Skip to content

สู่วิถีอสุรา 1026

ตอนที่ 1026 สีเทา

สี่เผ่าประหลาดใหญ่ นอกจากเผ่าธุลีแผดเผาที่เงียบแล้วก็มีเผ่าขวางสวรรค์ ตอนนี้สังเกตเห็นกลิ่นอายพลังของหินลำดับห้า แต่บรรพบุรุษขวางสวรรค์เพียงลืมตาจากสมาธิ จากนั้นก็หลับตาลงอีกครั้ง ไม่ได้ไปชิงหินลำดับห้าอย่างในอดีต

เขาเข้าใจว่าการปรากฏหินลำดับห้าทุกครั้ง กลิ่นอายพลังที่ไม่เข้ากับจักรวาลนี้จะกระจายไปทั้งทะเลดาราต้นกำเนิดจิต และยังกระตุ้นให้กลุ่มสัตว์ร้ายนับไม่ถ้วนไป แย่งชิง

หากได้หินลำดับห้าไปก็จะใช้มันไปโลกแท้จริงที่ห้าอันลึกลับได้ ทั้งยังมีตำนานเกี่ยวกับโลกแท้จริงที่ห้าที่เล่าสืบกันมานานมากในทะเลดาราต้นกำเนิดจิตด้วย

ถึงอย่างไรเตาหลอมลำดับห้าก็มาจากโลกแท้จริงที่ห้า มองจากสมบัติล้ำค่าในนั้นก็รู้แล้วว่าโลกแท้จริงที่ห้าอันลึกลับน่าหลงใหลเพียงใด

มิหนำซ้ำ…โลกแท้จริงที่ห้ากลายเป็นความว่างเปล่าไปแล้วตอนนี้ นั่นคือเขตดารากว้างใหญ่ โชควาสนาที่จะได้จากในนั้นยิ่งใหญ่นัก!

ต่อให้ไม่ไปโลกแท้จริงที่ห้า แต่ขอมีเพียงหินลำดับห้าก็จะมีทางเลือกสองทาง หนึ่งคือมอบมันให้กลุ่มอารักขาของทะเลลำดับห้า พวกเขาจะให้ราคามันสูงยิ่ง

ต่อไปคือ…หลอมหินลำดับห้าเข้าสู่ของวิเศษ อาศัยพลังที่ไม่สอดรับกับกฏหลอมเป็น….สมบัติล้ำค่าที่สามารถทำลายกฎ สมบัติล้ำค่าแบบนี้ใช่ว่าไม่มีในทะเลดาราต้นกำเนิดจิต แต่ส่วนใหญ่เป็นมรดกสืบทอดของแต่ละเผ่า

อย่างเช่นดวงตาที่สามของเผ่าขวางสวรรค์ ตอนนั้นที่หลอมรวมก็ใส่หินลำดับห้าไปด้วย!

ความน่าหลงใหลสามอย่างนี้มากพอจะทำให้ทุกครั้งที่หินลำดับห้าปรากฏจะก่อให้เกิดการแย่งชิงอย่างบ้าคลั่งและมหันตภัยขึ้น นั่นคือการสังหารอย่างโหดร้าย

ไม่ใช่เพียงแค่สัตว์ร้ายกับเผ่าพันธุ์ในใจกลางทะเลดาราต้นกำเนิดจิตเท่านั้นที่รู้สึกถึงหินลำดับห้า แต่เผ่าพันธุ์และสัตว์ร้ายทั้งวงแหวนชั้นในและชั้นนอกล้วนรู้สึกถึง การปรากฏของมัน

กระทั่ง…วิญญาณบรรพชนที่เดิมทีหลับใหลอยู่ ตอนนี้ลืมตาขึ้นภายใต้การกระตุ้นของกลิ่นอายพลังนี้ ยามนี้เสียงครึกโครมจากเขตต่างๆ ของทะเลดาราต้นกำเนิดจิตดุเดือดถึงขีดสุดแล้ว

“หินลำดับห้า……” กลางดาวดวงหนึ่ง แผ่นดินพังทลายลง มีมือยักษ์ข้างหนึ่งยื่นมาจากส่วนลึกใต้ดิน จนปีนขึ้นมาแล้วจึงเห็นเป็นคนยักษ์คนหนึ่ง มันมีสองหัวและกำลังเงยหน้าคำรามพร้อมกัน

“หินลำดับห้าปรากฏอีกครั้งแล้ว…” กลางฟ้ากระจ่างดาว ภายในซากปรักหักพังเปื้อนฝุ่น ขณะที่เสียงเบาดังกังวาน มีสิ่งมีชีวิตประหลาดร่างกึ่งโปร่งใสตัวหนึ่งรวมร่างออกมาช้าๆ มันมองทอดไกลก่อน จากนั้นร่างขยับวูบวาบและหายวับไป

ภาพเหตุการณ์แบบเดียวกันเกิดขึ้นหลายครั้งในหลายแห่งของผืนฟ้า เป้าหมายทั้งหมดชี้ไปยัง….หินลำดับห้า!

ทางด้านซูหมิง ยามนี้ก็สังเกตเห็นระลอกคลื่นที่ไม่สอดรับกับโลกนี้แผ่มาจาก หินลำดับห้าเช่นกัน ดวงตาเขาแวววาว เข้าใจแล้วว่าเหตุใดตอนนั้นเทียนเสียจื่อถึงถูกสี่เผ่าประหลาดใหญ่ล่าสังหารเพราะหินลำดับห้า กระทั่งคนที่ล่าสังหารเขาจะต้องมีเผ่าอื่นกับสัตว์ร้ายอย่างแน่นอน

‘หินแบบนี้…’ ซูหมิงมองหินลำดับห้า มันในเตาหลอมดูไม่เตะตาแม้แต่น้อย แต่พอมาอยู่ข้างนอกกลับสว่างพร่างพราวดุจดั่งดวงตะวัน เพราะว่ามันไม่รวมกับโลกนี้ ดังนั้นแล้ว…ขณะเดียวกับที่มันไม่เข้ากับโลกนี้ ก็ยังเป็นอาวุธคมกริบต่อกฏโลกนี้ด้วย

หินลำดับห้าแบบนี้เป็นที่ต้องการของทุกคนอย่างแน่นอน!

‘เผ่าขวางสวรรค์ก็ดี เผ่าธุลีแผดเผาก็ดี พวกเขาไม่ได้พูดความจริงกับข้า ส่วนตี้จิ่วโม่ซา ด้วยขั้นพลังของเขาย่อมไม่เข้าใจในหินลำดับห้ามากนักอยู่แล้ว

สมบัติล้ำค่าแบบนี้ มิน่าถึงก่อให้เกิดการแย่งชิง’ ซูหมิงเงียบไปครู่หนึ่งแล้วจึงทำปางมือขวาชี้ไปยังหินลำดับห้า แต่หินกลับไม่ขยับไหว มันยังคงลอยอยู่ข้างเขา เปล่งแสงสว่าง ไม่ยอมเข้าไปในถุงเก็บวัตถุ

ซูหมิงขมวดคิ้ว นัยน์ตาฉายประกายคมกริบ เขาอ้าปากสูบหินลำดับห้าเข้าไปตรงๆ หินเกิดการสั่นไหวขึ้นทันทีก่อนเข้ามาทางปากเขาอย่างรวดเร็ว พริบตาเดียวก็ถูกกินไป ร่างกายเขาเปล่งแสงทองในทันใด แต่ผ่านไปพักหนึ่งแล้วถึงหายไปทีละน้อย

ทว่านี่เป็นการกดเพียงชั่วคราวเท่านั้น อีกไม่นานหินจะบินออกมาอีกครั้ง ที่ทำแบบนี้ได้ก็เป็นเพราะวิญญาณซูหมิงคือเผ่ายมโลก และเผ่ายมโลกกับหินลำดับห้ามาจากโลกแท้จริงที่ห้า

หากซูหมิงมีร่างจริงก็จะเก็บหินลำดับห้าได้อย่างสมบูรณ์ ไม่ให้มันเผยระลอกคลื่นออกมาแม้แต่น้อย ทว่าตอนนี้เขาทำแบบนี้ได้ไม่นานนัก

เขาตรึกตรองอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นมองเตาหลอมลำดับห้าแวบหนึ่ง แล้วใช้มือชี้ เตาหลอมลำดับห้า

เมื่อชี้ไป พลันมีเสียงครึกโครมดังมาจากในเตาหลอม จากนั้นเตาหลอมพลันสั่นสะเทือน ก่อนมีทะเลเพลิงจำนวนมากแผ่กระจายมาจากข้างในสู่ข้างนอกอย่าง เร็วไว ทำให้เตาหลอมคล้ายถูกเผา

ต่อมาก็มีร่างเงาหลายร่างกลางทะเลเพลิงถูกทะเลเพลิงผลักออกมาจากเตาหลอม ในร่างเงาเหล่านั้นมีเสวียนซาง จื่อหลงเจินเหริน บรรพบุรุษหุ่นเชิดเพลิงและยังมีบรรพบุรุษหลงไห่ที่ร่างไม่ใช่มายาอีก

คนสุดท้ายคือจูโหย่วไฉ

คนเหล่านี้เป็นคนโชคดี ตอนนี้จากการสั่นสะเทือนของเตาหลอมลำดับห้าพวกเขาต่างถูกบีบให้ออกจากมิติ ครั้นออกมาแล้วพวกเขาต่างมีสีหน้าต่างกัน สายตามอง ซูหมิงในทันที

คนเหล่านี้ใกล้จะถึงชายขอบชั้นหนึ่งในเตาหลอมลำดับห้าแล้ว และก็จ่ายพลังชีวิตไปมาก หากให้อยู่ในนั้นต่อไปซูหมิงไม่ค่อยวางใจนัก จึงควบคุมเตาหลอมลำดับห้าให้ไล่คนเหล่านี้ออกมาทั้งหมด

ซูหมิงกวาดสายตามองทุกคนแล้วไปหยุดที่จูโหย่วไฉ จูโหย่วไฉก็มองเขาเช่นกัน สองคนสบตากัน ดวงตาจูโหย่วไฉพลันเปล่งประกายขึ้นมา

“หุ่นเชิดเพลิง” ซูหมิงกล่าวราบเรียบ

บรรพบุรุษหุ่นเชิดเพลิงตาขยับประกายวาว เขามองซูหมิงพลางถอยหลังไปหลายก้าว ถึงจะออกจากเตาหลอมลำดับห้าแล้ว แต่ตอนนี้เขาอ่อนแอถึงขีดสุด ความเกรงกลัวต่อซูหมิงไม่ลดน้อยลงแต่กลับมากขึ้น

“ศพนี้ข้ารับปากว่าจะให้เจ้า ตอนนี้มาเอาไปได้” ซูหมิงกล่าวพลางตบมือขวาบนถุงเก็บวัตถุ ศพเด็กหนุ่มชุดคลุมขาวร่างแปลงตะขาบพลันปรากฏอยู่ตรงหน้า จากนั้นจึงเหวี่ยงร่างไปทางบรรพบุรุษหุ่นเชิดเพลิง

บรรพบุรุษหุ่นเชิดเพลิงตะลึงงันก่อน เขาลังเลอยู่ชั่วครู่แล้วมองซูหมิง

ซูหมิงมีสีหน้าปกติ ไม่เปลี่ยนไปแม้แต่น้อย

บรรพบุรุษหุ่นเชิดเพลิงมองศพเข้ามาใกล้ด้วยความลังเลใจ เขาเดาความคิดซูหมิงไม่ ออก ไม่รู้ว่าในศพจะมีหลุมพรางรอตนอยู่หรือไม่ แต่หากไม่รับไว้ หากคิดจะหาร่าง ขั้นกุมอีกคนหนึ่ง สำหรับเขาแล้วมันเป็นเรื่องยากมาก

เวลานี้เขากัดฟันกล่าวในใจว่าอีกฝ่ายไม่น่าจะสังหารตน ต่อให้มีการวางแผนก็จะต้องเป็นเพราะอีกฝ่ายมองว่าขั้นพลังอย่างเขาเป็นอารักขาได้ ดังนั้นนัยน์ตาเขาจึงฉายแววเด็ดขาด ร่างขยับไหวตรงไปหาศพเด็กหนุ่มชุดคลุมขาว สำหรับเขาแล้ว ศพของเด็กหนุ่มชุดคลุมขาวแกร่งกว่าร่างกายเขาก่อนหน้านี้ไม่น้อย เขาเลยไม่ใช่แค่ไม่อยากเสียไป แต่อยากได้โชควาสนามากกว่าเดิมด้วย

ทว่าวินาทีที่เขาไปอยู่ข้างศพเด็กหนุ่มชุดคลุมขาว จื่อหลงเจินเหรินเดินหน้าหนึ่งก้าวมาอยู่ข้างศพ แล้วยกมือขวาสะบัดแขนเสื้อ บรรพบุรุษหุ่นเชิดเพลิงหน้าเปลี่ยนสีและยังถอยไปอย่างรวดเร็ว

“สหายจื่อหลง นี่หมายความว่าอย่างไร!” บรรพบุรุษหุ่นเชิดเพลิงกล่าวเสียงแหลม

“คนนี้คือแขกของสี่มหาโลกแท้จริง แซ่จื่อต้องเอาศพเขากลับไป” จื่อหลงเจินเหรินตอบกลับเสียงเรียบ สายตาไม่มองหุ่นเชิดเพลิง แต่มองซูหมิง

“นั่นคือของที่ข้ายึดมาได้” ซูหมิงขมวดคิ้ว สายตามองจื่อหลงเจินเหรินพลางเอ่ยเรียบๆ นอกจากไม่กี่คนในสี่มหาโลกแท้จริงแล้ว เขาไม่มีความรู้สึกดีต่อใครทั้งนั้นใน สี่มหาโลก ยามนี้น้ำเสียงเย็นชา เส้นผมเปลี่ยนเป็นสีเทาทีละน้อย

“อ้อ? เช่นนั้นแซ่จื่ออยากรู้จริงๆ ว่าของที่เจ้ายึดมาได้จะเป็นของเจ้าหรือไม่”

จื่อหลงเจินเหรินดวงตาเป็นประกาย เขาต้องเอาศพเด็กหนุ่มชุดคลุมขาวกลับ สี่มหาโลกแท้จริงหรือไม่นั้นเขาได้ไม่สนใจ แล้วก็ไม่ใส่ใจด้วย แต่สิ่งที่เขาสนใจคือสายเลือดอู๋โบราณ หากหลอมร่างกายนี้ หากรวมออกมาเป็นโลหิตของอู๋โบราณเสี้ยวหนึ่งได้ สำหรับเขาแล้ว ถือว่าการมาเตาหลอมลำดับห้าครั้งนี้ไม่สูญเปล่า

ฉะนั้นเขาต้องการศพ ขณะเอ่ยเขายังยกมือขวาตบศพเด็กหนุ่มชุดคลุมขาว เก็บมันเข้าไปในถุงเก็บวัตถุ จากนั้นก็มองซูหมิงด้วยแววตาเย็นชา

ภาพนี้ทำให้คนรอบๆ มีสีหน้าต่างกัน เสวียนซางถอยหลังไปหลายก้าวอย่างระมัดระวัง ดวงตาหรี่ลงพลางจ้องสวี่ฮุ่ย มองร่างกายสมบัติล้ำค่าอยู่กับนางตอนนี้ นัยน์ตายังเผยความแค้นและทะมึนทึบบางๆ จนตรวจไม่พบ

จูโหย่วไฉเงียบ มีสีหน้าปกติ อ่านความคิดเขาไม่ออก

ส่วนบรรพบุรุษหุ่นเชิดเพลิงมีสีหน้ามืดทะมึน แต่ก็รู้ว่าขั้นพลังตนต่อให้มีร่างกายก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้จื่อหลงเจินเหริน เรื่องนี้เขาทำได้เพียงกัดฟันอดกลั้นเอาไว้

ยามนี้เส้นผมซูหมิงกลายเป็นสีเทาอย่างสมบูรณ์ การเปลี่ยนแปลงอยู่ในสายตาทุกคนทันที โดยเฉพาะจื่อหลงเจินเหริน เขาหรี่ตาลงเล็กน้อยจนตรวจไม่พบ ซูหมิงในตอนนี้มอบความรู้สึกอันตรายอย่างยิ่งแก่เขา นั่นคือกลิ่นอายมรณะชนิดหนึ่ง เป็นความหนาวเยือกราวกับฤดูหนาวมาถึง

ความรู้สึกนี้ทำให้เขารวมขั้นพลังในพริบตา นัยน์ตาขยับประกายแวววาว

ซูหมิงสีเทาหมายถึงมีสติปัญญาถึงจุดสูงสุด เป็นตัวแทนพลังแห่งยมโลก เขาดำเนินการต่างๆ โดยไม่สนเรื่องวิธี สนเพียงว่าจะสำเร็จหรือไม่เท่านั้น

“หลงไห่ หากเจ้าไม่ลงมืออีก ข้าจะทำลายคำสาบานเจ้าทันที ให้เจ้าเป็นเสี้ยววิญญาณนับจากนี้!” ขณะที่ซูหมิงพูดเสียงเย็นชา สายตาพลันมองไปทางจูโหย่วไฉ

“สหายฉางเหอ เรื่องคืนชีพภรรยาเจ้าไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้”

“บรรพบุรุษหุ่นเชิดเพลิง นี่คือร่างกายเจ้า ในเมื่อมอบให้เจ้าแล้วก็ไม่เกี่ยวกับข้าอีก ข้าช่วยเจ้าลงมือ ตัวเจ้าเองก็ต้องพยายามอย่างสุดความสามารถด้วย!” สามประโยคราบเรียบของซูหมิงมีผลให้หลงไห่ จูโหย่วไฉและบรรพบุรุษหุ่นเชิดเพลิงหน้าเปลี่ยนสีพร้อมกัน

และยังทำให้จื่อหลงเจินเหรินใจเต้นตึกๆ หน้าเปลี่ยนสีอย่างรุนแรง

ดวงตาจูโหย่วไฉฉายประกายสว่างจ้า เขาในตอนนี้ดวงตาแดงก่ำราวกับคลุ้มคลั่ง พอจ้องซูหมิงตาเขม็งแล้วก็หันหน้าไป ดวงตาเผยจิตสังหารเด่นชัด ขั้นพลังทั่วร่างปะทุอย่างบ้าคลั่ง สายตามองจื่อหลงเจินเหริน

หลงไห่ก็หน้าเปลี่ยนสี สายตาจ้องจื่อหลงด้วยความไม่เป็นมิตรเช่นกัน

ส่วนบรรพบุรุษหุ่นเชิดเพลิง ร่างจิตแรกสั่นกระเพื่อม สีหน้ามีจิตสังหารขยับวูบวาบ ร่างจิตแรกพลันเกิดการเผาไหม้ขึ้น

สามคนแบ่งเป็นสามทางล้อมจื่อหลงเจินเหริน ซูหมิงผมเทายกมือขวาขึ้น ทวนสิ้นสูญโผล่ขึ้นมาอยู่ในมือพร้อมเสียงอื้ออึง

“ของที่ข้ายึดมาได้ เจ้าจะให้หรือไม่ให้?” ดวงตาซูหมิงฉายประกายเย็นเยียบ พลางเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงหนาวเยือก

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version