Skip to content

สู่วิถีอสุรา 1027

ตอนที่ 1027 สัญญา

ขณะจื่อหลงเจินเหรินหน้าเปลี่ยนสีอย่างต่อเนื่อง สายตายังเพ่งมองซูหมิง ผ่านไปครู่หนึ่งถึงมองสามคนรอบๆ ประโยคเดียวของซูหมิงมีผลให้สถานการณ์กลับตาลปัตรทันที กลายเป็นดั่งศัตรูของทุกคนที่นี่ ทำให้เขาเหมือนขี่อยู่บนหลังเสือยากจะลงมา

บรรพบุรุษหุ่นเชิดเพลิงยังดีหน่อย จื่อหลงเจินเหรินจึงไม่ได้สนใจเป็นพิเศษ แต่บรรพบุรุษหลงไห่เป็นยอดฝีมือที่มีชื่อเสียงมาหลายปี ต่อให้เป็นร่างจิตแรก ถึงยังไม่ใช่ช่วงสมบูรณ์เต็มร้อย แต่หากมาพร้อมกับบรรพบุรุษหุ่นเชิดเพลิง ก็ถือว่าเป็นการสร้างอำนาจคุกคามได้อย่างครบถ้วน

นอกจากนี้บรรพบุรุษหลงไห่ในยามนี้ ในความรู้สึกจื่อหลงเจินเหรินเหมือนจะไม่ค่อยคล้ายร่างจิตแรก

จากนั้นก็ยังมีจูโหย่วไฉ เดิมทีเขาไม่ได้สนใจจูโหย่วไฉเป็นพิเศษ ต่อให้เป็นตอนอยู่บนยอดเขาวิชาเคลื่อนย้ายภูผาที่ไม่มีขั้นพลังและยังช่วยซูหมิงได้ ทว่าจื่อหลงเจินเหรินเองก็มีวิธีเช่นกัน ดังนั้นจึงชำเลืองตามอง แล้วยกระดับในก้นบึ้งหัวใจให้เล็กน้อยเท่านั้น

คนที่ทำให้หัวใจเขาเต้นดังตึกๆ คือนามของอีกฝ่ายที่ซูหมิงเอ่ยเมื่อครู่ นั่นไม่ใช่ จูโหย่วไฉ แต่เป็น….ฉางเหอ!

ฉางเหอ ตอนที่จื่อหลงเจินเหรินได้ยินนามนี้ ในความคิดปรากฏมาเพียงคนเดียว!

ศิษย์ของผู้ยิ่งใหญ่แห่งโลกแท้จริงหยินศักดิ์สิทธิ์ ถูกขนานนามว่าเป็นเจ้าภัยพิบัติโลกแท้จริงหยินศักดิ์สิทธิ์ในภายภาคหน้า…..เซียนนักรบฉางเหอ!

ยอดฝีมือขั้นเกิด ชำเลืองตามองใต้หล้า ภายหลังเพราะเกิดความบาดหมางกับอาจารย์จึงโกรธกัน แล้วถูกเนรเทศมายังทะเลดาราต้นกำเนิดจิต!

จื่อหลงอยู่แดนรกร้างต้นกำเนิดจิตมานานหลายปี จึงเคยได้ยินนามของฉางเหอ แต่กลับหาเบาะแสเขาไม่พบแม้แต่น้อย ทว่าตอนนี้ทันทีที่ได้ยินคำพูดซูหมิง เขาใจ สั่นสะท้านจนยากจะบรรยาย

เขาจ้องจูโหย่วไฉ ผ่านไปพักใหญ่ถึงเบนสายตาไปมองซูหมิงอีกครั้ง ซูหมิงสีเทาทำให้เขาเกิดความรู้สึกกลัวอย่างเด่นชัด ความกลัวนี้ไม่ได้มาจากขั้นพลัง แต่มาจากการควบคุมต่อความคิด อีกฝ่ายเอ่ยสามประโยคก็ทำให้ตนตกอยู่ในสภาพแบบนี้แล้ว ในใจจึงเกิดความลังเลขึ้น

การต่อสู้ระหว่างยอดฝีมือ ตอนนี้เขายังไม่ลงมือก็ใจขลาดกลัวไปแล้ว และยังเกิดความลังเล ดังนั้น การต่อสู้ครั้งนี้จึงไม่จำเป็นต้องดำเนินต่อไปอีก เขา….ต้องพ่ายแพ้อย่างแน่นอน!

จื่อหลงเจินเหรินไม่ได้เกิดความคับอกคับใจมานานมากแล้ว ความรู้สึกนี้ไม่เหมือนตอนถูกหวงเหมยลอบโจมตีขณะแย่งสมบัติ แต่เป็นความอับอายขายหน้าจากการถูกข่มขู่ แต่กลับโต้ตอบไม่ได้

นัยน์ตาเขาขยับประกายเย็นชา โดยรอบเงียบสงบ ซูหมิงมองจื่อหลงเจินเหรินอย่างเย็นชา แต่ไม่ได้พูดต่ออีก

สภาพการณ์ตอนนี้ เพียงขยับก็จะปะทุทันที

‘จะสู้หรือไม่สู้…..หากสู้ก็จะไม่ชนะ…..ทว่าหากไม่สู้แล้วจากไปแบบนี้ ข้าจะเสียชื่อเสียง!’ ในใจจื่อหลงเจินเหรินยุ่งกันใหญ่ ขณะลังเลเขาพลันใจสั่นไหว ในความคิดเกิดเป็นความเข้าใจอีกครั้งในพริบตา

‘บีบบังคับดีจริงๆ! หากสู้ ข้าก็ไม่มั่นใจว่าชนะ หากไม่สู้ เรื่องนี้จะประทับลงใน ก้นบึ้งหัวใจข้า ให้ข้าเกิดความลังเลและทำลายเส้นทางการก้าวสู่ขั้นชะตาของข้า!

ทว่าทุกอย่างเป็นสิ่งที่ข้าก่อขึ้นเอง…..’ จื่อหลงเจินเหรินกัดฟัน นัยน์ตาพลันฉายแววมุ่งมั่นในการต่อสู้เด่นชัด เขาไม่ลังเลอีก เขาจะสู้!

แต่ช่วงที่เขาตัดสินใจว่าจะสู้ จูโหย่วไฉสามคนแผ่ระลอกคลื่นพลังออกมาพร้อมกัน ช่วงที่เห็นว่ากำลังจะเกิดศึกเดือดขึ้น ซูหมิงพลันกล่าวขึ้น

“สิ่งนี้ เจ้าอยากได้หรือไม่?” ซูหมิงกล่าวพลางยกมือขวาขึ้น เผยเป็นรูเล็กจากการถูกผึ้งพิษแทงเหล็กในกลางฝ่ามือ ก่อนมีกลิ่นหอมเข้มข้นแผ่กระจายมาจากภายใน

ระหว่างที่กลิ่นหอมฟุ้งกระจาย ซูหมิงกำหมัด กลิ่นหอมจึงหายไปในทันที

แต่กลิ่นหอมฟุ้งในเสี้ยววินาทีเมื่อครู่นี้ก็มากพอที่จื่อหลงเจินเหรินจะหน้าเปลี่ยนสี ความมุ่งมั่นในการต่อสู้เกิดการปั่นป่วนอีกครั้งภายใต้แรงปะทะจิตใจ

ไม่ใช่เพียงแค่เขาที่เป็นเช่นนี้ จูโหย่วไฉพลันเงยหน้าขึ้นมองซูหมิงแวบหนึ่งแล้วก็ก้มหน้าไม่สนใจอีก ส่วนบรรพบุรุษหลงไห่ดวงตาวาววับ แต่ไม่พูดใดๆ ส่วนบรรพบุรุษหุ่นเชิดเพลิงเงียบ

“เจ้าหมายความว่าอย่างไร นี่มันกลิ่นหอมอะไร?” จื่อหลงเจินเหรินหน้าเปลี่ยนสี เมื่อครู่นี้เขาได้ดมกลิ่นหอมไปเล็กน้อยเท่านั้น แต่ขั้นพลังกลับโคจรขึ้นเองโดยพลัน การเปลี่ยนแปลงของขั้นพลังส่งผลให้ใจเขาเต้นระรัว

“ทิ้งร่างศพนี้เสียและเป็นองครักษ์ข้าหนึ่งปี ข้าจะมอบกลิ่นหอมจำนวนมากกว่าที่เจ้าดมสิบเท่า นี่คือคำสัญญา” ซูหมิงกล่าวราบเรียบ จื่อหลงเจินเหรินหน้ามืดทะมึน ผ่านไปพักหนึ่งถึงยกมือขวาสะบัด ศพเด็กหนุ่มชุดคลุมขาวออกมาจากถุงเก็บวัตถุ มาลอยอยู่ตรงหน้าซูหมิง

หากไม่สู้ได้ จื่อหลงก็ไม่อยากสู้

“ข้าจะจำคำสัญญาเจ้าเอาไว้ เป็นองครักษ์หนึ่งปีแลกกับกลิ่นหอมเมื่อครู่สิบเท่า เรื่องนี้ย่อมได้!” จื่อหลงเจินเหรินกล่าวจบ ก็มองสามคนข้างกายด้วยดวงตาเย็นชา

“เจ้ามาเอาศพไป” ซูหมิงมีสีหน้าปกติ จากนั้นมองบรรพบุรุษหุ่นเชิดเพลิงอีกครั้ง

“เป็นองครักษ์หนึ่งปี ข้าจะต้องทำสำเร็จแน่นอน!” บรรพบุรุษหุ่นเชิดเพลิงรีบกล่าวขึ้น สิ่งที่เขากลัวที่สุดคือซูหมิงไม่บอกเหตุผลที่ให้ศพแก่ตน นี่ทำให้เขาว้าวุ่นนัก ตอนนี้เห็นซูหมิงยกข้อเสนอขึ้นมาจึงรีบตอบรับทันที กลัวว่าอีกฝ่ายจะคืนคำ เขาเลยรีบสาบานต่อจักรวาลด้วยตัวเองที่เป็นยอดฝีมือ

“ข้าวางผนึกเอาไว้ในศพด้วย เจ้าหลอมรวมเข้าไปเถอะ” ซูหมิงเอ่ยราบเรียบ บรรพบุรุษหุ่นเชิดเพลิงมีสีหน้าเด็ดขาด ก่อนกลายเป็นสายรุ้งยาวพุ่งไปหาศพเด็กหนุ่มชุดคลุมขาว พอหลอมรวมเข้าไปแล้ว ศพพลันสั่นไหวและปล่อยเปลวเพลิงสีม่วงออกมา

เปลวเพลิงเผาร่างศพ ทำให้ศพแห้งลงทีละน้อย กระทั่งหดลงเรื่อยๆ ดูจากลักษณะแล้วต้องใช้เวลาอีกเล็กน้อยถึงจะยึดครองอย่างสมบูรณ์

“เป็นองครักษ์หนึ่งปี จะให้อิสระแก่เจ้า!” ซูหมิงหันหน้าไปมองบรรพบุรุษหลงไห่

บรรพบุรุษหลงไห่เงียบไปสักครู่ แล้วใช้คำสาบานตอบรับคำขอของซูหมิง

“หนึ่งปีจากนี้ ข้าจะมอบความหวังคืนชีพภรรยาให้เจ้า” สุดท้ายซูหมิงมองจูโหย่วไฉ

จูโหย่วไฉจ้องซูหมิง ผ่านไปพักใหญ่จึงพยักหน้า เขายอมจ่ายทุกอย่างเพื่อความหวังคืนชีพภรรยา

ซูหมิงเงยหน้ามองฟ้ากระจ่างดาว เส้นผมยาวสีเทาเปลี่ยนสีทีละน้อยจนกลายเป็นปกติ ทันใดนั้นดวงตาเขาขยับประกาย ร่างเดินหน้าหนึ่งก้าวกลายเป็นสายรุ้งยาวบินไกลออกไป

สวี่ฮุ่ยตามหลังไปทันที คนที่เหลือต่างตามไปเงียบๆ บรรพบุรุษหุ่นเชิดเพลิงก็รวมร่างกายเสร็จแล้ว จึงห้อเหยียดตามไป

เหลือเพียงเสวียนซางคนเดียว เขามีสีหน้าทะมึนทึบ สายตาจ้องทุกคนบินไกลออกไป นัยน์ตาฉายแววโหดเหี้ยม

‘ต้องการยอดฝีมือเหล่านี้เป็นองครักษ์ ไม่รู้ว่าเขามีเป้าหมายอะไรกันแน่…… แต่ทุกอย่างไม่เกี่ยวกับข้า ทว่าเจ้าแย่งสมบัติล้ำค่าตระกูลเสวียนไป เรื่องนี้…..ข้าจะให้เจ้าต้องชดใช้!’ ความโหดเหี้ยมในดวงตาเสวียนซางหยั่งลึกถึงขีดสุด เขาแค่นเสียงหึเย็นชาพลางหมุนตัวกลับ แต่ขณะกำลังจะจากไปนั้นเขากลับตัวสั่น พบว่ายามนี้ เตาหลอมลำดับห้าเปิดออกอีกครั้ง ระหว่างที่เปลวเพลิงแผ่กระจายออกมา ก็มีแรงดูดมหาศาลออกมาด้วย มีผลให้เสวียนซางถูกดูดเข้าไปในเตาหลอมลำดับห้าอีกครั้งโดยไม่อาจต่อต้านใดๆ

ฟ้ากระจ่างดาวรอบๆ เงียบลง…..

“สวี่ฮุ่ย ข้าจะไปที่ที่ไม่รู้จักที่หนึ่ง เจ้า…..” ซูหมิงเดินหน้าอยู่กลางฟ้ากระจ่างดาวพลางส่งกระแสจิตไปหาสวี่ฮุ่ยข้างๆ

“โลกแท้จริงที่ห้าหรือ” สวี่ฮุ่ยกล่าวเรียบนิ่ง

ซูหมิงหันกลับมามองนางแวบหนึ่ง ไม่ได้กล่าวใดๆ ทุกคนที่ห้อเหยียดอยู่ข้างหลังต่างเงียบเหมือนกัน

เวลาผ่านไปเรื่อยๆ หลายวันต่อมา ฟ้ากระจ่างดาวตรงหน้าถูกหมอกหนาปกคลุม ร่างเงาซูหมิงมาหยุดชะงักอยู่นอกหมอก

ตำแหน่งตรงนี้ สวี่ฮุ่ยรู้ว่าเป็นพื้นที่เผ่าธุลีแผดเผา

แทบเป็นขณะเดียวกับที่พวกซูหมิงมาถึง หมอกในพื้นที่นี้พลันหมุนตลบอย่างรุนแรง มีร่างเงาเลือนรางเดินออกมาจากหมอก ตอนที่เข้ามาใกล้ทุกคน ร่างกายเขาไม่ใช่มายาอีก แต่สมจริงขึ้นมากลายเป็นบรรพบุรุษธุลีแผดเผา

เขากวาดสายตามองซูหมิงรวมถึงพวกจื่อหลงสี่คนข้างหลัง สุดท้ายก็มองซูหมิงแล้ว….ประสานมือโค้งตัวคารวะ

เขาคารวะเจ้านายรุ่นนี้ของเตาหลอมลำดับห้า

“ต้องรบกวนบรรพบุรุษส่งนางไปชั้นนอกทะเลดาราต้นกำเนิดจิตด้วย” ซูหมิงมอง สวี่ฮุ่ยแล้วก็มองบรรพบุรุษธุลีแผดเผา จากนั้นประสานมือคารวะเหมือนกัน

บรรพบุรุษธุลีแผดเผาเงยหน้าขึ้นมองสวี่ฮุ่ยแล้วพยักหน้า

“เจ้ายึดมั่นว่าต้องไปให้ได้อย่างนั้นรึ?” สวี่ฮุ่ยเงียบไปครู่หนึ่งแล้วถึงเอ่ยเสียงเบา

“กลับไปเถอะ รอข้าที่ทางเข้าขุมอำนาจสี่มหาโลกแท้จริง” ซูหมิงตอบกลับเรียบๆ

สวี่ฮุ่ยเงียบ ถอนหายใจเบาทีหนึ่งและไม่ได้พูดต่ออีก

“ต้องรบกวนบรรพบุรุษแล้ว” ซูหมิงคารวะอีกครั้ง

“เจ้าวางใจเถอะ ข้าจะปกป้องนางให้ปลอดภัยเอง หากเจ้าไปถึงที่นั่นจริงๆ….. จำไว้ว่ามีอยู่ที่หนึ่งมีนามว่าดาวธุลีแผดเผา เล่าลือว่าเป็นต้นกำเนิดเผ่าวิญญาณเพลิงของพวกข้า ช่วยเอาดินของที่นั่นมาให้ข้าที

นอกจากนี้แล้ว….มีหินลำดับห้า…เจ้าต้องระวังตัวด้วย” ประโยคนี้บรรพบุรุษธุลีแผดเผาใช้วิธีส่งกระแสจิตเข้าไปในจิตใจซูหมิง

เห็นซูหมิงพยักหน้าแล้วจึงสะบัดแขนเสื้อกลายเป็นหมอกควันเผาไหม้ม้วนร่าง สวี่ฮุ่ยลอยไกลออกไปในพริบตา ทว่าตอนนี้เองมีเสียงแหลมดังแว่วมา

“ตาแก่สมควรตาย ข้าไม่กลับ” ท่ามกลางเสียงร้องแหลม บรรพบุรุษธุลีแผดเผาในหมอกเพลิงแค่นเสียงหึเย็นชา ขณะเดียวกันก็มีสายรุ้งยาวบินออกมาจากหมอกเพลิงอย่างรวดเร็ว กลายเป็นกระเรียนขนร่วง มันรีบมาอยู่ข้างซูหมิงทันที

พอมันกลับมาแล้วจึงมองไม่เห็นสายตาที่สวี่ฮุ่ยมองซูหมิงจากในหมอกเพลิงที่กำลังถูกม้วน สายตาค่อยๆ ไกลออกไปจนกระทั่งลับไปกลางฟ้ากระจ่างดาวแล้วจึงสิ้นสุดการอยู่ด้วยกันเกือบร้อยปี

ซูหมิงก็มองหมอกเพลิงลอยไปไกลเช่นกัน จนกระทั่งมองไม่เห็นเงาแล้ว ตอนที่เขาหมุนตัวกลับ เส้นผมยาวกลายเป็นสีเทา ลูกตาในดวงตาก็กลายเป็นสีเทาเช่นกัน ทั่วร่างไม่มีอารมณ์ใดๆ อีก

“สหายทุกท่าน หนึ่งปีจากนี้จะต้องมีสงครามดุเดือดอย่างแน่นอน คำสัญญา ของข้า ต่อพวกเจ้าจะคงอยู่นิรันดร์ดุจดั่งฟ้ากระจ่างดาว ข้าจะไม่คืนคำอย่างแน่นอน หนึ่งปีนี้…..ต้องรบกวนทุกคนด้วย” ซูหมิงมองพวกจื่อหลงด้วยดวงตาเย็นชา ก่อนประสานมือคารวะ

“ในเมื่อเป็นองครักษ์ ก็ต้องบอกสาเหตุแก่พวกเรา” บรรพบุรุษหลงไห่เอ่ยขึ้น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version