บทที่ 987 สถานการณ์ฉุกละหุก อุ้มต่อไปก็แล้วกัน
เห็นได้ชัดว่าโลหิตนี้มีฤทธิ์กัดกร่อน เมื่อหยดลงสู่พื้นแม้แต่ก้อนหินก็ละลายหายไปในชั่วพริบตา
ส่วนกู้ซีจิ่วเนื่องจากใช้วิชาเคลื่อนย้ายได้ทันกาล ฝนโลหิตสีดำนั้นจึงไม่กระเด็นโดนร่างเธอเลยสักหยด
ทุกคนตกตะลึงจนอ้าปากหวอ
ดรุณีขี่มังกรเจียวที่อยู่ไกลออกไปก็เห็นฉากนี้เช่นกัน ตัวคนแทบจะแข็งเป็นหิน ถูกสัตว์ประหลาดร่างมังกรโจมตีจนเกือบตะปบกระโปรงนางขาดแล้ว
สายตาของคนยักษ์เกราะทองผู้เป็นข้ารับใช้เบิกกว้างปานลูกกระพรวนทองแดง “ร้ายกาจเหลือเกิน! นั่นคืออะไรกัน?”
ไม่มีผู้ใดเอ่ยตอบเขา
พวกเขานายบ่าวยังคงถูกมังกรร้ายไล่กัดอยู่ ข้ารับใช้เกราะทองนึกว่ากู้ซีจิ่วจะรีบมาช่วยพวกเขาสังหารมังกรร้ายต่อ นึกไม่ถึงว่ารออยู่ครู่หนึ่งก็ไม่เห็นเงาร่างของนางเลย เขาฉวยโอกาสมองไปรอบๆ แวบหนึ่งอย่างอดไว้ไม่อยู่ พบว่าเด็กสาวคนนั้นหายไปอย่างไร้ร่องรอยแล้ว!
หนีไปแล้วหรือ?!
ยังมีอยู่อีกตัวนะ!
….
ความสามารถในการจดจำเส้นทางของกู้ซีจิ่วแกร่งกล้ายิ่ง เธอกลับมาอย่างรวดเร็ว ตามหาพุ่มไม้นั้้น พบว่าอิงเหยียนนั่วยังคงนั่งอยู่ตรงนั้น
ชัดเจนยิ่งนักว่าอิงเหยียนนั่วมองเห็นการสังหารหงส์อันห้าวหาญของเธอ ดวงตาเจิดจรัสแวววาว “ซีจิ่ว นั่นคืออะไร?”
กู้ซีจิ่วเลิกยิ้มแวบหนึ่ง “อาวุธลับ! เอาล่ะ พวกเราไปหาหมอได้แล้ว”
มองดูเขาอีกครั้ง พบว่าท่านั่งของเขาแทบจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงเลย จึงค่อนข้างกังวล “เจ้ายังเดินไหวไหม?”
อิงเหยียนนั่วมองเธอ แพขนตาสั่นไหว หลุบลงไป “ไม่ไหว…”
กู้ซีจิ่วถอนหายใจ ก้มลงไปโอบเอวเขาอุ้มขึ้นมา “ข้าจะพาเจ้าไปหารถม้าก่อน”
เป็นครั้งแรกในชีวิตของตี้ฝูอีที่ถูกสตรีโอบอุ้ม นอกจากความตกใจก็รู้สึกว่านี่คือผลพลอยได้อย่างหนึ่ง เพียงแต่ยามนี้ในเมื่อเขาเป็นอิงเหยียนนั่ว ย่อมต้องมีปฏิกิริยาตอบสนองอย่างที่อิงเหยียนนั่วควรมี ด้วยเหตุนี้ใบหน้าน้อยๆ ของเขาจึงแดงกํ่าอย่างพอเหมาะ “เจ้า…อุ้มข้าไว้เช่นนี้จะดีหรือ?
อย่างไรเสียชายหญิงก็ไม่พึงชิดใกล้…”
เด็กชายอายุแปดเก้าขวบคนหนึ่งวางมาดเคร่งขรึม กล่าวอะไรทำนองว่า ‘ชายหญิงมิพึงชิดใกล้’ กับเธอ นี่ทำให้กู้ซีจิ่วเป็นสุขขึ้นมาอย่างน่าประหลาด มุมปากของเธอหยักเป็นรอยยิ้มบางๆ เอ่ยอย่างจงใจว่า “งั้นจะทำอย่างไรเล่า? ไม่เช่นนั้นข้าต่อแพแล้วลากเจ้า ไปดีหรือไม่?”
ตี้ฝูอีกอดเอวนางไว้ทันที “สถานการณ์ฉุกละหุก อุ้มต่อไปก็แล้วกัน”
ร่างกายของเขานุ่มนิ่ม ยามที่กอดเขาไว้ในสมองมีประโยคหนึ่งผุด ขึ้นมาอย่างควบคุมอารมณ์ไว้ไม่ยู่ ‘กลิ่นกายหอมละมุน อวลคุกรุ่นปลายนาสิก’
กู้ซีจิ่วใช้ยันต์ถ่ายทอดเสียงติดต่อเยี่ยนเฉินแล้วบอกว่าตนมีธุระสำคัญ ต้องจากไปพร้อมอิงเหยียนนั่ว จะไม่กลับไปรวมตัวกับพวกเขาแล้ว พลาง ให้ส่งรถลากสิงโตเวหาของเธอกลับมาด้วย…
เนื่องจากกลุ่มของพวกเขาเหล่านี้ต่างมีภารกิจของตน เยี่ยนเฉินจึงไม่พูดจำเป็นอื่น ตอบรับอย่างตรงไปตรงมายิ่ง
เห็นได้ชัดว่าพวกเขาที่ซุ่มอยู่ในที่ลับก็ได้ชมการต่อสู้ของกู้ซีจิ่วกับ ‘พญาหงส์’ เมื่อครู่นี้ด้วย เยี่ยนเฉินผู้สุขุมเยือกเย็นมาโดยตลอดก็เลือดลมเดือดพล่านขึ้นมาเช่นกัน จิตใจเปี่ยมความสนใจใคร่รู้ “ซีจิ่ว กระบวนท่าสุดท้ายที่เจ้าสำแดงออกมาคืออะไร? ไม่น่าเชื่อว่าจะทำให้สัตว์ประหลาดตัวนั้นระเบิดได้!”
กู้ซีจิ่วหัวเราะคราหนึ่ง “กลับไปข้าค่อยอธิบายกับพวกเจ้าให้ชัดเจนเป็นรูปธรรมอีกที ข้าไปก่อนนะ”
พอปิดยันต์ถ่ายทอดเสียง เธอก็อุ้มตี้ฝูอีมายังพื้นที่ที่ค่อนข้างราบเรียบแห่งหนึ่ง รอรถลากสิงโตเวหาตัวนั้นกลับมา
ระหว่างที่รอรถอยู่ เดิมทีเธอคิดจะวางเขาลงก่อน นึกไม่ถึงว่าสองมือน้อยๆ ของเขาจะยึดสาบเสื้อเธอไว้ มองเธอด้วยสีหน้าที่ซีดเซียวนิดๆ “ที่นี่มีหิน มากเกินไป…”
กู้ซีจิ่วมองหินที่เกลื่อนพื้นแล้วมองเขาอีกครั้ง ลอบถอนหายใจเฮือกหนึ่ง เขาบาดเจ็บสาหัสถึงเพียงนี้ อีกทั้งผิวกายก็อ่อนนุ่มนิ่ม คงเกรงว่าจะทับแล้วเจ็บ ช่างเถอะ อุ้มต่อไปก็แล้วกัน!
อย่างไรก็ตามหลังจากเขาหดเล็กลงตัวก็เบาขึ้นมาก ไม่หนักเลย อุ้มไว้ก็ไม่เหน็ดเหนื่อยอันใด
ผ่านไปครู่หนึ่ง รถลากสิงโตคันนั้นก็มาถึง