ตอนที่ 108 สิง!
ยามนี้ปี้ถูตื่นกลัว เขาไม่คิดไม่ฝันมาก่อนเลยว่าชาวเผ่าหมานบนโลกใบนี้ จะมีผู้ครอบครองลวดลายหมานสองชนิด ในความคิดของเขาสับสน ทั้งยังเกิดความรู้สึกลึกลับเกี่ยวกับโม่ซังผู้เคยเป็นอัจฉริยะในรุ่นของแถบนี้
โดยเฉพาะเมื่อลวดลายหมานชนิดที่สองปรากฏ กลับสังหารงูเหลือทมิฬจากลวดลายหมานชนิดแรก จนเกิดเป็นศีรษะสัตว์เขาเดียวประดุจวิญญาณร้ายน่าสะพรึง บนตัวมันยังมีกลิ่นอายพลังเหมือนขั้นชำระล้าง ทำให้ปี้ถูสูดลมหายใจเข้าลึก ยกสองมือขึ้นอย่างลนลาน ชี้ไปยังสายฟ้าสีดำที่กำลังตรงเข้าใส่ซูหมิง
สายฟ้าสีดำพลันเปลี่ยนทิศทาง ขยับแสงตรงเข้าใส่ศีรษะสัตว์ที่มีหมอกดำโอบล้อม ท่านปู่ยืนอยู่กลางอากาศ หลับตาลงสงบนิ่ง ศีรษะสัตว์ยักษ์เบื้องหน้าเขาแผดเสียงคำราม อบอวลไปด้วยหมอกดำ ส่งผลให้ฟ้าดินมืดครึ้ม นี่เป็นไม้ตายสุดท้ายของเขา และเป็นความลับที่เขาเก็บมาแสนนาน
ศีรษะสัตว์แผดเสียงคำรามตรงเข้าใส่ปี้ถูและสายฟ้าสีดำที่เข้ามาปกป้องตัวเขา สายฟ้าเปล่งเสียงฟ้าผ่าดังสนั่น พุ่งตรงเข้าปะทะกับศีรษะสัตว์ เสียงระเบิดดังก้องกังวาน ท่ามกลางเสียงคำรามของศีรษะสัตว์ พบว่าหมอกดำรอบตัวมันหายไปจำนวนมาก ทว่าสายฟ้าสีดำกลับหยุดอยู่ตรงกลางระหว่างคิ้ว ไม่อาจทะลวงผ่านไปได้
ศีรษะสัตว์แผดเสียงคำราม พุ่งตรงเข้าไป สายฟ้าเผชิญหน้ากับแรงต้านมหาศาล ถูกอัดจนถอยหลังไปอย่างต่อเนื่อง ใบหน้าปี้ถูขาวซีด ดวงตาเต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอย ยามนี้สัมผัสได้ถึงภัยอันตรายที่สุดเป็นครั้งแรกของชีวิต เห็นสายฟ้าสีดำล่าถอยอย่างต่อเนื่อง ทำให้ศีรษะสัตว์อยู่ห่างจากตัวเขาไม่ถึงหนึ่งร้อยจั้ง
ปี้ถูพลันยกสองมือขึ้น จิ้มไปตรงกลางระหว่างคิ้วและหน้าอก จากร่างกายแห้งเหี่ยว ยามนี้ราวกับสังเวยชีวิตและเลือดเนื้ออีกครั้ง เส้นผมของเขาเดิมทีเป็นสีดำ ทว่ายามนี้พลันกลายเป็นสีขาว ผิวหนังบนใบหน้าแห้งแตกมากขึ้น ร่างกายหดลง
“เพียงแค่เฉียดพลังชำระล้าง ยังไม่ใช่ชำระล้างแท้จริง!” ปี้ถูแผดเสียงร้อง จากการเปลี่ยนแปลงของร่างกายเขา ราวกับสายฟ้าสีดำได้รับพลังเสริม พลันเปล่งแสงสีดำจำนวนมาก ก่อนขยายใหญ่ขึ้นหลายเท่าพร้อมกับทะลวงเข้าสู่ตรงกลางระหว่างคิ้วของศีรษะสัตว์
ท่านปู่อยู่ไกลออกไป ตัวสั่นเทา มุมปากมีโลหิตรินไหล ตรงกลางระหว่างคิ้วราวกับมีรอยแผลปรากฏเช่นกัน เหมือนศีรษะสัตว์ไม่ผิดเพี้ยน
ศีรษะสัตว์แผดเสียงคำราม ดวงตาเปล่งแสงประหลาด มันไม่สนใจสายฟ้าสีดำที่ทะลวงเข้ามา แต่พลันใช้เขาแหลมพุ่งไปเบื้องหน้า หมอกดำหายไปอย่างรวดเร็ว สายฟ้าสีดำทะลวงเข้ามามากขึ้นเรื่อยๆ ทว่าศีรษะสัตว์ราวกับไม่รู้สึกเจ็บปวด ตรงเข้าใส่ปี้ถูจนอยู่ในระยะสามสิบจั้ง
ยามนี้สายฟ้าสีดำทะลวงเข้าไปในศีรษะสัตว์ครึ่งหนึ่ง ทำให้รอบศีรษะมีสายฟ้าสีดำเป็นเส้นโค้งไหลวน ราวกับบดขยี้มันได้ตลอดเวลา แต่สายฟ้าสีดำกลับอ่อนแสงลงเช่นกัน คลับคล้ายพลังชีวิตที่มันเพิ่งได้มาน่าจะไม่เพียงพอ
ปี้ถูมีโลหิตสีดำไหลมาจากมุมปาก เขาพลันยกมือขวา จิ้มไปในดวงตาขวา ดวงตาพลันมืดสลัวราวกับเสียการมองเห็น ก่อนกลายเป็นสีขาว
ในช่วงที่ดวงตาขวากลายเป็นสีขาว สายฟ้าสีดำพลันเปล่งแสงทมิฬแกร่งกล้าขึ้นอีกครั้ง มีเสียงระเบิดดังสนั่น สายฟ้าทะลวงเข้าไปในศีรษะสัตว์ได้มากกว่าครึ่ง ทว่ายามนี้ศีรษะสัตว์อยู่ห่างจากปี้ถูเพียงสิบจั้ง
ซูหมิงอยู่ไกลออกไป เขาในยามนี้หลับตา รอบตัวถูกปกคลุมด้วยโลหิตจากค้างคาวจันทราจำนวนมาก โลหิตเหล่านี้มีซูหมิงเป็นใจกลาง ค่อยๆ รวมตัวขึ้นคล้ายกลายเป็นเทวรูปโลหิตพิลึก
ไม่นาน แรงต้านประหลาดแผ่ขยายจากตัวเทวรูปโลหิต
ทันใดนั้น สีหน้าปี้ถูดูเป็นกังวล ใช้มือจิ้มไปที่ขาขวา ก่อนมีเสียงกระแทกดังขึ้น ทั้งขาขวาของเขาพลันแตกกระจาย
หลังจากเขาสังเวยดวงตาขวาและสังเวยขาขวาอีกครั้ง แทบจะเป็นช่วงที่ขาขวาแตกกระจาย ระยะห่างระหว่างเขากับศีรษะสัตว์เหลือไม่ถึงห้าจั้ง สายฟ้าสีดำกลับส่งเสียงระเบิด ทะลวงผ่านศีรษะสัตว์ทะลุไปด้านหลัง
พลังแห่งการทำลายของสายฟ้า ทำให้แววตาศีรษะสัตว์มืดสลัว และมอดดับอย่างรวดเร็ว ทว่าเหมือนดั่งพลังของมันยังไม่สิ้นสุด ตรงเข้าใส่ปี้ถูด้วยความเร็ว ห้าจั้ง สี่จั้ง สามจั้ง…….ท่ามกลางเสียงคำรามด้วยความหวาดกลัวของปี้ถู พริบตาเดียวก็มองไม่เห็นตัวเขา สิ่งที่เห็นมีเพียงศีรษะสัตว์บดบัง กลายเป็นหมอกดำอ่อนลอยขึ้นฟ้า
ท่านปู่ใบหน้าขาวซีด ลืมตาขึ้น ภายในแววตามืดสลัวยามนี้ยังมีหวัง ทว่าความหวังกลับกลายเป็นสิ้นหวังในชั่วพริบตา เขากระอักโลหิต ในช่วงที่ศีรษะสัตว์หายไป ทั้งตัวราวกับถูกพลังมหาศาลเข้ากระแทก ร่างซวนเซถอยหลัง ตกลงบนหนึ่งในห้ายอดเขาภูผาทมิฬ ก่อนพยายามฝืนลุกขึ้นนั่ง
หลังจากศีรษะสัตว์กลายเป็นหมอกดำหายไป เสียงหัวเราะด้วยความดีใจอย่างบ้าคลั่งดังขึ้น นั่นเป็นเสียงของปี้ถู เขายังไม่ตาย!
เมื่อครู่นี้เขาคิดว่าตัวเองต้องตายแน่ ทว่าศีรษะสัตว์กลับถูกหมอกดำในร่างกายเขาขวางเอาไว้ในระยะไม่ถึงครึ่งจั้ง ก่อนสลายหายไป
“ใครจะสังหารข้าได้! โม่ซัง แม้เจ้าจะแข็งแกร่ง แม้เจ้าจะมีลวดลายหมานสองชนิด ทว่าเจ้าก็สังหารข้าปี้ถูไม่ได้!” ปี้ถูหอบหายใจแรง ในใจเกิดนึกกลัว เขาทราบดีว่าหากไม่ใช่เพราะบุคคลลึกลับเสื้อคลุมดำมอบพลังส่วนหนึ่งเอาไว้ในร่างกายเขา เกรงว่าเมื่อครู่นี้คงไม่อาจต้านทานศีรษะสัตว์ได้
ยามนี้สภาพของเขาดูอนาถยิ่งนัก เสียดวงตาและขาไปอย่างละข้าง ทั้งยังร่างกายซูบผอมเหมือนฟืน สีหน้ามัวหมอง ทว่ายังคงแหงนหน้าหัวเราะเสียงดัง
“สังหารมันก่อน ให้เจ้าได้เห็นมันตายต่อหน้าเจ้า จากนั้นค่อยจัดการกับไอ้แก่อย่างเจ้า!” ปี้ถูหอบหายใจแรง ชี้นิ้วไปทางสายฟ้าสีดำอ่อนที่ลอยอยู่กลางอากาศ มันพลันสั่นไหว เริ่มเปลี่ยนทิศทางอย่างเชื่องช้า ดูจากท่าทางของมันแล้ว ก่อนโจมตีจะต้องเล็งเป้าหมายก่อน ฉะนั้นจึงปรับทิศทางทุกครั้ง
แต่ในช่วงที่สายฟ้าสีดำเปลี่ยนทิศทางไปยังซูหมิงที่กำลังหลับตาอยู่ กลับพบว่าเขาพลันลืมตาขึ้น โลหิตค้างคาวจันทรารอบตัวพลันหลั่งทะลัก ก่อตัวเป็นเทวรูปโลหิตชำรุดอยู่กลางฟ้าดิน
เทวรูปโลหิตขนาดไม่ใหญ่ สูงราวสี่ถึงห้าจั้ง ร่างกายของซูหมิงราวกับถูกฝังอยู่ตรงหน้าอกเทวรูปโลหิต
เทวรูปชำรุดนี้ไม่ใช่ตัวเขาเป็นคนรวมขึ้น ร่างกายของเขาเป็นเพียงภาชนะเล็กๆ ที่ทำให้ค้างคาวจันทราแสดงพลังได้อย่างเต็มที่ผ่านตัวเขาเท่านั้น ฉะนั้นเขาจึงต่อสู้กับปี้ถูได้อย่างสูสีก่อนหน้านี้
เทวรูปโลหิตเผยกลิ่นอายพลังเก่าแก่ ทุกส่วนเป็นแสงโลหิตขยับวูบวาบ ทว่าไม่มีศีรษะ มันเป็นเทวรูปชำรุด คล้ายไม่มีพลังเพียงพอจะทำให้ปรากฏสมบูรณ์ได้ แม้จะไม่มีศีรษะ กลับมีกลิ่นอายพลังน่าสะพรึงโอบล้อมอยู่รอบตัว มันสวมเสื้อเกราะสีโลหิต มองดูแล้วประหนึ่งเป็นวิญญาณนักรบเก่าแก่ยืนสูงตระหง่านอยู่กลางอากาศ
บนตัวมัน นอกจากกลิ่นอายพลังน่าสะพรึงแล้ว ยังมีความเหี้ยมโหด เสียงคำรามไม่ยอมตายดังก้องกังวานตามการปรากฏตัวของมัน มือขวาถือขวานใหญ่ชำรุด มีจิตสังหารโอบล้อม ดุจมีเสียงร้องโหยหวนจำนวนมากดังมาจากในขวาน
นี่เป็นสิ่งที่อยู่ในความทรงจำของค้างคาวจันทรา หนึ่งในเก้าเทวรูปหมานใหญ่ที่เคยเป็นของพวกมันเผ่าหมานเพลิง เคยเป็นสิ่งกราบไหว้ของชาวเผ่าหมานเพลิงเมื่อก่อนบรรพกาล กระทั่งช่วงสุดท้ายที่จ้าวหมานเพลิงสำแดงอภินิหาร ก็เคยร่วมรบกับเทวรูปอีกแปดองค์ต่อสู้กับเทพหมาน!
ศีรษะของเขาถูกเทพหมานตัด ตายตกมานานแต่โบราณกาล ยามนี้ปรากฏอีกครั้ง เป็นภาพที่ปรากฏในความทรงจำของพวกค้างคาวจันทรา หล่อขึ้นเป็นเทพด้วยโลหิตหมานเพลิงของพวกมัน
ชื่อของเขาคือ สิง!
ปี้ถูอ้าปากค้าง การต่อสู้ในครั้งนี้มีเรื่องทำให้เขาตื่นตะลึงมากมายนัก ทว่าเขากลับไม่ได้เหม่อลอย เพราะเรื่องตื่นตะลึงเช่นนี้มันเกิดขึ้นเป็นลำดับขั้น
ซูหมิงที่อยู่ตรงหน้าอกเทวรูปโลหิตไร้เศียร แววตาเป็นประกาย ร่างเทพอำมหิตพลันก้าวเดินไปเบื้องหน้า เมื่อเหยียบฝ่าเท้าลง ราวกับมวลอากาศสั่นสะเทือน
แต่ซูหมิงทราบดี แรงสั่นสะเทือนดังกล่าวเป็นเพียงภาพมายา การปรากฏตัวของเทพอำมหิตองค์นี้เกิดขึ้นจากความทรงจำของค้างคาวจันทรา บางทีเขาอาจจะมีพลังที่แข็งแกร่งจริงๆ ทว่าก็ตายตกไปแล้ว อีกอย่างคือมันไม่ใช่ของจริง ฉะนั้นพลังอาจจะมีเพียงน้อยนิด
และสำคัญที่สุดคือ ในช่วงที่เทพอำมหิตปรากฏตัวขึ้น ซูหมิงสัมผัสได้ทันทีว่าเขากำลังจะหายไปในอีกไม่ช้า อย่างมากสุดก็แค่หลายลมหายใจเท่านั้น
เมื่อเทพอำมหิตหายไป สิ่งที่ต้องแลกมาคือการตายของค้างคาวจันทราทั้งหมด ถึงตอนนั้นซูหมิงจะคืนร่างเดิมและถูกพลังย้อนกลับ ไม่เพียงแต่จะหมดคุณสมบัติต่อสู้กับปี้ถูเท่านั้น แม้แต่ตัวเขาเองตกยังอยู่ในอันตราย
ขณะแววตาซูหมิงขยับประกาย เทพอำมหิตก้าวเดินไปเบื้องหน้า ฟ้าดินสั่นสะเทือน ระลอกคลื่นแผ่เป็นวงกว้าง หนึ่งก้าวเหยียบลงเข้าประชิดตัวปี้ถูที่กำลังตื่นกลัว พลันยกขวานในมือแล้วสับลงไป สายฟ้าสีดำลากยาวเข้ามา ตรงเข้าใส่เทพอำมหิตในทันที
ปี้ถูตัวสั่นเทา ยามนี้เขาสัมผัสได้ถึงอันตรายที่มากกว่าศีรษะสัตว์ของโม่ซัง ความหวาดกลัวผุดขึ้นมาจากวิญญาณ เขาทราบดีว่า หากช้าเพียงแม้แต่เศษเสี้ยว จะต้องถูกทำลายจนดับสูญแน่
ฉะนั้นเขาจึงใช้นิ้วกดไปที่ขาซ้ายอย่างไม่ลังเล พร้อมกับกัดฟัน เส้นเลือดผุดขึ้นทั้งตัว
เส้นเลือดเหล่านั้นก่อรูปขึ้นเป็นภาพค้างคาวจันทราที่สมบูรณ์ ก่อนพลันแตกกระจาย ทำให้เส้นเลือดไม่อาจรวมได้ ที่สำคัญคือตัวเขา ขณะอยู่ในช่วงความเป็นและความตาย เขาเลือกสละพลังขั้นชำระล้าง แม้จากนี้ไปขั้นพลังจะลดลง ทว่าก็ยังดีกว่าตาย
เมื่อลวดลายหมานชำระล้างแหลกสลาย สายฟ้าสีดำพลันเปล่งแสงทมิฬแกร่งกล้าที่สุด ก่อนเข้าถึงตัวเทพอำมหิต!