Skip to content

สู่วิถีอสุรา 10

ตอนที่ 10 โลหิตลุกโชน

“อย่างมากก็แค่ลองอีกครั้ง!” ซูหมิงขบกราม โยนสมุนไพรหกกลีบใส่หม้อฮวง

สมุนไพรดอกหกกลีบนี้เขาได้มาจากดินเลน ตอนมันผลิบานจะปล่อยไอระอุทำให้รู้สึกคล้ายโลหิตเดือดพล่าน

ในช่วงที่สมุนไพรดังกล่าวสัมผัสกับน้ำก้นหม้อหลอม ซูหมิงเห็นได้ชัดเลยว่ามีแสงสีแดงพิลึกขยับวูบวาบในหม้อฮวง เขาไม่ได้ปิดฝาหม้อแต่พาร่างเข้าไปใกล้ เดินวนรอบหม้อฮวง เลือกหาร่องเปลวเพลิงที่กำลังเคลื่อนตัวอยู่ จากนั้นจึงใช้เขากระดูกขีดเส้นขวางแนวนอนเพื่อตัดเปลวเพลิงและควบคุมความร้อนชั่วคราว

ร่องบนพื้นมีมากกว่าเมื่อเดือนก่อนไม่น้อย อีกทั้งยังเต็มไปด้วยรอยขีด นี่เป็นวิธีการควบคุมไฟที่ซูหมิงคิดค้นขึ้นด้วยตนเองในหนึ่งเดือนที่ผ่านมา

ยามนี้ซูหมิงดูเคร่งเครียดนัก แทบเพ่งสมาธิทั้งหมดไปยังหม้อฮวง อีกทั้งจากการสังเกตมาตลอดหนึ่งเดือน เวลาและตำแหน่งของเขาตอนนี้อย่างน้อยก็ปลอดภัยครึ่งชั่วยาม ไม่ต้องไปสนใจอย่างอื่น

เวลาดำเนินต่อไป ไม่นานก็ผ่านไปครึ่งชั่วยาม ซูหมิงรีบถอยออกมาทันที หลังจากนั้นไม่นานเปลวเพลิงมหาศาลพลันระเบิดพุ่งจากใต้พื้น ยามนั้นซูหมิงที่อยู่ไม่ไกลเหงื่อชุ่มไปทั้งตัว ทว่าสายตายังคงจับจ้องหม้อฮวง ด้วยประสบการณ์ตลอดหนึ่งเดือนนี้ เขาทราบดีว่ายังต้องใช้เวลาอีกเจ็ดแปดชั่วยามถึงจะเห็นผล

ในระหว่างนั้น เขาต้องคอยปรับความอ่อนแรงของเปลวเพลิงตามการเปลี่ยนแปลงของน้ำสมุนไพรในหม้อ และในช่วงสุดท้ายก็ทำการปิดฝา ความร้อนด้านในจะเพิ่มขึ้นสูงจนกลั่นออกมาเป็นเม็ดโอสถ

ขั้นตอนนี้เขาทำมาแล้วหลายครั้งในรอบหนึ่งเดือน ยามนี้จึงดูชำนาญยิ่งนัก

หนึ่งชั่วยาม สองชั่วยาม ภายในหม้อฮวงเริ่มมีหมอกแดงลอยขึ้น มันไม่มีกลิ่นทว่ามีแสงพิลึกวูบวาบด้านใน พอซูหมิงเห็นพลันรู้สึกราวกับโลหิตในกายไหลเวียนเร็วขึ้น

ระหว่างนั้นเขาปรับความอ่อนแรงของเปลวเพลิงหลายครั้ง จนกระทั่งท้องฟ้าข้างนอกมืดมิดลง ซูหมิงตาแดงก่ำเต็มไปด้วยหลอดเลือดฝอย ตลอดทั้งวันนี้เขาแทบไม่ได้หยุดพักจากการหลอมยา ทุกอย่างยังคงราบรื่นจนถึงขั้นตอนสุดท้าย

ซูหมิงมองผ่านหมอกแดง เห็นรางๆ ว่าน้ำสมุนไพรในหม้อเหลือไม่มาก และกำลังเดือดปุดๆ อย่างต่อเนื่อง ทุกครั้งที่ฟองแตกจะมีหมอกแดงลอยขึ้น

“ใกล้แล้ว!” ด้วยประสบการณ์ที่ล้มเหลวมานับครั้งไม่ถ้วน ดวงตาซูหมิงเป็นประกาย รีบหยิบฝาหม้อฮวงข้างๆ เดินเข้าไปปิดปากหม้อเอาไว้โดยไม่ลังเล

ในทันทีที่ปิดฝาหม้อฮวง พลันเกิดเสียงตูมดังสนั่นก้องถ้ำภูเขาไฟแห่งนี้

“จะสำเร็จหรือไม่ก็ต้องดูครั้งนี้!” เมื่อปิดฝาหม้อแล้ว ซูหมิงจึงถอนหายใจเฮือกใหญ่ ถอยหลังไปหลายก้าว ก่อนนั่งขัดสมาธิหลับตาลงเพื่อพักผ่อนกายใจ เขาทราบดีว่าสิ่งที่ควรทำก็ได้ทำไปแล้ว จะสำเร็จหรือไม่นั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับเขา แต่อยู่ที่โชคชะตา

ผ่านไปเกือบหนึ่งชั่วยาม เสียงดังสนั่นในหม้อฮวงพลันเพิ่มขึ้น ระเบิดดังติดต่อกันเก้าครั้งแล้วจึงค่อยเงียบลง นอกจากเปลวเพลิงที่ยังลุกโชนใต้หม้อฮวงแล้ว ด้านในหม้อไม่เกิดเสียงอะไรดังขึ้นอีก

ซูหมิงไม่ได้ลืมตา ทว่ายังคงพักผ่อนต่อไป รอคอยอย่างใจเย็นจนกระทั่งเปลวเพลิงใต้หม้อฮวงมอดดับช่วงเว้นระยะ เขาลืมตาขึ้นทันใดแล้วเดินเข้าไป มือขวาจับสมุนไพรกันร้อน ก่อนผลักฝาหม้อฮวงเปิดออก

ช่วงที่ฝาหม้อเปิดออก คลื่นไอร้อนสีแดงพลันพวยพุ่ง ทว่าซูหมิงเตรียมรับมือไว้แล้ว เขาถอยหลบอย่างรวดเร็วแทบจะทันทีที่เปิดฝา รออยู่พักหนึ่งจนคลื่นไอร้อนค่อยๆ จางหาย หัวใจเขาเต้นตึกๆ เดินไปอย่างเชื่องช้าด้วยสีหน้าทั้งจริงจังและเฝ้ารออย่างมีหวัง ก่อนมองเข้าไปในหม้อฮวง

เพียงมองเข้าไป ซูหมิงหัวเราะเสียงดังทันที ตรงก้นหม้อฮวงมีโอสถสีแดงฉานสามเม็ด!

ซูหมิงหยิบมันออกมาอย่างระวัง แล้วนั่งลงข้างๆ ด้วยสีหน้าตื่นเต้น ถือเจ้าสิ่งพิลึกที่เห็นในความทรงจำขึ้นมาชมไม่หยุด

ซูหมิงค่อนข้างชอบเม็ดโอสถลักษณะกลมนี้ เขาพยายามดมกลิ่นอยู่นาน ทว่าน่าเสียดายที่มันไม่มีกลิ่นหอมสมุนไพรเลย แต่กลับมีกลิ่นคาวเลือดอ่อนๆ

อีกทั้งเม็ดโอสถยังดูเปราะบาง เพียงซูหมิงออกแรงบีบเล็กน้อย ก็รู้สึกเหมือนว่ามันจะแหลกคามือ ซึ่งในความจริงก็เป็นเช่นนั้นอยู่แล้ว เขาจึงไม่ได้ใส่ใจจุดนี้มากนัก

“หนึ่งเดือน ในที่สุดข้าก็ทำสำเร็จ!” ยิ่งมองซูหมิงยิ่งมีความสุข ขณะวางมันบนริมฝีปากเตรียมกิน กลับเกิดความลังเลขึ้น เขาพยามกดความตื่นเต้นในใจ ในหัวนึกถึงภาพเหตุการณ์ประหลาดตอนเก็บสมุนไพรหกกลีบสีแดง

“ในเมื่อสมุนไพรชนิดนี้หลอมเป็นเม็ดโอสถได้ เช่นนั้นอีกชนิดหนึ่งจะหลอมได้เหมือนกันหรือไม่…” ซูหมิงขบคิดพลางเก็บเม็ดโอสถทั้งสามกลับไปอย่างดี แล้วจึงหยิบสมุนไพรห้ากลีบสีแดงขึ้นมา

เขานิ่งเงียบอยู่พักหนึ่ง ดวงตาเป็นประกาย หลังจากคำนวณเวลาแล้วจึงนั่งสมาธิปิดเปลือกตา ใช้การโคจรพลังจากเส้นเลือดในร่างมาฟื้นฟูความเหนื่อยล้าของร่างกาย

หนึ่งราตรีไร้คำกล่าว เสี่ยวหงวิ่งกลับมายามดึก มุดเข้าในถ้ำด้วยใบหน้ามึนเมา ดมมือขวาของตน ก่อนนอนฟุบตรงจุดที่ไม่ร้อนมาก ไม่ได้สนใจซูหมิงแม้แต่น้อย

หนึ่งเดือนมานี้ มันชินกับที่นี่แล้ว เพียงแต่ตอนที่มันนอนอยู่ยังคงติดการดมมือขวาไม่หยุด อาการมึนเมาก็หนักขึ้น ราวกับนึกถึงอะไรบางอย่าง จู่ๆ มันก็แยกเขี้ยวหัวเราะเคี๊ยกๆ

ยามรุ่งอรุณวันถัดมา ซูหมิงสะลึมสะลือตื่นนอน ก่อนขยับกายยืดเส้นยืดสาย ความรู้สึกเมื่อยล้าจากเมื่อวานมลายหายไป หลังจากสดชื่นแล้ว ซูหมิงจึงหยิบสมุนไพรห้ากลีบขึ้นมา และเริ่มหลอมสมุนไพรต่อ

หลายวันถัดมา ซูหมิงเดินออกจากถ้ำภูเขาไฟที่อยู่มาค่อนข้างนาน ตอนที่เห็นแสงตะวันภายนอก เขารู้สึกแสบตาเล็กน้อย ตอนนี้เขาชินกับแสงไฟสีแดงในถ้ำมากกว่า พอมาเจอกับแสงตะวันสว่างจ้าจึงรู้สึกเวียนศีรษะ

ซูหมิงยืนสูดอากาศบริสุทธิ์ไปหลายครั้ง และพอเริ่มคุ้นชินกับแสงตะวันแล้ว จึงมองโดยรอบอย่างระแวดระวัง ก่อนค่อยๆ ปีนลงเขาไป

เขาเคลื่อนตัวด้วยความเร็ว อีกทั้งยังระแวงตลอดเวลา ยิ่งมีเจ้าลิงคอยเฝ้าระวังข้างๆ จึงไม่พบกับอันตรายใดๆ และลงเขามาได้โดยสวัสดิภาพ

ซูหมิงเจอแม่น้ำตรงตีนเขาสายหนึ่ง มีไอร้อนแผ่กระจาย เขาถอดเสื้อผ้าแล้วเดินลงไปแช่ในน้ำ รู้สึกราวกับความเหนื่อยล้าตลอดหลายวันมานี้มลายหายไป จากนั้นค่อยปีนขึ้นฝั่งอย่างอาลัยอาวรณ์ ก่อนจากไปอย่างรวดเร็วพร้อมกับเสี่ยวหง ตอนนี้เขามีเรื่องสำคัญที่ต้องไปทำ

ซูหมิงและเสี่ยวหงห้อตะบึงปานลมกรดในป่าทึบ หลังจากวนอยู่หลายรอบ เขาจับสัตว์ดุร้ายขนาดเล็กมาได้หลายตัว กระทั่งเสี่ยวหงก็ยังล่ามาได้ไม่น้อย

ณ สถานที่ลับตาคนแห่งหนึ่ง ซูหมิงมองสัตว์สี่ตัวที่ถูกมัดเอาไว้และกำลังคำรามใส่ตน ทว่าเขาไม่ได้ใส่ใจนัก ละสายตาจากพวกมัน ก่อนเพ่งสมาธิหยิบขวดดินเผาสองขวดออกมาจากอกเสื้อ

ทั้งสองขวดบรรจุเม็ดโอสถสองชนิด หนึ่งในนั้นเป็นสีแดงฉานดูน่าตื่นตะลึง ส่วนอีกชนิดเป็นสีเขียวเข้ม ส่งกลิ่นหอมสมุนไพรอ่อนๆ เพียงสูดดมก็ราวกับทำให้ฮึกเหิมได้ เม็ดโอสถสีเขียวเข้มนี้ เขาได้มาจากการหลอมสมุนไพรดอกห้ากลีบเมื่อหลายวันก่อน

“โอสถชำระล้าง…ถ้าใช้ความรู้สึกมันน่าจะเป็นเม็ดสีเขียวนี้…ส่วนสีแดงมันคืออะไร…” นัยน์ตาซูหมิงฉายแสงวูบวาบ เม็ดโอสถทั้งสองขวดมีอย่างละสามเม็ด เขาหยิบขึ้นมาอย่างละเม็ด แหงนหน้าขึ้นมองสัตว์น้อย ก่อนย่างสามขุมเข้าไป

หลังจากป้อนให้สัตว์น้อยกินเม็ดโอสถทั้งสองชนิดแล้ว ซูหมิงจึงถอยออกมาหลายก้าวแล้วสังเกตอย่างจริงจัง แม้แต่เจ้าลิงยังพลอยเป็นไปด้วย สีหน้าจริงจังเช่นเดียวกัน

รออยู่นาน ทว่าสัตว์น้อยทั้งสองตัวไม่เปลี่ยนแปลงใดๆ ยังคงคำรามใส่ซูหมิงด้วยท่าทีดุร้าย

ซูหมิงขมวดคิ้ว รอต่อไปอีก ทว่าก็ยังเหมือนเดิม

“เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้…..ตามหลักแล้วน่าจะมีผลอะไรบ้าง….ทว่าดูแล้วเหมือนปกติเลย หรือว่า….จะไม่ใช้ภายใน แต่เป็นภายนอก?” ศีรษะซูหมิงเปล่งประกาย หยิบเขากระดูกขึ้นมาแล้วเดินไปยังสัตว์น้อยอีกสองตัวที่ยังไม่ได้รับยา ก่อนลงมืดขูดเบาๆ บนตัวพวกมันจนเกิดแผลเลือดไหล

เจ้าลิงรีบเข้ามายืนดูอยู่ข้างๆ เห็นเพียงซูหมิงรีบหยิบเม็ดโอสถสองชนิดมา แล้ววางบนปากแผลของสัตว์น้อยทั้งสอง

ในขณะนั้นเองก็เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น!

สัตว์น้อยที่ได้รับโอสถสีแดงพลันตัวสั่นสะท้าน ไม่มีเสียงร้องใดๆ แทบทันที ก่อนร่างจะระเบิดกระจุยกลายเป็นเลือด ทว่ายังไม่ทันที่โลหิตจะได้สัมผัสพื้น กลับลุกไหม้เป็นหมอกแดงลอยไปตามลม

ทั้งหมดเกิดเพียงชั่วพริบตา เร็วจนไม่อาจจินตนาการ ซูหมิงตะลึงพลางถอยห่างอย่างรวดเร็ว เจ้าลิงยิ่งตกใจสะดุ้งโหยง แผดเสียงร้องกลิ้งหนีไปอย่างว่องไว

“นี่…นี่มัน…” ซูหมิงสูดลมหายใจเข้าลึก นัยน์ตาเผยความหวาดกลัว เขาไม่เคยคิดเลยว่าโอสถแดงที่ตนหลอมจะน่าสะพรึงเช่นนี้!

หมอกแดงลอยขึ้นฟ้าแล้วค่อยๆ หายไป บนพื้นเหลือเพียงกองกระดูกสีแดงม่วง ดูน่าสะพรึงยิ่งนัก ส่วนสัตว์น้อยข้างๆ สามตัวที่เหลือ แม้จะอยู่ใกล้ ทว่ากลับไม่ได้รับผลกระทบ แต่พวกมันดูตื่นกลัวไม่น้อย

ซูหมิงหายใจกระชั้น ก้มมองขวดเล็กที่บรรจุเม็ดโอสถสีแดงในมืออยู่นาน ด้านในยังเหลืออีกเม็ด ทว่าในสายตาของเขาตอนนี้ มันอัดแน่นไปด้วยกลิ่นคาวเลือด

“สัมผัสไม่เป็นไร แต่หากถูกเลือดต้องตาย! โอสถเม็ดนี้ข้าเป็นคนหลอมขึ้น ต่อจากนี้เรียกมันว่าโอสถโลหิตก็แล้วกัน” ซูหมิงกล่าวพึมพำ พยามสะกดความกลัวในใจ แล้วเก็บเม็ดโอสถกลับไปอย่างระวัง

เขาคิดว่าบางทีเจ้าสิ่งนี้อาจจะเป็นอาวุธสังหารของตนได้!

“เม็ดโอสถสีเขียวนี้น่าจะเป็นโอสถชำระล้างของจริง สรรพคุณของมันคืออะไร…”

ซูหมิงขบคิดอยู่นานพลางมองไปยังเจ้าสัตว์น้อยที่โอสถสีเขียวเข้มซึมเข้าสู่บาดแผลทว่าไร้สิ่งผิดปกติ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version