Skip to content

ลำนำบุปผาพิษ 989

บทที่ 989 ไม่แปลกเลยที่เชื่อฟังเขาถึงเพียงนี้!

กู้ซีจิ่วนั่งอยู่นอกตัวรถ ในอ้อมแขนอุ้มอิงเหยียนนั่วตัวน้อยไว้ ตี้ฝูอี ถือแส้ไว้ในมือ ควบคุมให้สิงโตเวหาหักเลี้ยวบ้างเป็นบางครั้ง…

ทั้งสองคนแนบชิดกัน กู้ซีจิ่วหลุบตามองเด็กน้อยในอ้อมแขน จากนั้นก็นวดหว่างคิ้วเบาๆ

สิงโตเวหาตัวนี้เป็นสิงโตที่มีนิสัยเป็นเอกลักษณ์มากจริงๆ ก่อนหน้านี้ตอนที่กู้ซีจิ่วไปบังคับมัน เป็นตายร้ายดีอย่างไรมันก็ไม่บิน ซ้ำยังลากพวกเขาวนไปวนมาอยู่ที่เดิม ทำให้กู้ซีจิ่วอับจนวาจายิ่งนัก

ด้วยความจนปัญญา จึงทำได้เพียงอุ้มอิงเหยียนนั่วออกมา โอบเขาไว้ในวงแขนให้เขาบังคับรถ ด้วยเหตุนี้เจ้าสิงโตเวหาตัวนี้จึงเหินบินขึ้นอย่างปราดเปรียวยิ่ง ให้ไปตะวันออกมันก็ไปตะวันออก เชื่องยิ่งกว่ากระต่าย แถมบางครั้งยังสะบัดหางประจบประแจงเธอด้วย ดังนั้นจึงเกิดสถานการณ์เช่นนี้ขึ้น…

กู้ซีจิ่วรู้สึกว่าท่าทางเช่นนี้ของเธอกับเขาทำให้สัญชาตญาณความเป็นแม่ของเธอถูกปลุกขึ้นมาง่ายๆ เกรงว่าเขาอยู่ด้านนอกจะต้องลมหนาว เธอจึง หยิบผ้าห่มขนสัตว์มาห่อตัวเขา…

กู้ซีจิ่วค่อนข้างฉงนจริงๆ รถม้าคันนี้ถูกสร้างขึ้นเพื่ออิงเหยียนนั่วหรือไง ทำไมสิงโตเวหาตัวนี้ถึงจงรักภักดีกับเขานัก?

ดูเหมือนเขาจะมีทักษะของนักฝึกสัตว์จริงๆ!

กู้ซีจิ่วค่อนข้างเลื่อมใสเขา เธออดไม่ได้ที่จะนึกถึงสัตว์เลี้ยงทั้งสามของตนขึ้นมา ตัวหนึ่งเป็นจอมตะกละ ตัวหนึ่งชอบทำตัวแอ๊บแบ้ว ส่วนอีกตัวถึง แม้จะพึ่งพาได้ แต่ก็เป็นทาสลูก…

เห็นทีว่าเธอคงต้องเพิ่มความสามารถในการฝึกสัตว์ของตนให้แข็งแกร่งขึ้นหน่อยแล้ว

ชาติก่อนถึงแม้กู้ซีจิ่วจะเป็นนักฆ่า แต่ถึงอย่างไรก็เป็นสังคมสมัยใหม่ ไม่นิยมฝึกฝนเลี้ยงดูสัตว์ดุร้ายสักเท่าไหร่ คนส่วนใหญ่อย่างมากก็เลี้ยงหมาเลี้ยงแมวไม่กี่ตัวอะไรทำนองนั้น ส่วนกู้ซีจิ่วเนื่องจากออกไปทำภารกิจบ่อยๆ และไม่มีเวลามาคอยดูแลสิ่งเหล่านี้ ดังนั้นเธอแทบไม่มีประสบการณ์ในการฝึกสัตว์เลย ต้องคลำหาทางเอาเองอย่างสิ้นเชิง

กู้ซีจิ่วไม่รู้ว่าสิงโตเวหาตัวอื่นเป็นอย่างไร แต่เจ้าตัวที่อยู่เบื้องหน้านี้เป็นสัตว์ชั้นเลิศอย่างไรข้อกังขา ไม่ว่าจะเป็นรูปลักษณ์หรือความสามารถในการตอบสนองล้วนเป็นเลิศทั้งสิ้น

กู้ซีจิ่วไม่ลืมตอนที่พวกจิ้งจอกน้อยอยู่ในรถก่อนหน้านี้ ถูกสัตว์ร้ายสองตัวนั้นไล่ล่าจนโกลาหลวุ่นวาย ยามนั้นสิงโตเวหาตัวนี้มีชั้นเชิงยิ่งนัก หากมิใช่มันหลบหลีกอย่างเฉียบแหลมปราดเปรียว เกรงว่าพวกจิ้งจอกน้อยคงกลายเป็นอาหารของสัตว์ประหลาดแล้ว…

“สิงโตเวหาตัวนี้เดิมทีเป็นเจ้าเลี้ยงดูมาใช่หรือไม่?” กู้ซีจิ่วถามข้อสงสัยที่อยู่ในใจออกมา

ตี้ฝูอีเอนกายพิงอ้อมแขนของเธออย่างเกียจคร้าน หรี่ตาลงน้อยๆ ราวกับจะหลับแล้ว “อืม มันเป็นสัตว์ของบ้านข้า”

ไม่แปลกเลยที่เชื่อฟังเขาถึงเพียงนี้!

กู้ซีจิ่วทอดถอนใจพลางเอ่ย “วิชาฝึกสัตว์ของเจ้าไม่เลวเลย“

ตี้ฝูอีจึงกล่าวว่า “เจ้าอยากเรียนไหม? ถ้าอยากเรียนข้าค่อยๆ สอนให้เจ้าได้”

กู้ซีจิ่วค่อนข้างเหม่อลอย ดูเหมือนเมื่อก่อนท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ก็เคยเดียดฉันท์ทักษะการฝึกสัตว์ของเธอเช่นกัน ต้องการอบรบสั่งสอนเธอ และเคยพูดจาทำนองนี้เช่นกัน…

เธอหลุบตามองเขาที่นอนอยู่บนตักเธอ ไม่ทราบว่าเพราะเหตุใด เธอรู้สึกหลอนขึ้นมาอีกแล้วว่าเขาคือตี้ฝูอี…

เพียงแต่เธอปัดความคิดที่ไม่น่าเชื่อถือนี้ทิ้งไปอย่างรวดเร็วยิ่ง ถึงอย่างไรเธอก็คุ้นเคยกับกลิ่นอายบนร่างของตี้ฝูอี และยามนี้ถึงแม้กลิ่นอายบนร่างอิงเหยียนนั่วจะหอมจางๆ เหมือนกัน แต่เห็นได้ชัดว่าแตกต่างกับตี้ฝูอี แถมกลิ่นอายบนร่างอิงเหยียนนั่วยังเกิดการเปลี่ยนแปลงเป็นครั้งคราวด้วย เหมือนคนทั่วไป แตกต่างกันไปตามกลิ่นกำยาน

เอ๊ะ ไม่ถูกสิ!

เธอจำได้ว่าก่อนที่อิงเหยียนนั่วจะกลายเป็นเด็กกลิ่นที่เธอได้จากร่างเขาไม่เหมือนกับตอนนี้ เขายังสวมเสื้อผ้าชุดนั้นอยู่ชัดๆ อีกทั้งก่อนหน้านี้ตกอยู่ในอันตรายมาโดยตลอด เขาไม่สามารถผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าได้กระมัง?

เธออดไม่ได้ที่จะก้มลงไปดมแยกแยะกลิ่นหอมบนร่างเขา

ดวงตาตี้ฝูอีสาดแสงเล็กน้อย “ทำไมหรือ?”

กู้ซีจิ่วมองเขา “กลิ่นอายบนร่างเจ้าไม่เหมือนตอนที่ยังไม่กลายเป็นเด็กเลย เป็นเพราะอะไร?”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version