Skip to content

สู่วิถีอสุรา 1128

ตอนที่ 1128 ทำลาย กาฝาก

ท่ามกลางทะเลแสงม้วนตลบ ภายใต้ความเจ็บปวดกายเนื้อถูกฉีกเหลือเพียง มือขวา ซูหมิงไหลไปตามทะเลแสงอยู่ในข้างล่างแห่งความว่างไม่มีสิ้นสุดเปล่า นอกจักรวาล ถูกม้วนพาไปไม่หยุด

กายเนื้อฉีกขาด จิตแรกป่นปี้ สิ่งที่มอบให้เขาคือความเจ็บปวดจนเกือบชา หากไม่ใช่เพราะประตูยมโลกในร่างเขากำลังปล่อยกลิ่นอายยมโลกไม่หยุดเพื่อบำรุง จิตแรกให้คงความเร็วในการสมานแผลเอาไว้ เกรงว่าเขาคงวิญญาณสูญสลายไปแล้ว

โดยรอบเงียบสงบ ทะเลแสงม้วนไปอย่างเงียบเชียบ ไม่มีเสียงใดๆ ที่นี่มีแต่แสง แสงไม่มีสุดสิ้น

ท่ามกลางความเงียบ ซูหมิงพยายามรู้สึกถึงประตูยมโลกในร่างกาย และยังมีเมล็ดพันธุ์แห่งการทำลายล้างชีวิต เขาทำได้เพียงใช้วิธีเบี่ยงเบนความสนใจตัวเอง เพราะแสงสว่างโดยรอบมีแข็งแกร่งและอ่อนแอ ทว่าแสงที่อ่อนที่สุดก็ทำให้จิตแรกเขาเจ็บปวดแล้ว

ดีที่ความเจ็บปวดไม่ได้เกิดขึ้นเป็นบางครั้ง แต่เกิดขึ้นตลอดเวลา ซูหมิงจึงรู้สึกชา เพราะเดิมทีความเจ็บปวดถึงขีดสุดอยู่แล้ว ดังนั้นเลยไม่มีอะไรมาเปรียบ จึงลืมไปว่าไม่เจ็บปวดเป็นความรู้สึกอย่างไร ดังนั้นเลยไม่เจ็บปวดจริงๆ แล้ว

แต่ซูหมิงไม่ยอมแพ้ เขายังคงรักษาสติไว้ตลอด เพราะเขาเชื่อว่ากระเรียนขนร่วงจะมาช่วยตน เขาเชื่อในจุดนี้ และยังรู้ว่ากระเรียนขนร่วงมีเบื้องหลังยากจะคาดเดา มัน…..ข้ามผ่านมวลอากาศมาได้

ช่วงแรกที่เผชิญหน้ากับการโจมตีนั้นของเทพโบราณเจ็ดดาว นี่คือความคิดเดียวของเขา แม้ร่างเขาจะแกร่ง ทว่าก็ยังไม่อาจต้านแรงระเบิดตัวเองหลังจากเทพโบราณทำลายดาวเจ็ดดวง แม้กระทั่งทำลายร่างกาย ชีวิต ตราประทับรวมถึงวิญญาณ ตัวเองได้

บางทีเตาหลอมลำดับห้าอาจทำได้ ทว่าการอัญเชิญเตาหลอมลำดับห้าต้องใช้เวลา แต่การระเบิดตัวเองของเทพโบราณกะทันหันยิ่ง ตอนนั้นไม่มีเวลาให้เขาเตรียมตัวมากนัก

แล้วก็พลังการย้อนเวลา เพราะว่าตอนนั้นแรงระเบิดตัวเองจากเทพโบราณมหาศาลเกินไปจึงใช้การย้อนเวลาไม่ได้

ถึงซูหมิงจะไม่ได้ใช้ แต่ในเสี้ยวพริบตานั้นเขาก็ได้เข้าใจอย่างแจ่มชัด

จะวิญญาณสูญสลายไปกลางแรงระเบิดหรือว่าจะทำลายมวลอากาศเข้าไปในข้างล่างแห่งความว่างเปล่าที่เต็มไปด้วยอันตรายเหมือนกัน เขาเลือกอย่างหลัง

เขาในยามนี้ลอยอยู่กลางทะเลแสง ถูกคลื่นใหญ่ที่รวมจากแสงม้วนพาไป ผ่านไปไม่รู้นานเท่าไร ไม่รู้ห่างไปไกลเท่าไร เพื่อให้ตนยังคงสติเอาไว้และไม่หมดสติไปภายใต้ความเจ็บปวดตลอดเวลา เขาจึงใช้สมาธิทั้งหมดรวมไปที่ประตูยมโลกกับเมล็ดพันธุ์แห่งการทำลายล้างชีวิตในร่างกาย เพราะนอกจากสองสิ่งนี้แล้ว เขาก็ไม่มีอะไรให้สนใจอีก

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาสังเกตเมล็ดพันธุ์แห่งการทำลายล้างชีวิต แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขามองมัน สัมผัสและรู้สึกถึงอย่างใจจดจ่อภายใต้สภาพแวดล้อมแบบนี้

เขาพบว่าเมล็ดพันธุ์แห่งการทำลายล้างชีวิตหรือเศษหินที่เสี่ยวหงให้เขาในตอนนั้นซึ่งหลอมรวมกับจิตแรกของเขาเมื่อนานปีก่อนจนแยกไม่ออก เวลานี้ด้วยการบำรุงของวิญญาณเขามาหลายปี ด้วยการบำรุงทุกอย่างจากประสบการณ์ ตรงขอบมันงอกออกมาใหม่เยอะขึ้นมากแล้ว

มันดูเหมือนรูปปั้น อีกทั้งยามนี้รูปปั้นยังใกล้จะกลายเป็นครึ่งหนึ่งแล้ว ยังขาดอีกเล็กน้อยถึงจะเป็นรูปปั้นครึ่งหนึ่ง

รูปปั้นนั้นดูออกรางๆ ว่าเป็นเหมือนเรือโบราณลำหนึ่ง

แต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดซูหมิงมองไปมองมาพลันเกิดความรู้สึกแปลกมากขึ้น ความรู้สึกนี้มาจากความเร็วในการฟื้นฟูของเมล็ดพันธุ์แห่งการทำลายล้างชีวิต เหมือนว่ามันช้าลงมากจากตอนที่เขาเห็นมันครั้งแรก

เขาสนใจเมล็ดพันธุ์แห่งการทำลายล้างชีวิตอยู่บ่อยครั้งมาก แต่ตอนนี้เมื่อเกิดความรู้สึกนี้ขึ้น เขาจึงเริ่มรู้สึกทีละน้อยว่าเมล็ดพันธุ์แห่งการทำลายล้างชีวิตไม่มีวันกลับคืนสภาพสมบูรณ์แบบอย่างแท้จริง

คล้ายกับว่า…..จากความเร็วในการฟื้นฟูของมัน เมื่อผ่านไปนานจนมันสมบูรณ์ครึ่งหนึ่งแล้ว มันจะไม่งอกไปมากกว่านี้อีก

เหมือนกับว่า…..ถึงมันจะหลอมรวมกับจิตแรกเขาอย่างสมบูรณ์ แต่เมื่องอกถึงครึ่งหนึ่งแล้ว นั่นก็ยังเป็นขีดจำกัดของมัน

การคาดเดานี้เกิดขึ้นในความคิดเป็นครั้งแรก ทำให้เขาตกอยู่ในห้วงความคิดเงียบๆ

‘หรือว่าการเติบโตของเมล็ดพันธุ์แห่งการทำลายล้างชีวิตจะขาดอะไรไป?’ ซูหมิงคิดคำตอบไม่ออก ขณะตกอยู่ในห้วงความคิด เขาพลันดึงความสนใจทั้งหมดไปในเมล็ดพันธุ์แห่งการทำลายล้างชีวิตอีกครั้ง สายตามองเมล็ดพันธุ์แห่งการทำลายล้างชีวิตในจิตแรกตนที่เป็นดั่งกาฝาก กระทั่งภายใต้สมาธิตั้งมั่น ทันใดนั้นเขาก็เห็นเส้นใยจำนวนมากยืนยาวออกจากเมล็ดพันธุ์แห่งการทำลายล้างชีวิตไปยังจิตแรกเขา

เส้นใยเหล่านี้โผล่มาเพียงวูบเดียวก็หายไป ทว่าภาพที่ปรากฏอย่างกะทันหัน ก่อนหน้านี้ทำให้ซูหมิงใจสั่นสะท้าน

นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นภาพประหลาดนี้ เส้นใยที่ยืดยาวมาจากเมล็ดพันธุ์แห่งการทำลายล้างชีวิตดุจตาข่ายนั้น แม้จะ

เกิดขึ้นเพียงเสี้ยวพริบตา แต่มันกลับทำให้เขาเกิดความรู้สึกขนลุก ความรู้สึกแรกคือแมงมุม!

เมล็ดพันธุ์แห่งการทำลายล้างชีวิตดุจดั่งแมงมุม สร้างเส้นใยมากนับไม่ถ้วน ยืดยาวไปยังจิตแรกเขาก่อขึ้นเป็นตาข่ายใหญ่!

ซูหมิงในตอนนี้ลืมความเจ็บปวดจากการถูกฉีกจิตแรกอย่างต่อเนื่องไปแล้ว ลืมความรู้สึกว่าประตูยมโลกกำลังสมานจิตแรกไม่หยุด สมาธิทั้งหมดเพ่งไปยัง เมล็ดพันธุ์แห่งการทำลายล้างชีวิต

‘ไม่ถูกต้อง…..’ ทว่าครั้งนี้ไม่ว่าเขาจะสังเกตอย่างไรก็ไม่เห็นเส้นใยนั้นอีก ประหนึ่งว่าทุกอย่างก่อนหน้านี้เป็นภาพมายา แต่เขามั่นใจว่าแม้ตอนนี้จะอยู่ในความเจ็บปวด แต่ภาพก่อนหน้านี้ไม่ใช่ภาพมายาแน่ๆ

เพราะเขาซูหมิงคือผู้ชำนาญการควบคุมวิชามายา เขาจึงมีความมั่นใจในตัวเองอยู่

‘เช่นนั้นเพราะเหตุใดกันแน่ถึงทำให้ข้าเห็นภาพก่อนหน้านี้ แต่จากนั้นก็ไม่เห็นอีก…..’ ดวงตาจิตแรกซูหมิงขยับประกายวูบวาบอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นนัยน์ตาเขาเป็นสมาธิ ก่อนหันหน้าช้าๆ ไปมองแสงหลากสี ภายใต้การตัดสลับของสีหลากสีจึงเกิดเป็นแสงต่างกันและจำนวนไม่แน่ชัด

‘เป็นแสง! ไม่ผิด เป็นแสงของที่นี่ แสงบางอย่างของที่นี่ส่องสะท้อนจิตแรกของข้า เลยเกิดภาพที่เวลาปกติข้าจะมองไม่เห็น!’ ซูหมิงใจสั่นระรัว เขาพลันนึกย้อนไปถึงตอนที่เกิดเส้นใยว่ารอบๆ เกิดแสงแบบใดบ้าง

ทว่านี่เป็นเรื่องที่ยากยิ่ง แสงที่นี่ไม่ได้อยู่ตลอดเวลา จึงหาว่าเคยเกิดแสงใดในช่วงเวลาหนึ่งโดยละเอียดไม่ได้

ขณะอยู่ในห้วงความคิด นัยน์ตาซูหมิงฉายแววยึดมั่น เขาจะต้องเข้าใจให้ได้ว่าเมล็ดพันธุ์แห่งการทำลายล้างชีวิตคืออะไรกันแน่ เพราะนี่มีโอกาสสูงมากที่เขาจะไม่มีวันหาความลับเจอไปชั่วชีวิต หากมิใช่เพราะเข้ามาในนี้ก็คงจะไม่มีทางรู้เลยว่า เมล็ดพันธุ์แห่งการทำลายล้างชีวิตที่หลอมรวมกับจิตแรกตนแล้ว เหตุใดตอนเขามองมันก่อนหน้านี้ถึงเกิดความรู้สึกขนลุก!

ดวงตาซูหมิงวาววับ จิตแรกเขาที่หยุดนิ่งอยู่ในทะเลแสงพลันขยับวูบไหว ตอนนี้เองความรู้สึกเจ็บปวดจากจิตแรกพลันรุนแรงขึ้นหลายเท่า ทำให้จิตแรกเขาสั่นไหว หากไม่ใช่เพราะประตูยมโลกปล่อยกลิ่นอายยมโลกออกมาจำนวนมาก จิตแรกเขาคงจะถูกบดขยี้เป็นเสี่ยงๆ ในแทบจะทันทีแล้ว

แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นก็ยังไม่อาจลบความคิดเขา ช่วงที่จิตแรกเขาเดินทางในทะเลแสงยังต้องอดกลั้นความเจ็บปวด อดกลั้นเสียงตะโกนเพื่อระบำยความเจ็บ เพราะเขาต้องมีสมาธิจดจ่อกับเมล็ดพันธุ์แห่งการทำลายล้างชีวิต หากเขาระบำยความเจ็บปวด จิตใจจะเกิดการคลายออก และจะสังเกตเมล็ดพันธุ์แห่งการทำลายล้างชีวิตไม่ได้

จิตแรกซูหมิงเดินทางไปไม่หยุด ลองให้แสงหลากชนิดส่องสะท้อนจิตแรกตนอย่างต่อเนื่อง เวลาผ่านไปช้าๆ หนึ่งก้านธูปต่อมา เขาถูกความเจ็บปวดทรมานจน จิตแรกอ่อนแอยิ่งแล้ว ทว่าทันใดนั้นเอง แสงที่รวมจากสีแดงและขาวเข้าด้วยกันขยับวูบวาบพลางส่องผ่านจิตแรกเขา

ในทันทีที่แสงนี้ส่องผ่าน จิตแรกซูหมิงสั่นไหว เขาเห็นว่ารอบๆ เมล็ดพันธุ์แห่งการทำลายล้างชีวิตในจิตแรกขยายเส้นใยไปทั่วจิตแรก!

ขณะเดียวกันจิตแรกซูหมิงก็เคลื่อนไหวไปไม่หยุด เหมือนจะไล่ตามแสงสีแดงอมขาวนั้นไป ส่งผลให้เส้นใยของเมล็ดพันธุ์แห่งการทำลายล้างชีวิตในจิตแรกยังคงชัดเจนตลอด ไม่นานดวงตาซูหมิงวาววับ เขาเห็นว่าเส้นใยเป็นสีดำ เห็นว่าเมล็ดพันธุ์แห่งการทำลายล้างชีวิตไม่ได้หลอมรวมกับจิตแรกอย่างที่เขาเคยคิดเลย…..

นั่นคือ….

‘กาฝาก!’ ดวงตาซูหมิงขยับประกายวาว

เขาคือเผ่ายมโลก จึงเข้าใจการยึดร่างและกาฝากมากกว่าคนอื่นมาก มองแวบเดียวก็รู้แล้วว่าระหว่างเมล็ดพันธุ์แห่งการทำลายล้างชีวิตกับจิตแรกตนคือความสัมพันธ์กาฝากอย่างโจ่งแจ้ง

ซูหมิงตกอยู่ในห้วงความคิดเงียบๆ ไม่ใช่ว่าเขายอมรับความสัมพันธ์กาฝากไม่ได้ เพียงแต่ว่ามันต่างกับสิ่งที่เขาคิดไว้ก่อนหน้านี้เล็กน้อย ขณะกำลังตรึกตรอง ตรงระหว่างคิ้วจิตแรกพลันเปิดออกเป็นรอยแยกเส้นหนึ่ง ดวงตาที่สามปรากฏขึ้น ตอนที่มองเส้นในเหล่านั้น เส้นใยในดวงตาเขาพลันถูกขยายใหญ่ขึ้นอย่างไร้ขีดจำกัด

จนกระทั่งขยายไปไม่รู้กี่เท่าแล้ว ภาพที่เห็นทำให้เขามีสีหน้าเหี้ยมโหดและเหลือเชื่อขึ้นมาทันที

เขาเห็นว่าหลังจากเส้นใยทุกเส้นขยายใหญ่ขึ้นไม่รู้กี่เท่าแล้ว สิ่งที่ปรากฏคือ เส้นนับไม่ถ้วนคล้ายตะขาบ เส้นเหล่านั้นหลอมรวมเข้าไปในจิตแรกและกำลังทำลายจิตแรกไม่หยุด พอทำลายจิตแรกแล้วก็เริ่มกินอย่างบ้าคลั่ง

ที่เมล็ดพันธุ์แห่งการทำลายล้างชีวิตเติบโตบางทีอาจเกี่ยวกับที่มันกินโลหิตของฝ่าย สิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืน แต่สาเหตุที่มากกว่านั้นคือจิตแรกของซูหมิง นั่นคือสารอาหารจำนวนมากของเมล็ดพันธุ์แห่งการทำลายล้างชีวิต

การทำลายจิตแรกแบบนี้มองเห็นไม่ได้ด้วยตาเนื้อ จิตสัมผัสก็รู้สึกไม่ได้ แต่การทำลายของมันกลับดำเนินตลอดเวลา พอซูหมิงเห็นภาพนี้แล้ว ด้วยขั้นพลังของเขาจึงคาดการณ์ได้ในทันใดว่าหากกินแบบนี้ไปอีกห้าร้อยปี ถึงแม้ว่าขั้นพลังเขาจะสูงขึ้น แต่จิตแรกเขาจะเกิดความเสียหายที่ไม่อาจซ่อมแซมได้

จนกระทั่งหากผ่านไปอีกห้าร้อยปีหรือพันปีจากนี้ ไม่ว่าซูหมิงมีขั้นพลังระดับใด เขาจะหยุดการตายของจิตแรกไม่ได้!

เพราะนี่คือกาฝาก เป็นกาฝากที่ไม่มีจิตแรกใดโต้ตอบได้ เอาแต่กินอยู่ฝ่ายเดียว ทุกครั้งมันทำให้ซูหมิงคิดว่ามันช่วยเขา แต่ความจริงแล้ว…..นั่นคือกาฝากกำลังปกป้องร่างอาศัย มันยังไม่เติบใหญ่ ดังนั้นจึงต้องปกป้องชีวิตของร่างอาศัย

ซูหมิงมีสีหน้าขมขื่น เขาไม่ไล่ตามแสงสีแดงอมขาวอีก เส้นใยของเมล็ดพันธุ์แห่งการทำลายล้างชีวิตในจิตแรกเขาก็หายไปอย่างรวดเร็ว ทุกอย่างกลับมาดังเดิม หากไม่ผ่านเหตุการณ์ครั้งนี้ จนกระทั่งเขาตายลง บางทีเขาอาจจะเพิ่งรู้ว่าสิ่งที่ยึดครอง จิตแรกและสังหารเขา ที่แท้ก็คือเมล็ดพันธุ์แห่งการทำลายล้างชีวิต

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version