ตอนที่ 105 เหยียบจันทราต่อสู้! 2
สำหรับปี้ถู ซูหมิงแค้นเข้ากระดูก เป็นเขาที่เปิดฉากสงคราม เป็นเขาที่ทำให้ชาวเผ่าต้องจากบ้าน ขณะอพยพต้องมีคนล้มตายจำนวนมาก ปี้ถูคนนี้คือตัวการของหายนะทั้งหมด!
ซูหมิงลอยอยู่กลางอากาศ แฝงไว้ด้วยความแค้นและยึดมั่น เขากลายเป็นเส้นโค้งโลหิตทะยานเข้าใส่ปี้ถู ด้านหลังเขามีเส้นแสงจันทร์จำนวนมากปลิวไสว เขาบินไม่ได้ ทว่าทุกย่างก้าว ล้วนมีค้างคาวจันทรามารองเท้า จึงทำให้ซูหมิงเหมือนกับเดินปกติ และใช้ความเร็วได้อย่างเต็มที่!
ขณะพุ่งทะยาน รอบตัวเขาเป็นค้างคาวจันทรามืดฟ้ามัวดิน และยังมีค้างคาวจันทรายักษ์ของปี้ถู ทุกตัวขนาบซ้ายขวา แผดเสียงร้องพุ่งตรงเข้าไปอย่างบ้าคลั่ง
หากมองไกลๆ ภาพนี้จะเหมือนกับขีดเส้นบนท้องฟ้า สิ่งที่รวมกันเป็นเส้นคือค้างคาวจันทรา เพื่อให้ซูหมิงเหยียบเดินอากาศ ผู้พบเห็นเป็นต้องตื่นตะลึง ยากจะเชื่อได้!
ค้างคาวจันทรามหาศาลมีซูหมิงเป็นผู้นำ ภายใต้ความเร็วของเขา พวกมันล้วนพุ่งตรงเป็นเส้นยาว ประดุจลูกศรจากคันธนู
จิตสังหารในแววตาซูหมิงตัดสลับกัน ความเร็วของเขาอยู่เหนือกว่าที่ปี้ถูคิด แม้แต่ท่านปู่ยังคาดไม่ถึง แทบจะเป็นช่วงเสี้ยววินาที เขาก็เหยียบค้างคาวจันทรามาถึง ยืนอยู่เบื้องหน้าท่านปู่ที่เพิ่งหยุดตัวจากแรงกระแทก ใช้ร่างกายกับความยึดมั่นของเขาปกป้องท่านปู่ที่กำลังอ่อนล้าสุดขีด!
แม้ท่านปู่จะไม่ทราบว่าเหตุใดค้างคาวจันทราพวกนี้จึงปรากฏเพราะซูหมิงและคารวะซูหมิงด้วยท่าทีฮึกเหิมเช่นนั้น ทว่าเขากำลังมองเด็กหนุ่ม ใบหน้าเผยรอยยิ้ม แม้เขาจะเหนื่อยล้ายิ่งนัก แม้เขาจะสังเวยชีวิต แม้เขาจะมีโลหิตไหลจากมุมปากไม่หยุด ทว่ายามนี้กลับมีความสุข เพราะว่าซูหมิงโตเป็นผู้ใหญ่แล้วจริงๆ!
เขาช่วยท่านปู่ได้แล้ว ยามนี้เงาคนผอมบางในสายตาท่านปู่เติบใหญ่เหมือนภูผาแล้วจริงๆ
“ปี้ถู!” ซูหมิงทราบดีว่าขั้นพลังเขายังไม่พอ จึงไม่อวดดีคิดว่าตนเอาชนะปี้ถูได้ สิ่งที่เขาต้องใช้คือค้างคาวจันทราจำนวนมากพวกนี้ และใช้จิตใจอันแน่วแน่ของเขาสั่งให้พวกมันเข้าต่อสู้แทนตน!
นี่เป็นความคิดที่เด่นชัดขึ้นก่อนหน้านี้!
แทบจะเป็นช่วงที่เขาแผดเสียงคำว่า ’ปี้ถู’ ซูหมิงมายืนอยู่เบื้องหน้าท่านปู่ ในมือกำหอกเกล็ดโลหิต เส้นเลือดสองร้อยสี่สิบสามเส้นพลันรวมเป็นหนึ่ง ก่อนขว้างหอกเข้าใส่ปี้ถู
หอกเกล็ดโลหิตส่งเสียงลากยาว พลังโลหิตทั้งหมดของซูหมิงรวมเป็นจุดเดียว ก่อนหลอมรวมเข้าไปในหอกเกล็ดโลหิต ทำให้หอกเล่มนี้ประดุจมวลอากาศลากยาว คล้ายสายฟ้าสีแดงทะลวงเข้าใส่ปี้ถู
ขณะเดียวกัน ภายใต้การควบคุมจิตใจของซูหมิง ค้างคาวจันทราบนตัวเขาทั้งหมดแผดเสียงร้องแหลม พุ่งเข้าใส่อย่างบ้าคลั่ง ราวมีภาพวาดยากจะบรรยายเกิดบนท้องฟ้า
ในภาพวาดเป็นค้างคาวจันทรามหาศาลกำลังห้อเหยียดตรงเข้าใส่ปี้ถูพร้อมกับหอกยาว แม้แต่ค้างคาวจันทรายักษ์ของปี้ถูก็แผดเสียงร้องพุ่งเข้าใส่เช่นเดียวกัน ค้างคาวจันทราจำนวนมากใช้หอกยาวเป็นปลายแหลม ก่อตัวขึ้นเป็นลักษณะลูกศร เข้าประชิดตัวปี้ถูที่กำลังตื่นกลัวในชั่วพริบตา ประหนึ่งอยากทำลายเขาให้พินาศ!
ปี้ถูได้พลังชำระล้างมาจากค้างคาวจันทรา ยามนี้ถึงเวลาค้าวคาวจันทราเอาคืนบ้างแล้ว ไม่อาจหลีกหนีโชคชะตาได้
ใบหน้าปี้ถูขาวซีด ขณะล่าถอยอย่างฉับไว ความรู้สึกถึงการคารวะของค้างคาวจันทรารอบตัวซูหมิงเด่นชัดยิ่งขึ้น เขาพลันใช้มือขวาจิ้มทะลุหน้าอกตัวเอง ก่อนมีหมอกดำแผ่ขยายโอบล้อมตัว ความรู้สึกนั้นจึงได้ลดน้อยลง ทว่าของแลกเปลี่ยนจากการกระทำเช่นนี้คือเขาโซเซ สีหน้ามัวหมองมากขึ้น นัยน์ตาฉายแววบ้าคลั่ง ตะเบ็งเสียงร้องเข้าเผชิญหน้ากับหอกเกล็ดโลหิตและค้างคาวจันทรามหาศาล
ท่ามกลางเสียงร้อง แสงทมิฬพลันลอยมาจากปากเขา กลายเป็นหม้อสีดำขนาดเท่าคนลอยอยู่เบื้องหน้า ภายนอกหม้อแกะสลักเป็นหน้าคนเจ็บปวดจำนวนมาก มีร้องโหยหวน มีดุร้าย มีสะอื้นไห้ และมีร้องไร้เสียงด้วยความโกรธแค้น หม้อทุกส่วนปล่อยกลิ่นอายพลังเย็นเยือก เหมือนกับทำให้ทุกสิ่งรอบตัวแข็งค้างก็มิปาน
“ระวังหม้อนี้ด้วย เขาเคยใช้มาแล้วครั้งหนึ่ง ภายในแฝงพลังประหลาดเอาไว้ หากไม่ใช่เพราะข้าสังเวยชีวิตเจ็ดเข็มคงไม่มีทางต้านได้ แต่เหมือนว่าเขาจะใช้มันได้ไม่เต็มที่ หลังจากใช้แล้วก็จะอ่อนแอลง!” ท่านปู่สีหน้าเปลี่ยน รีบกล่าวทันที
“พวกเจ้า ไปตายซะ!” สีหน้าปี้ถูดูเหี้ยมเกรียม พ่นโลหิตใส่หม้อใหญ่ หม้อดังกล่าวพลันเปล่งแสงมืดทึบพองบวมอย่างรวดเร็ว พร้อมกับร่างของปี้ถูที่แห้งเหี่ยวลง ราวกับเลือดเนื้อและชีวิตถูกใบหน้าเจ็บปวดบนหม้อกลืนกิน
ทันใดนั้น หม้อขยายใหญ่ขึ้นราวสิบจั้ง กลิ่นอายพลังเก่าแก่เข้มขึ้นหลายเท่า ขยับแสงมืดทึบในตัว ใบหน้าแกะสลักจำนวนมากราวกับมีชีวิต หลั่งทะลักออกมาจากหม้อเป็นฝูง
เมื่อใบหน้าเหล่านั้นปรากฏขึ้น เสียงเจ็บปวดดังก้องกังวานฟ้าดิน ในขณะเดียวกัน พวกมันแผดเสียงคำรามตรงเข้าใส่ฝูงค้างคาวจันทรากับหอกเกล็ดโลหิต
ทั้งสองฝ่ายต่างมาเป็นกลุ่ม ประดุจเมฆดำสองก้อนกรูปะทะเข้าใส่กัน เกิดเป็นเสียงดังสนั่นและแรงสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ท่ามกลางเสียงระเบิด ใบหน้าคนเหล่านั้นหายไปเหมือนดั่งฟองอากาศ ถูกค้างคาวจันทราฉีกอย่างบ้าคลั่ง
แม้จะเป็นเช่นนั้น ทว่าค้างคาวจันทราตัวเดียวไม่ได้แข็งแกร่งมาก ในช่วงที่ฉีกใบหน้าคน มันจะระเหยเป็นหมอกแดงลอยหายไป
แต่ใบหน้าคนเหล่านั้น เมื่อถูกฉีกแล้วกลับไม่มีสีหน้าเจ็บปวด แต่ดูเหมือนกับหลุดพ้น ดุจพวกมันไม่ได้มาเพื่อต่อสู้ แต่มาเพื่อแสวงหาความตาย แสวงหาสิ่งที่ทำให้พวกมันไม่ต้องเจ็บปวดอีกต่อไป คนเหล่านี้มีบางส่วนเคยเป็นภูผาดำ และมีหลายคนที่หายสาบสูญไปจากเผ่าเขาทมิฬและมังกรทมิฬเมื่อหลายปีก่อน บางส่วนไม่ทราบว่าปี้ถูได้มาจากที่ใด หลอมรวมเข้าไปอยู่ในศาสตราวุธหมานชั่วร้ายนี้ ดั่งการเซ่นไหว้วิญญาณอาฆาต
เสียงระเบิดดังกังวานต่อเนื่อง ราวกับพังทลายทุกสิ่งรอบตัว หอกเกล็ดโลหิตรวมพลังทั้งหมดของซูหมิงพร้อมกับค้างคาวจันทราตรงเข้าใส่ใบหน้าคนเจ็บปวดจำนวนมาก ทะลวงผ่านอย่างไม่มีอะไรมาหยุดยั้ง ก่อนแทงเข้าใส่หม้อยักษ์
ในช่วงที่แทงเข้าใส่หม้อ หอกเกล็ดโลหิตสั่นสะท้านจากปลายหอก เกิดเป็นรอยแตกหลายชุ่นลามไปทุกส่วน จากนั้นพลันแหลกละเอียด ตกลงไปในหม้อยักษ์
หม้อยักษ์สั่นสะท้านอย่างรุนแรง เดิมทีการโจมตีครั้งนี้ไม่มีทางทำอันตรายมันได้ ทว่าซูหมิงยอมแลกกับหอกเกล็ดโลหิต ใช้พลังที่แข็งแกร่งที่สุดในชีวิตเขาทำให้หม้อยักษ์สั่นสะเทือนจนเกิดรอยร้าว
เวลาเดียวกัน ค้างคาวจันทราจำนวนมากร้องลั่น พุ่งชนเข้าใส่หม้อยักษ์ส่งเสียงตึงๆ อย่างต่อเนื่อง ทำให้รอยร้าวบนหม้อขยายใหญ่ขึ้น ทุกอย่างที่กล่าวเหมือนนานมาก ทว่าความจริงแล้วเกิดขึ้นในช่วงไม่กี่ลมหายใจ ได้ยินเพียงระเบิดดังสนั่นประดุจเบิกฟ้า หม้อยักษ์แตกออกเป็นสองชิ้นตกลงสู่พื้น
ช่วงเวลาที่หม้อแตก ปี้ถูกระอักโลหิตมาหนึ่งกอง ร่างซวนเซถอยหลังอย่างเร่งรีบ ทว่าใบหน้ากลับแสยะยิ้ม
“หม้อสังหาร!”
ซูหมิงมีเลือดไหลมาจากมุมปากจำนวนมากเช่นกันเพราะหอกเกล็ดโลหิตแหลกสลาย
หอกเกล็ดโลหิตเป็นศาสตราวุธหมานชิ้นแรกของเขา เคยผ่านการต่อสู้กับอูเซินแห่งเผ่าร่องลม เคยผ่านสงครามโลหิตขณะอพยพชนเผ่าเมื่อหลายวันก่อน ยามนี้มันถูกทำลายแล้ว สิ่งที่ซูหมิงเจ็บไม่ใช่เพียงร่างกาย แต่เขายังทำใจไม่ได้
ทว่าความอาลัยกลับถูกซูหมิงยับยั้งเอาไว้ ภัยร้ายพลันตรงเข้ามา เศษหม้อสองชิ้นที่กำลังร่วงลงสู่พื้น มีหมอกดำจำนวนมากรวมตัวขึ้นเป็นใบหน้าคนยักษ์ แผดเสียงคำรามลอยขึ้นมา มันมีขนาดราวสิบกว่าจั้ง อ้าปากราวกับอยากกลืนซูหมิงทั้งเป็น
ท่านปู่ที่อยู่ด้านหลังซูหมิงเปลี่ยนสีหน้า พลันตรงเข้ามาคิดจะผลักซูหมิงเพื่อขวางใบหน้ายักษ์เอาไว้ ทว่าซูหมิงเดินก่อนหนึ่งก้าว ทำให้เขาอยู่หน้าท่านปู่เหมือนเดิม
เขากางแขนทั้งสองข้าง ค้างคาวจันทราเหล่านั้นล้วนตาแดงก่ำ
ตรงเข้ามาหาซูหมิงพร้อมกันในชั่วพริบตา เกาะตัวเขาซ้อนทับหลายชั้น ค้างคาวยักษ์ของปี้ถูก็เช่นเดียวกัน พริบตาเดียวร่างกายของเขาจึงถูกค้าวคาวจำนวนมากปกคลุม กลายเป็นค้างคาวจันทราตัวใหญ่ยักษ์คับฟ้าดิน!
มองดูแล้วเหมือนกับตัวเดียว ทว่าความจริง มันรวมตัวขึ้นจากค้างคาวจันทราจำนวนมาก!
“เพลิง!” เสียงดังสนั่นมาจากตัวค้างคาวจันทรายักษ์ มันเป็นเสียงของซูหมิง แต่ก็เป็นของค้างคาวจันทราเหล่านั้นเช่นกัน เมื่อเสียงดังขึ้น กลิ่นอายพลังแกร่งกล้าปะทุขึ้นจากในตัวพวกมัน กลิ่นอายพลังนี้ไม่ได้เป็นของซูหมิง แต่เป็นของค้างคาวจันทราจำนวนมาก!
ร่างกายของซูหมิงเหมือนเป็นหัวใจของพวกมัน ความคิดของเขาเป็นจิตใจของพวกมัน เขาควบคุมร่างค้างคาวจันทราเหล่านี้ได้
เมื่อกล่าวคำว่าเพลิง แสงจันทร์รอบตัวค้างคาวจันทราย่างกรายเข้ามาจำนวนมาก กลายเป็นทะเลเพลิงสีเงิน แผ่ขยายไปทั่วท้องฟ้าโดยมีพวกมันเป็นใจกลาง
ทะเลเพลิงสีเงินแผ่ขยายไปสุดขอบ ใบหน้าคนยักษ์ที่กำลังอ้าปากกลืนกินด้านล่างเผยความเจ็บปวดทันที มันถูกทะเลเพลิงโอบล้อมอยู่ห่างจากค้างคาวจันทรายักษ์สิบจั้งในฉับพลัน แล้วจึงกลายเป็นเถ้าถ่านปลิวไสวพร้อมกับร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด
แทบจะเป็นช่วงที่ใบหน้ายักษ์ถูกแผดเผา ค้างคาวจันทรายักษ์พร้อมกับซูหมิงตรงเข้าใส่ปี้ถูท่ามกลางทะเพลิงสีเงิน ปี้ถูใบหน้าขาวซีด ดวงตาเบิกโพลง จนถึงตอนนี้เขายังไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ตนเห็น ทว่าถึงอย่างไรเขาก็เป็นผู้แข็งแกร่งขั้นชำระล้าง ทั้งยังมีประสบการณ์ในการต่อสู้มาอย่างโชกโชน เขารีบล่าถอย แล้วมองซูหมิงเป็นศัตรูตัวฉกาจที่สำคัญกว่าโม่ซัง
“หมานแห่งเชือกดำ!” ปี้ถูชี้มือขึ้นฟ้า ตรงกลางระหว่างคิ้วปรากฏเป็นรอยแยกเหมือนกับเคล็ดวิชาที่หนานซงใช้ก่อนหน้านี้ ทว่ารอยแยกของปี้ถูกลับลากยาวจากใบหน้ามาจนถึงท้องน้อย ราวกับลำตัวถูกผ่าครึ่ง
กลิ่นอายพลังสีดำหลั่งทะลักมาจากรอยแยกบนตัวเขาอย่างเข้มข้น โอบล้อมรอบตัวจนกลายเป็นโซ่หมอกสีดำหลายเส้น!