บทที่ 263
กอดท่านไว้ตลอดเวลา
กู่ทำนองกระจ่างก็คือกู้ที่กู้ซีจิ่วใส่ในร่างตี้ฝูอีวันนั้น เดิมทีแก้ได้ยากยิ่งนัก แต่เขาก็แก้ได้อย่างไม่คณนามือ เห็นได้ชัดว่าเขาเชี่ยวชาญการแก้พิษ
หนนี้ถึงแม้พิษบนมีดเธอจะร้ายแรง แต่ก็ไม่ยากเกินกว่าจะแก้ได้ กู้ซีจิ่วเชื่อว่าด้วยฝีมือของท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย การแก้พิษก็เป็นแค่เรื่องขี้ปะติ๋ว…
กู้ซีจิ่วคำนวณในใจอย่างถี่ถ้วน แต่ในใจก็รู้สึกกระสับกระส่ายอยู่บ้าง…
‘นั่นก็ใช่’ หยกนภาคล้อยตามเธอ
‘แต่อย่างไรก็ตาม เจ้านาย นอกเหนือจากต้องการนำตัวท่านไปทดสอบแล้ว ยามปกติเขาก็ปฏิบัติต่อท่านไม่เลวเลยจริงๆ หลังจากท่านดื่มสุราจนเมามาย เขาอาจเกรงว่าท่านจะกลิ้งตกลงไป จึงกอดท่านไว้ตลอดเวลา’
กู้ซีจิ่วนิ่งงัน
‘ตอนท่านอาเจียนสุรา ไม่เพียงแต่อาเจียนใส่หลังอาชาเวหา ยังอาเจียนใส่แขนเสื้อเขาด้วย’
เธอไม่มีความทรงจำเหล่านี้เลย แต่หัวใจสั่นไหวเล็กน้อย คนผู้นี้รักสะอาดปานนี้ ตนอาเจียนใส่แขนเสื้อเขาแต่เขากลับไม่ได้เตะเธอลงไป…
‘เจ้านาย ท่านเมาสุราแล้วก้าวร้าวมากจริงๆ ท่านขึ้นคร่อมร่างเขา จะลูบเขา…’ หยกนภารำพึงรำพันต่อ
ผลไม้ในมือกู้ซีจิ่วหล่นลงพื้น ‘อะ…อะไรนะ?’
‘แต่วันนี้ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายค่อนข้างแปลก หลังจากท่านหล่นลงนํ้าเขาก็กระโดดลงไป เขาไม่ได้ใช้วิชาอาคมกำจัดสิ่งสกปรกบนร่างท่าน แต่ใช้มือล้าง ตอนเขาล้างให้ท่านก็ไม่ได้ว่าง่ายนัก มือไม้ ท่านเคลื่อนไหวสะเปะสะปะ มีหนหนึ่งเกือบจะตบหน้าเขาเข้า…’
กู้ซีจิ่วตกตะลึง!
‘เขาไม่ได้ใช้วิชาอาคมเลย หลังจากอุ้มท่านขึ้นฝั่ง เขาผลัดเปลี่ยนอาภรณ์ เส้นผมก็ให้ลมเป่าจนแห้ง เดิมทีเขาคิดจะเปลี่ยนเสือผ้าให้ท่านด้วย พอลอกคราบท่านได้ครึ่งหนึ่งคงจะกระอักกระอ่วนที่ท่าน เป็นเด็กสาวคนหนึ่งจึงหยุดมือไป แล้วกรอกยาสร่างเมาให้ท่านเท่านั้น เมือเห็นท่านหนาวจนตัวสั่น เขาก็ก่อกองไฟขึ้นแล้วนำท่านไปไว้ใกล้ๆ กองไฟ…’
กู้ซีจิ่วพูดอะไรไม่ออก
‘เจ้านาย ข้าสงสัยมากจริงๆ นะ ตอนท่านถูกอ๋าวอัสนีโลหิตห้อมล้อม ด้วยฝีมือในยามปกติของเขา ต่อให้มา 180 ตัวในชั่วลมหายใจเดียวก็ไม่เป็นไร แต่เขากลับต้องใช้แก่นโลหิตคลายวิชาเคลื่อนย้ายในพริบตาของท่านที่ถูกผนึกไว้ให้ท่านพาหลบหนี ท่านว่าเขาทำเช่นนี้มีจุดประสงค์ใด?
หนนี้ในที่สุดกู้ซีจิ่วก็เอ่ยขึ้นมา ‘แก่นโลหิต ของข้า?’
‘ใช่แล้ว เขาคงจะกัดลิ้นแล้วส่งเลือดเข้าไปในปากท่าน…’
กู้ซีจิ่วกำมือแน่นเล็กน้อย กล่าวอย่างเยือกเย็น ‘ที่วิชาเคลื่อนย้ายของข้าถูกผนึกในครั้งนี้มิใช่ฝีมือเขาหรอกหรือ?’
‘น่าจะไม่ใช่กระมัง?’ หยกนภาก็ไม่แน่ใจนัก ‘ข้าคิดว่าครั้งนี้เป็นฝีมือของหลงซือเย่’
กู้ซีจิ่วตะลึงงัน เธอหลับตาลงเล็กน้อย จากนั้นพลันหมุนกายแล้วเคลื่อนย้ายอีกหน…
ณ เนินหินระเกะระกะแห่งเดิม ขณะนี้บนเนินหินกลับไม่ปกตินัก ตี้ฝูอีเอนกายอยู่บนหินใหญ่ก้อนหนึ่ง ใบหน้าหล่อเหลาเขียวคลํ้า แน่นิ่งไม่ขยับ
รอบนอกของเนินหิน มีหมาป่าสูงใหญ่ดุร้ายสามตัวปรากฏตัวขึ้น กำลังเข้ามาใกล้เขาอย่างกล้าๆ กลัวๆ…
หนึ่งในนั้นทำท่าคล้ายจะพุ่งเข้ามาจู่โจมแล้ว!
น่าตายนัก!
กู้ซีจิ่วพุ่งเข้าไป ไม่ทราบว่าเอาเรี่ยวแรงมาจากไหน โอบแขนขายาวๆ ของเขาขึ้ยีนมา จากนั้นก็พยายามเคลื่อนย้ายในพริบตาอย่างสุดกำลัง…
ณ ป่าผลไม้ในซอกเขาอันเงียบสงบ
สถานที่แห่งนี้ค่อนข้างจะปลอดภัยกว่าที่อื่นๆ ลมภูเขาน้อย ไม่มีสัตว์ร้ายโผล่มา
ดังนั้นจุดหมายปลายทางแรกยามกู้ซีจิ่วอุ้มตี้ฝูอีเคลื่อนย้ายมาก็คือ ที่นี่
แต่การพาเคลื่อนย้ายตอนเขามีสติกับการเคลื่อนย้ายตอนเขาหมดสติ น้ำหนักจะแตกต่างกันอย่างเห็นได้ขัด ตอนหมดสติเขาหนักมาก หนักเหมือนผู้ชายทั่วไป ถึงอย่างไรกู้ซีจิ่วก็รูปร่างผอมแห้ง อุ้มเขาก็เหมือนคนเตี้ยอุ้มคนค่อม เปลืองแรงอย่างยิ่ง