Skip to content

สู่วิถีอสุรา 1077

ตอนที่ 1077 แดนเลื่องลือ 3

สี่คนนี้มีสีหน้าสงบนิ่งมาก ดูไม่ออกว่าเปลี่ยนไปมากนัก แต่สายตามองสายรุ้งยาวจากซูหมิงบินไกลออกไปบนฟ้า

ชายชราหน้าดำมีสีหน้าปกติ แต่ในใจกลับยิ้มเยาะ เขาหวังให้ซูหมิงสร้างเรื่องใหญ่มากเท่าไรยิ่งดี เพราะเมื่อคนที่เขาส่งไปแดนต้นกำเนิดจิตกลับมา ก็จะได้ผลดีมากเท่านั้น

ต่อให้เป็นสายเลือดสีทอง ต่อให้ไม่อาจสั่นคลอนฐานะ แต่สิ่งที่เขาต้องการไม่ใช่การสั่นคลอน แต่เป็นจิตใจคน

ขอเพียงศิษย์สำนักดาราสัจธรรมส่วนใหญ่ได้ยินทุกอย่างเกี่ยวกับเต้าคงจาก แดนรกร้างต้นกำเนิดจิต ขอเพียงพวกเขาเกิดการคาดเดาขึ้น เช่นนั้นทุกอย่างก็ จะบรรลุความต้องการของเขา

เขาต้องการแค่ให้ศิษย์สำนักดาราสัจธรรมคาดเดาเท่านั้น เพราะจะเกิดข่าวลือมากมายขึ้นเองโดยธรรมชาติ ดังนั้นแล้วต่อให้เป็นองค์ชาย ทว่าองค์ชายที่ถูกคนสงสัย จริงๆ แล้วไม่ต่างอะไรกับตอนที่ไม่เป็นองค์ชายมากนัก

การทำลายหนึ่งคนไม่จำเป็นต้องทำลายฐานะ ความสงสัยและข่าวลือของใจคนเป็นอาวุธที่คมกริบที่สุด

ขณะที่ชายชราหน้าดำยิ้มเยาะในใจ ซูหมิงที่อยู่บนฟ้าเข้าไปใกล้แดนเลื่องลือแผ่นดินสามแล้ว มองแวบแรกก็เห็นว่ามีลำแสงตั้งขึ้นบนแท่นราบกลางผืนดิน เพียงแต่มีนามแค่สามสิบชื่อเท่านั้นที่กำลังขยับแสงวูบวาบ

ในนั้นมีแปดนามอยู่บนสุด นามที่เหลือเล็กลงมาเล็กน้อย เรียงอยู่ข้างล่าง แปดนามนั้นหมายความว่ามีแปดคนผ่านด่านนี้ไปได้ ส่วนนามเล็กลงมาเหล่านั้นบ่งบอกว่า คนนั้นผ่านขั้นที่เท่าไร

ซูหมิงมองลำแสงนั้น ข้างหูมีเสียงลากยาวตรงเข้ามา นั่นคือเสียงผู้ฝึกฌานสิบล้านคนจากไกลๆ กำลังข้ามมวลอากาศเข้ามาจากรอบๆ

เขาไม่สนใจคนเหล่านี้ แต่ยกเท้าขวาขึ้นเหยียบบนแท่นราบ ทันทีที่เหยียบลง บนลำแสงปรากฏเงายักษ์ร่างหนึ่ง

แม้เงาแสงนี้จะเลือนราง แต่ก็มองออกจากเค้าโครงว่าคือชายร่างกำยำสวมเกราะทอง ชายร่างกำยำคนนี้สวมหมวกทอง สวมเสื้อเกราะทองสว่างวาววับ สองมืออยู่ข้างหน้ากดกระบี่ทองยักษ์เล่มหนึ่ง กระบี่ปักลงดิน ส่วนชายร่างกำยำใช้สองมือกดตรง ด้ามกระบี่

เขากำลังหลับตา ตอนที่ร่างเงาค่อยๆ ชัดเจนขึ้นจนเผยเป็นร่างสมบูรณ์แบบแล้ว เขาพลันลืมตาขึ้น เผยประกายวาววับภายใน

ตอนนี้ทางโลกข้างนอก ผู้ฝึกฌานสิบล้านคนทยอยกันเข้ามาไม่ขาดสาย คนที่มาถึงก่อนช่วงแรกในนั้นต่างมีสีหน้าจริงจัง ในตัวพวกเขาแผ่กระจายพลังที่ไม่อ่อนแอ ในนั้นมีไม่น้อยที่เป็นผู้ฝึกฌานระดับภัยพิบัติตะวัน

“แดนเลื่องลือด่านสาม ไม่เหมือนสองด่านก่อนหน้านี้เลย แปดคนนั้นที่ผ่านด่านนี้ได้ แม้จะไม่ได้ถูกแต่งตั้งเป็นองค์ชาย ทว่าทุกคนล้วนบรรลุถึงระดับภัยพิบัติตะวันสมบูรณ์ ถึงขั้นมีคนสงสัยว่าขั้นพลังจริงๆ ของพวกเขาทะลวงขั้นนั้นไปแล้ว กลายเป็น ผู้กุมชะตาเกิดดับ!”

“ถึงพวกเขาจะไม่ใช่องค์ชาย แต่ต่อให้เป็นองค์ชายสิบคนพบพวกเขาแปดคนก็ยังต้องเกรงใจ ซ้ำยังแย่งชิงการสนับสนุนจากพวกเขา ข้าว่าถึงองค์ชายเต้าคงจะมีความสามารถผ่านแดนเลื่องลือสองด่านก่อนหน้านี้ได้ก็จริง แต่ก็ไม่แน่ว่าจะทำสำเร็จในแดนเลื่องลือด่านสาม”

“ไม่ผิด ต่อให้เป็นเต้าหลินกับเต้าฝ่ายังหยุดอยู่ที่ขั้นเก้า ข้ามผ่านไปไม่ได้ ถึงเต้าคงจะแกร่งกว่านี้ก็คงต้องหยุดอยู่ตรงนั้นเหมือนกัน”

“เป็นเช่นนี้จริงๆ แปดคนนี้ไม่สนใจลาภยศ บางทีอาจไม่แยแสตำแหน่งองค์ชาย จึงไม่มาการท้าประลองในครั้งนี้ กระทั่งคนสายตรงสำนักดาราสัจธรรมเมื่อหลายปีก่อนยังมีไม่น้อยที่ขั้นพลังสูงแต่ยังคงปิดด่านนั่งฌาน ไม่สนใจพิธีแต่งตั้งแม้แต่น้อย”

“นี่เป็นเพราะองค์ชายสิบคนขั้นพลังไม่มากพอ มิเช่นนั้นแล้ว เจ้าดูซิว่ามี ผู้แข็งแกร่งมาหรือไม่…”

ขณะกลุ่มคนสนทนากันอยู่ก็เงียบลงโดยพลัน สายตามองบนแท่นราบ

บนแท่นราบตอนนี้ ชายร่างกำยำเกราะทองตรงหน้าซูหมิงลืมตาขึ้นทั้งหมด ในดวงตามีประกายสายฟ้าไหลเวียนสองสาย สายตามองซูหมิงอย่างเย็นชา

“ที่นี่คือแดนเลื่องลือสงครามเกราะทอง ข้าคือผู้รักษาการณ์จินซิว ได้รับการ คุ้มกันจากสำนักดาราสัจธรรม มีหน้าที่ฝึกฝนการสงครามให้กับศิษย์ในสำนัก ทั้งหมดเก้าขั้น แบ่งเป็นขั้นพลังของข้าจากหนึ่งถึงเก้าส่วน หากสำเร็จขั้นหนึ่งถึงเก้าจะได้รับสิทธิ์ท้าประลองพลังทั้งหมดของข้า” ชายร่างกำยำเกราะทองกล่าวเสียงดังสนั่น ทว่าคนข้างนอกไม่ได้ยินเสียงเขา มีเพียงซูหมิงที่ได้ยิน

ช่วงที่เสียงดังขึ้น ชายร่างกำยำเกราะทองพลันเดินหน้าหนึ่งก้าว ส่วนมือขวากุมกระบี่ยักษ์สีทองเอาไว้ เมื่อก้าวเดิน เขาเพียงยกกระบี่ใหญ่ในมือขวาขึ้นแล้วฟันลงไปแบบเรียบง่าย

การฟันครั้งนี้ระเบิดขั้นพลังออกมาเพียงเจ้าปกครองโลกตอนกลาง ดูเหมือนธรรมดา แต่ในสายตาซูหมิง วงโคจรการฟันของกระบี่ใหญ่สีทองมีกฎการผ่าลงมาอยู่

การค้นพบแบบนี้ทำให้หนึ่งก้าวที่เขาจะเดินต้องเปลี่ยนเป็นถอยไป ต้องล้มเลิกการลงมือ ขณะถอยไปดวงตาก็จ้องกระบี่ที่ฟันลงมา แววตาขยับประกาย

หนึ่งกระบี่ทะลวงอากาศเข้ามาใกล้ในพริบตา ซูหมิงสังเกตเห็นรางๆ ว่ากฎรอบตัวเปลี่ยนไป ก่อขึ้นเป็นระลอกคลื่นไร้รูปกำลังกระจายออกไปรอบๆ อย่างรวดเร็ว ก่อนหลอมรวมเข้าไปในกระบี่แล้วฟันตามลงมา

‘นี่คือ…พลังแห่งการตัดกฎชะตา!’ ดวงตาซูหมิงวาววับ หากไม่ใช่เพราะเขาเข้าใจวิชาสามตัดสังหาร ก็คงมองไม่ออกว่ากระบี่ของชายร่างกำยำเกราะทองแฝงไว้ด้วยพลังประหลาดชนิดนี้

โครม

ขณะกระบี่ใหญ่สีทองฟันลงมา เห็นๆ อยู่ว่าซูหมิงถอยไปแล้ว และพอจะหลบก็สังเกตเห็นอย่างละเอียดแล้ว แต่ว่าตอนที่กระบี่ใหญ่ฟันลง เขากลับพบว่ามิติรอบตัวเกิดการเปลี่ยนแปลง ราวกับว่าตำแหน่งของเขากลับมาอยู่ใต้กระบี่ที่ฟันลงมาโดย ไร้การควบคุม

หลบไม่ได้!

‘ไม่เพียงแต่แฝงไว้ด้วยพลังตัดชะตา แต่กฎการเปลี่ยนแปลงก่อนหน้านี้เปลี่ยนมิติและตำแหน่งของข้า ส่งผลให้กระบี่นี้…จะต้องฟันโดนอย่างแน่นอน! จินซิวคนนี้ใช้ได้!’

ดวงตาซูหมิงเผยความมุ่งมั่นในการต่อสู้เป็นครั้งแรก นี่เป็นครั้งแรกหลังมาถึงสำนักดาราสัจธรรมแล้วเกิดความตื่นเต้นเช่นนี้ ไม่ว่าจะเป็นการท้าประลองก่อนหน้านี้หรือด่านหินร่วง กระทั่งเจ้าของแดนมายาตนนั้นก็ยังไม่ทำให้เขาเกิดความมุ่งมั่นในการต่อสู้ถึงขนาดนี้

มีเพียงตอนนี้ ความมุ่งมั่นในการต่อสู้ก่อตัวขึ้น ดวงตาซูหมิงแวววาว เขาไม่ถอยอีก แต่กำหมัดขวาชกใส่กระบี่ที่ฟันลงมา

เสียงครึกโครมดังกึกก้อง กระบี่ทองคำบิดเบี้ยว หลังปะทะกับหมัดซูหมิงแล้วก็หายไป แต่มีพลังสะเทือนส่งเข้าไปในมือขวาเขา วนเวียนไปทั่วร่าง ทำให้เขาตัวสั่นไหว แม้จะไม่ได้ถอยไป แต่พลังโลหิตในร่างกายก็ไหลเชี่ยว ส่งผลให้ความมุ่งมั่นต่อสู้ในแววตาเด่นชัดขึ้น ซ้ำยังเกิดประกายความยึดมั่นถือมั่น

‘นี่คือพลังรูปแบบกระบี่อะไร!’ ซูหมิงสูดลมหายใจเข้าลึก ความแน่วแน่ในแววตาเข้มข้นขึ้น รู้กันดีว่าร่างกายเขาสร้างความตกตะลึงกับยอดฝีมือขั้นกุมได้ แต่กลับถูกกระบี่ที่มีพลังเทียบเท่าเจ้าปกครองโลกตอนกลางปั่นป่วนพลังโลหิต ซึ่งก่อนหน้านี้เขาไม่เคยคาดคิดถึงเรื่องนี้มาก่อน

‘ผู้ฝึกฌานระดับเจ้าปกครองโลกตอนกลางไม่มีทางเอาชนะกระบี่นี้ได้ ต่อให้เป็นเจ้าปกครองโลกตอนปลายก็ยังยากจะต่อต้าน ต้องเป็นเจ้าปกครองโลกสมบูรณ์เท่านั้นถึงจะฝืนรับการโจมตีนี้ได้ แต่ก็ต้องได้รับบาดเจ็บจากแรงกระเทือนในช่วงสุดท้ายแน่

มิน่า….มิน่าที่นี่ถึงมีเพียงสามสิบกว่าคน และมีเพียงแปดคนเท่านั้นที่ผ่านด่าน ขั้นพลังแปดคนนี้จะต้องแกร่งอย่างยิ่งแน่

หนึ่งกระบี่สามรูปแบบ นี่คือจุดที่มีพลานุภาพของกระบี่นี้ ทว่าในเมื่อเป็นอย่างนั้น หรือว่าในแดนเลื่องลือเก้าด่านนี้จะมีอภินิหารบางอย่างซ่อนเอาไว้…หากเป็นอย่างนั้นจริง เช่นนั้นด่านแรกกับด่านสองซ่อนอะไรเอาไว้ น่าเสียดายที่ก่อนหน้านี้ข้าไม่ได้สนใจ’ ระหว่างที่ซูหมิงดวงตาขยับประกาย ชายร่างกำยำเกราะทองตรงหน้าเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย

“ต่อไปเป็นพลังจากขั้นพลังข้าสองส่วน”

สิ้นเสียงชายร่างกำยำเกราะทอง เขาเดินหน้าหนึ่งก้าว ครั้งนี้ยังคงรักษาท่าทางเดิมไว้ มือขวาเปล่งแสงสีทอง ช่วงที่กระบี่ทองยักษ์โผล่มาอีกครั้ง เขาก็ฟันใส่ซูหมิงในทันใด

พลังที่ระเบิดมาในครั้งนี้ไม่ใช่เจ้าปกครองโลกตอนกลางอีก แต่เป็นตอนปลาย ถึงขนาดบนกระบี่ใหญ่สีทองยังปรากฏแสงสีทองสว่างจ้าแสบตาขึ้น ซ้ำยังมีเสียงทำลายมวลอากาศดังก้อง หนึ่งกระบี่ฟันลง รูปแบบกระบี่แบบนี้ ในมุมมองซูหมิง รวดเร็วและดุดันกว่าครั้งก่อนหลายเท่า

ดวงตาซูหมิงวาววับอย่างรวดเร็ว เขาจำวงโคจรการฟันกระบี่ของชายร่างกำยำเกราะทองเอาไว้อย่างแม่นยำแล้ว จนกระทั่งกระบี่เข้ามาใกล้ศีรษะ เขาถึงยกมือขวาสะบัดขึ้นไป

เสียงโครมดังขึ้น ซูหมิงตัวสั่นอีกครั้ง พลังโลหิตในร่างกายเดือดพล่านกว่าเดิม ถึงจะหายไปในพริบตา แต่พลังระดับนี้ยังทำให้ความยึดมั่นในแววตาเขาเข้มข้นขึ้นอีก

“มาอีก!” ซูหมิงหัวเราะเสียงดังแล้วเดินหน้าไปหนึ่งก้าว

ชายร่างกำยำเกราะทองดวงตาเป็นประกายเล็กน้อยจนตรวจไม่พบ เขาพยักหน้าให้ ก่อนยกมือขวาขึ้นในรูปแบบกระบี่กับท่าทางเดิม แต่มีพลังของเจ้าปกครองโลกสมบูรณ์กดตามกระบี่ลงมาด้วย

เกิดเสียงดังสนั่นขึ้น ครั้งนี้ซูหมิงถอยไปครึ่งก้าว!

จังหวะที่เงยหน้าขึ้น ในดวงตาซูหมิงเหมือนจะรวมออกมาเป็นกระบี่ใหญ่สีทอง

“เข้ามาอีก!”

ดวงตาคนยักษ์สีทองฉายแววจริงจัง ครั้งนี้เขาใช้มือขวาตบตรงระหว่างคิ้ว เกิดเสียงแกรกๆ ดังมาจากในร่าง ทันใดนั้นก็ระเบิดออกมาเป็นขั้นพลังระดับภัยพิบัติจันทรา ด้านหลังปรากฏดวงจันทร์ภัยพิบัติสีทองหนึ่งดวง กระบี่ใหญ่ในมือเปล่งแสง สีทองสว่างจ้า

“นี่คือพลังจากขั้นพลังสี่ส่วนของข้า จงดูให้ดี” ชายร่างกำยำเกราะทองขยับไหววูบ แต่ก็ยังใช้วงโคจรกระบี่แบบเดิม ทว่าช่วงที่ฟันลง ซูหมิงรู้สึกชัดว่ากระบี่เหมือนจะสั่นครู่หนึ่งกลางอากาศ ชั่วพริบตานั้นความคมของมันเพิ่มขึ้นอีก

หนึ่งกระบี่ฟันลง เกิดเสียงดังสนั่นฟ้า ครั้งนี้ซูหมิงถอยไปหนึ่งก้าว แต่ชายร่างกำยำเกราะทองก็ตัวสั่นสะท้านเช่นกัน เขาถอยไปหนึ่งก้าว ยามที่เงยหน้าขึ้นดูมีสีหน้าตกใจเล็กน้อย

“เจ้าเข้าใจแล้วรึ?”

“ยังขาดอีกเล็กน้อย” นัยน์ตาซูหมิงรวมออกมาเป็นเงามายาของกระบี่ใหญ่สีทองเล่มหนึ่ง กำลังขยับแสงวาววับอย่างเร็วไวอยู่ในลูกตา

ซูหมิงที่กำลังยึดมั่นในกระบี่นี้ ไม่รู้เลยว่าโลกข้างนอกในยามนี้เกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหวหลังจากผู้ฝึกฌานสิบล้านคนเห็นการต่อสู้ของเขากับชายร่างกำยำเกราะทอง กระทั่งผู้ฝึกฌานภัยพิบัติตะวันกับองค์ชายเหล่านั้นยังหน้าเปลี่ยนสีอย่างรุนแรง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version