเล่นทายนิ้ว คล้ายการเล่นเป่ายิ้งฉุบ แต่เป็นการทายว่าอีกฝ่ายจะออกกี่นิ้ว มักเล่นในวงสุรา ใครทายผิดจะถูกลงโทษให้ดื่มสุรา

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version