Skip to content

สู่วิถีอสุรา 104

ตอนที่ 104 เหยียบจันทราต่อสู้! 1

นัยน์ตาปี้ถูฉายแววจิตสังหาร พริบตาเดียวเขาก็มองออกว่าความรู้สึกที่ทำให้เขาตื่นกลัวเช่นนี้มาจากเงาคนบนยอดเขามังกรทมิฬ

ท่านปู่สังเกตเห็นความผิดปกติของปี้ถู ก่อนเห็นซูหมิงบนยอดเขามังกรทมิฬ แววตาพลันเพ่งมอง ก้าวไปเบื้องหน้าเพื่อขวางปี้ถูเอาไว้ ก่อนเข้าประมือกับอีกฝ่ายด้วยร่างกายอ่อนล้า

ปี้ถูแผดเสียงคำรามด้วยความโกรธแค้น หมอกมหาศาลด้านหลังเขา ยามนี้รวมกลุ่มกันขึ้นเป็นค้างคาวจันทรา สยายปีกกว้างราวกับบดบังฟ้า!

ค้างคาวจันทรามองไปยังจุดที่ซูหมิงอยู่ สีหน้าดูขัดขืนดิ้นรนอย่างรุนแรง ราวกับในร่างกายของมันมีอยู่สองจิตใจ หนึ่งมาจากปี้ถู อีกหนึ่งมาจากวิญญาณหมานเพลิงในยมโลก สั่งให้มันมองเงาเพลิงโลหิตและคารวะ!

ซูหมิงมองดวงจันทร์บนท้องฟ้า จันทราในแววตาของเขาเป็นสีแดงฉาน ตัวสั่นเทา การทำเพลิงแผดเผาครั้งนี้ยากเข็ญกว่าที่ผ่านมา

“เผ่าหมานเพลิงก่อนยุคบรรพกาล…ข้าซูหมิงเรียนเคล็ดวิชาหมานเพลิง วันนี้ทำเพลิงโลหิตแผดเผาบนยอดเขามังกรทมิฬแห่งนี้…ให้หมานเพลิงจุติขึ้นอีกครั้ง…หากท่านหมานเพลิงมีจิตวิญญาณ เหตุใดจึงไม่ช่วยข้า!” สีหน้าซูหมิงเด็ดเดี่ยว กล่าวพึมพำ นิ้วชี้พลันป้าย ดวงตาซ้ายของเขาปะทุเพลิงมหาศาล เขาซูหมิงทำเพลิงแผดเผาที่ดวงตาซ้าย!

ช่วงที่ดวงตาซ้ายถูกแผดเผา ห้ายอดเขาทมิฬสั่นสะเทือนขึ้นอีกครั้ง การสั่นไหวรุนแรงกว่าก่อนหน้านี้หลายเท่า ถึงขั้นมีเศษหินจำนวนมากล่วงหล่น กลิ้งลงไปด้านล่าง ราวกับว่าภายในยอดเขามังกรทมิฬมีบางอย่างกำลังดิ้นรน คลับคล้ายมีคนยักษ์กำลังจะยืนขึ้นอยู่ใต้ยอดเขา!

ปี้ถูกำลังประมือกับท่านปู่โม่ซัง ยามนี้แผดเสียงร้องเจ็บปวด โลหิตหลั่งไหลจากทวารทั้งเจ็ด ร่างกระเด็นถอยหลัง ดวงตาเป็นสีแดงโลหิต ราวกับมีเงาจันทร์โลหิตลอยขึ้นในดวงตาของเขา

สภาพของเขาในตอนนี้ดูอนาถยิ่งนัก เส้นผมยุ่งเหยิง ชโลมไปด้วยโลหิต

ท่านปู่โม่ซังแววตาเป็นประกาย ไล่ตามมาติดๆ ขณะเดียวกัน เงาค้างคาวจันทรายักษ์บนท้องฟ้าสั่นสะท้าน แผดเสียงร้องแหลม ราวกับในร่างกายมีสองจิต กำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือด

“สังหารมัน! ค้างคาวจันทราจากโลหิตหมานข้า สังหารมัน!” ปี้ถูตะโกน มือขวาพลันตบไปยังหน้าอกตัวเอง พริบตาเดียว ภาพสัญลักษณ์ค้างคาวจันทราตรงกลางระหว่างคิ้วเปล่งแสงสว่างจ้า ทำให้ค้างคาวจันทราที่กำลังร้องดิ้นรนอยู่สงบนิ่ง นัยน์ตาฉายแววจิตสังหารเหมือนกับปี้ถู กระพือปีกตรงเข้าไปทางซูหมิง

จากนั้นขณะปี้ถูล่าถอย เขากางสองแขนออก บนพื้นมีควันขาวลอยขึ้นมาสู่ตัวเขา ราวกับช่วยฟื้นฟูบาดแผลภายในร่างกาย ก่อนก้าวเดินไปเบื้องหน้าเพื่อเข้าปะทะกับโม่ซัง ท่ามกลางเสียงระเบิดดังกังวาน โม่ซังใบหน้าขาวซีด ทว่าก็ยังกัดฟันสู้กลับ

ไกลออกไป ค้างคาวจันทรายักษ์บนท้องฟ้าเข้าประชิดยอดเขามังกรทมิฬในชั่วพริบตา ประดุจกลุ่มหมอกมหาศาลแฝงไว้ด้วยจิตสังหาร เสียงคำรามของมันกลายเป็นลมพายุคลั่ง ราวกับคิดจะถอนยอดเขามังกรทมิฬ

แต่ในช่วงที่มันเข้าใกล้ ซูหมิงที่กำลังนั่งขัดสมาธิพลันยืนขึ้น ดวงตาทั้งสองข้างเผยเงาจันทร์โลหิต มองไปทางค้างคาวจันทรายักษ์

“ถอยไป!” ซูหมิงกล่าวเรียบๆ เลื่อนปลายนิ้วมือขวาไปแตะในดวงตาขวา มองค้างคาวจันทรายักษ์ขนาดเท่ายอดเขาด้วยความเย็นชา

รูปร่างซูหมิงผอมบาง หากเทียบกับค้างคาวจันทราแล้ว ไม่อยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย แต่น้ำเสียงเย็นเยือกของเขากลับทำให้มันจันทราตัวสั่น หยุดชะงักอยู่นอกระยะสิบจั้ง จิตสังหารในแววตากลายเป็นดิ้นรน เผยความเจ็บปวด

เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ท่านปู่มีสีหน้าเหลือเชื่อ ทั้งยังทำให้ปี้ถูตัวสั่นสะท้านอย่างรุนแรง เหมือนกับเขาในตอนนี้เป็นค้างคาวจันทรา สัมผัสได้ถึงพลังน่าเกรงขามที่ไม่อาจบรรยายได้จากเงาคนผอมบางบนยอดเขามังกรทมิฬ

ขณะปี้ถูตัวสั่น โม่ซังที่ถูกปล่อยหมัดใส่จนกระเด็นกัดปลายลิ้น ยามพ่นโลหิตพลันใช้มือขวาจับตรงกลางระหว่างคิ้ว ก่อนฉีกเนื้อภาพค้างคาวจันทราตรงนั้นออกพร้อมกับตะเบ็งเสียงร้อง เมื่อโลหิตที่พ่นปกคลุมภายใน ก็พลันแผดเผากระจายเป็นหมอกแดงจำนวนมาก

ขณะเดียวกัน ค้างคาวจันทราอยู่ห่างจากซูหมิงสิบจั้งพลันลุกไหม้ทั้งตัว อบอวลไปด้วยทะเลเพลิง ท่ามกลางทะเลเพลิง ในแววตาของมันไม่มีการดิ้นรน แต่ตรงเข้าหาซูหมิง เข้าประชิดในระยะสิบจั้งชั่วพริบตา ดูจากท่าทางของมันแล้ว คงอยากจะกลืนกินซูหมิง!

สีหน้าซูหมิงเรียบเฉย แทบจะเป็นช่วงที่ค้างคาวจันทรากระโจนเข้ามา นิ้วชี้มือขวาเขาพลันป้ายไปในดวงตาขวา ฟ้าดินเปลี่ยนสี เมฆลมม้วนตัว ยอดเขามังกรทมิฬใต้ฝ่าเท้าเขาเกิดการสั่นสะเทือน!

เพลิงโลหิตแผดเผาซ้ำแล้วซ้ำเล่าครั้งที่สี่ ครั้งนี้ในร่างกายซูหมิงไม่มีเส้นเลือดเพิ่มขึ้น ทว่าภายใต้การสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงของยอดเขามังกรทมิฬ ดวงจันทร์บนท้องฟ้าไม่เพียงแต่เป็นสีแดงในสายตาของซูหมิงเท่านั้น ในสายตาของทุกคนล้วนเป็นสีแดง!

ค่ำคืนจันทร์โลหิต!

ช่วงที่จันทร์โลหิตปรากฏขึ้น ในป่าทึบโดยรอบภูเขาทมิฬ ชาวเผ่าภูผาดำที่ซ่อนตัวไม่ยอมร่วมสงคราม เมื่อได้เห็นจันทร์โลหิตก็ต่างร้องออกมาด้วยความหวาดกลัวสุดขีด

“จันทร์โลหิต เหตุใดถึงได้เกิดจันทร์โลหิต!”

“ไม่ใช่ว่าเพิ่งเกิดก่อนหน้านี้หรอกหรือ ไม่อยากเชื่อ…ไม่อยากเชื่อว่าจะเกิดจันทร์โลหิตอีกครั้ง!”

ไม่ใช่เพียงแค่ชาวเผ่าภูผาดำในป่าทึบเท่านั้น ในชนเผ่าภูผาดำมีเสียงร้องด้วยความสิ้นหวังและตื่นกลัวเช่นเดียวกัน ชาวเผ่าเหล่านี้ต่างพากันตัวสั่นพลางหลบซ่อนตัวโดยเร็ว

นอกเผ่าร่องลม ขบวนอพยพชาวเผ่าเขาทมิฬ โดยรอบพวกเขามีนักรบหมานเผ่าร่องลมหลายสิบคน มีเยี่ยวั่งและเฉินชงเป็นผู้นำ พวกเขาได้รับคำสั่งจากจ้าวเผ่าให้มาช่วยเผ่าเขาทมิฬ เมื่อพบแล้วจึงเข้าคุ้มกันชาวเผ่าทันที ยามนี้พวกเขาเห็นจันทร์โลหิตบนท้องฟ้าเช่นกัน จึงล้วนหน้าเปลี่ยนสี

ยังมีเผ่ามังกรทมิฬ พวกเขาก็เห็นจันทร์โลหิตเหมือนกัน!

มีเสียงร้องตื่นกลัวดังสนั่นขึ้น!

บนน่านฟ้าภูเขาทมิฬ ยามปี้ถูเห็นจันทร์โลหิต เขาพลันชะงักไปทั้งตัว ทว่าในนัยน์ตากลับฉายแววปีติ เขา ไม่กลัวจันทร์โลหิต ขยับร่างพุ่งไปทางโม่ซัง ทำให้โม่ซังถอยอย่างต่อเนื่อง มุมปากเต็มไปด้วยโลหิตร่วงหล่น กลายเป็นหยดเลือดแตกกระเซ็น ไม่รู้ว่าปี้ถูใช้เคล็ดวิชาหมานอะไร ถึงทำให้ท่านปู่กระเด็นถอยห่าง ก่อนทะยานตามเข้ามาติดๆ ทว่าขณะนั้น พลันมีเสียงคำรามด้วยความโกรธแค้นดังเข้ามาจากยอดเขามังกรทมิฬ

“ปี้ถู!”

ยอดเขามังกรทมิฬสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง หินจำนวนมากร่วงหล่น เกิดเป็นเสียงดังลั่น ป่าทึบตรงตีนเขามีเศษดินฟุ้งกระจายพัดผ่านหิมะเหล่านั้น กลายเป็นวงแหวนยักษ์โดยมียอดเขามังกรทมิฬเป็นศูนย์กลาง

เสียงคำรามดังก้องกังวาน ในรอยแยกจำนวนมากบนยอดเขาแห่งนี้ มีเสียงร้องกับเสียงกระพือปีกดังขึ้น เผยให้เห็นดวงตาสีแดงโลหิต จากนั้นจึงมีค้างคาวจันทราพุ่งออกมาทีละตัว ช่วงที่แสงสีแดงในแววตาของพวกมันปรากฏ หากมองไกลๆ จะเหมือนกับปกคลุมฟ้าดินโดยไร้ที่สิ้นสุด

ต่อมา ยอดเขาเพลิงทมิฬรวมถึงอีกสามยอดเขาที่เหลือสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ค้างคาวจันทราภายในฉีกต้นไม้แห้งสีแดงที่ซ่อนเร้นพวกมันเอาไว้ ก่อนพุ่งตัวออกมา!

เหตุการณ์ดังกล่าวเหมือนกับวันอวสานโลก เป็นการปรากฏขึ้นของจันทร์โลหิตในทุกๆ หลายปี!

ทุกแห่งหนล้วนเป็นค้างคาวจันทรา จำนวนของมันไม่ต่ำกว่าหลายหมื่นตัว เข้าโอบล้อมรอบซูหมิง เสียงคำรามดังสนั่นลั่นฟ้าดิน!

นัยน์ตาพวกมันฉายแววตื่นเต้นและฮึกเหิม เสียงร้องนั้นเหมือนกับเสียงแห่งการคารวะ บินวนรอบซูหมิงราวกับเขาเป็นราชาของพวกมัน!

ปี้ถูจิตใจสั่นไหว พลันแหงนหน้ามอง สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปทันที ดูตื่นตะลึงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เขามองค้างคาวจันทรามหาศาลเหล่านั้น กระทั่งยังลืมหายใจ ประดุจมีสายฟ้าแล่นผ่านความคิด ยืนเหม่อลอยไปสิ้นเชิง

เขาสัมผัสได้ว่าในตัวซูหมิงมีเคล็ดวิชาหมานเพลิงร้ายกาจอยู่ มันเป็นหมานเพลิงขนานแท้ ต่างจากตัวเขาที่ได้มาโดยมีผู้อื่นช่วย จึงต่างกันราวกับฟ้าดิน

“นี่…นี่…” โม่ซังกลืนน้ำลายเสียงดัง กล่าวไม่จบประโยค ในสายตาของเขา เงาจันทร์โลหิตเลือนรางกับซูหมิงแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

ค้างคาวจันทรายักษ์ที่เข้าประชิดตัวซูหมิง ยามนี้จิตสังหารในแววตามลายหายจนสิ้น ดูฮึกเหิมและบ้าคลั่ง มันบินวนรอบยอดเขามังกรทมิฬเช่นเดียวกัน

นัยน์ตาซูหมิงเป็นประกาย สีหน้าดูไม่แปลกใจ เขาได้ยินแต่เสียงร้องอย่างฮึกเหิม สิ่งที่เห็นทั้งหมดเป็นเงาค้างคาวจันทราขยับวูบวาบไปมา กระทั่งเมื่อเขายกมือขึ้น มีค้างคาวจันทราตัวหนึ่งบินลงมาอยู่ในฝ่ามือเขา ราวกับกำลังคุกเข่า ความบ้าคลั่งในแววตาเด่นชัดขึ้น

เขาในยามนี้มีความรู้สึกแปลก คลับคล้ายสามารถควบคุมค้างคาวจันทราเหล่านี้ สั่งให้พวกมันต่อสู้เพื่อเขาได้!

เขารู้สึกได้ถึงความตื่นเต้นและความฮึกเหิมของพวกมัน รู้สึกได้ถึงเกียรติยศที่พวกมันเฝ้าปรารถนามาแสนนาน

ซูหมิงกำหมัดก้าวเดินไปเบื้องหน้า ค้างคาวจันทราหลีกทางให้เขาทันที เขาเดินไปจนถึงขอบเขาทมิฬ ทว่าไม่หยุดเพียงแค่นั้น แต่เดินเหยียบไปบนอากาศ ในช่วงที่ฝ่าเท้าเหยียบลง เขาไม่ร่วงหล่น ใต้ฝ่าเท้าเขามีค้างคาวจันทราตัวหนึ่งบินขึ้นมาให้เขาเหยียบทันใด ค้ำยันร่างกายไว้ ทำให้เขาในยามนี้เดินอากาศได้!

ซูหมิงไม่หยุดเดิน พลันแหงนหน้าขึ้น นัยน์ตาฉายแววเด็ดเดี่ยวและยึดมั่น เขาอยากช่วยท่านปู่ เขาจะต่อสู้กับคนสมควรตายอย่างปี้ถูด้วย!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version