ตอนที่ 1141 ยึดวิญญาณอีกครั้ง!
พายุคลั่งพลังโลกแผ่กระจายออกจากใจกลางอดีตพันธมิตรเผ่าเซียนไปรอบๆ พร้อมด้วยเสียงลากยาวแหลม
ที่บอกว่าอดีตก็เพราะว่าที่นี่ตอนนี้กลายเป็นซากรกร้างแล้ว ผู้ฝึกฌานพันธมิตรเผ่าเซียนนับไม่ถ้วนตายตก ดำวมากมายพังลง สำนักจำนวนมากสูญสิ้น ทุกอย่างนี้ แม้ยังไม่ถึงขั้นทำลายล้างหนึ่งโลกแท้จริง แต่นี่ไม่ใช่การระเบิดตัวเองของวิชาต้องห้ามพันล้านวิญญาณศพ นี่เป็นเพียงการระเบิดพลังโลกระหว่างสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืนกับสามรกร้างเท่านั้น
แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น สำหรับโลกแท้จริงดาราสัจธรรมแล้วก็ยังคงเป็นมหัตภัยครั้งใหญ่ และที่ใหญ่ยิ่งกว่าคือช่องโหว่ยักษ์ที่เกิดจากวิชาต้องห้ามพันล้านวิญญาณศพซึ่งสามารถทำลายล้างหนึ่งโลกแท้จริง
ช่องโหว่นี้เป็นเหมือนกับไข่ยักษ์ที่อยู่ในช่วงสร้างตัวแต่ถูกคนตีแตกเป็นรู นี่ส่งผลให้พลังในการสร้างตัวที่เดิมทีจะให้กำเนิดเป็นมังกรแห่งเก้าสวรรค์เริ่มไหลออกไป ขณะเดียวกันเพราะมีกลิ่นอายพลังจากนอกโลกเข้ามาจำนวนมาก รอบๆ ช่องโหว่นี้จึงเกิดเค้าลางถูกกัดเซาะ แม้เค้าลางนี้จะเนิบช้า แต่ก็ดำเนินไปตลอดเวลา บางทีเมื่อผ่านไปจนถึงช่วงเวลาหนึ่ง มหาโลกสามรกร้างนี้อาจจะเสียคุณสมบัติในการเป็นฝ่าย ที่สามนอกเหนือจากฝ่ายสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืนกับเงามืดรุ่งอรุณ!
หากมหาโลกสามรกร้างมีชีวิต หากมันรู้สึกถึงความเจ็บปวด เช่นนั้นตอนนี้มันคงรู้สึกเจ็บจนยากจะบรรยายและชีวิตกำลังไหลออกไปอย่างรวดเร็ว ต่อจากนั้นมันจะนำความเจ็บปวดนี้กระจายไปยังทุกสิ่งมีชีวิตในมหาโลกสามรกร้าง ทำให้ยามนี้ทะเลเต๋าในสำนักดาราสัจธรรมไหลเชี่ยวและส่งเสียงคำรามด้วยความเจ็บปวด
ขณะเดียวกัน ณ โลกแท้จริงดาราสัจธรรม ในฟ้ากระจ่างดาวที่ยังไม่โดนพายุหมุนพลังโลก ดวงดาวนับไม่ถ้วนตอนนี้กำลังสั่นไหว สิ่งมีชีวิตมากมายคำรามด้วยความเจ็บปวด พวกมันรู้สึกโดยสัญชาตญาณว่าชีวิตตนกำลังไหลออก ร่างกายไปจนถึงวิญญาณเกิดความเจ็บปวดราวเสียส่วนหนึ่งไป
ทุกสิ่งมีชีวิตเป็นเช่นนี้ รวมถึงผู้ฝึกฌาน ไม่ว่าจะเป็นผู้ฝึกฌานพันธมิตรเผ่าเซียนหรือศิษย์สำนักดาราสัจธรรม ในพริบตานี้ล้วนรู้สึกถึงความเจ็บปวดจากในร่างกาย รู้สึกถึงการไหลออกของชีวิต และยังรู้สึกถึงความกลัวยากจะบรรยาย
ประหนึ่งว่าจักรวาลนี้…..ต่างไปจากอดีต เหมือนกับปราการยักษ์ไร้รูปเปิดรอยแตกจุดหนึ่ง
ไม่เพียงแค่โลกแท้จริงดาราสัจธรรมที่เป็นเช่นนี้ โลกแท้จริงหยินศักดิ์สิทธิ์ก็เกิดเหตุการณ์แบบเดียวกันกับทุกสิ่งมีชีวิต เกิดขึ้นในใจผู้ฝึกฌานทุกคน ความเจ็บปวดจากวิญญาณ การสั่นไหวจากดวงดาวทั้งหมด ทำให้ตอนนี้โลกแท้จริงหยินศักดิ์สิทธิ์เกิดความวุ่นวายครั้งใหญ่
ในเวลาเดียวกัน ผู้แข็งแกร่งทุกคนในโลกแท้จริงหยินศักดิ์สิทธิ์ โดยเฉพาะผู้ฝึกฌาน ขั้นชะตาขึ้นไป กระทั่งเจ้าภัยพิบัติแห่งโลกแท้จริงหยินศักดิ์สิทธิ์กับผู้ยิ่งใหญ่โลกแท้จริงหยินศักดิ์สิทธิ์คนนั้น เวลานี้ล้วนรู้สึกถึงทุกอย่างนี้อย่างชัดเจน
กลางฟ้ามีภูเขาสูงมายาลอยอยู่ห้าลูก ภูเขาห้าลูกนี้มีห้าสีขยับแสงวาววับ บนยอดเขาตรงกลางสุดมีชายวัยกลางคนผู้หนึ่งยืนอยู่เงียบๆ เขาเงยหน้ามองฟ้ากว้างใหญ่ด้วยสีหน้ามัวหมอง และยังมีความตกใจน้อยๆ
“ข้ารู้สึกถึง…ช่องโหว่ยักษ์ถูกเปิดกลางสามรกร้างในโลกแท้จริงดาราสัจธรรม…พลังที่ปกป้องสามรกร้างหายไปตรงช่องโหว่นั้น…”
“ที่เจ้าสัมผัสถึงมันก็เพราะเจ้าหลอมรวมกับโลกแท้จริงหยินศักดิ์สิทธิ์ สิ่งที่เจ้าสัมผัสคือความเข้าใจของโลกแท้จริงหยินศักดิ์สิทธิ์” เสียงเบาดังแว่วมาจากรอบตัว ขณะมวลอากาศบิดเบี้ยวก็มีเด็กชายสวมชุดคลุมแดงเดินออกมาจากข้างชายวัยกลางคน
เด็กคนนี้ดูเยาว์วัยมาก แต่ดวงตากลับแฝงไว้ด้วยความแก่ชราจนไม่อาจจินตนาการ ซึ่งทำให้คนมองต้องหลงลึกเข้าไปข้างใน
“ท่านผู้ยิ่งใหญ่” ชายวัยกลางคนมองเด็กชายแวบหนึ่งแล้วประสานมือคารวะเล็กน้อย
“หลายปีก่อน ข้ารู้สึกว่ากลิ่นอายพลังของผู้ยิ่งใหญ่แห่งโลกดาราสัจธรรมอ่อนแอถึงขีดสุด จากนั้นก็หายสาปสูญไป เห็นได้ชัดว่าซ่อนตัวอยู่ จนกระทั่งเมื่อครู่นี้ ข้ารู้สึกถึงกลิ่นอายพลังของเขาอีกครั้ง แต่ก็ชั่วเสี้ยวพริบตาเดียวกลิ่นอายพลังเขาก็หายไป ขณะเดียวกันข้ายังรู้สึกถึงพลังทำลายล้างที่ข้าไม่กล้าปะทะถึงขั้นยังหวาดกลัวมาจากทางโลกแท้จริงดาราสัจธรรม
พลังนี้สังหารผู้ยิ่งใหญ่อย่างข้าได้ง่ายดาย และยังทำลายหนึ่งโลกแท้จริงได้!” เด็กชายมองไปทางโลกแท้จริงดาราสัจธรรมพลางเอ่ยเรียบๆ
คำพูดเขาทำให้ชายวัยกลางคนหน้าเปลี่ยนสี
“พลังทำลายล้างที่ทำให้ข้าหวาดกลัวได้ มันไม่ได้ทำลายโลกแท้จริงดาราสัจธรรม แต่…เปิดช่องโหว่ของมหาโลกสามรกร้างของเรา…” เด็กชายมีสีหน้าซับซ้อน แม้แต่ คนขั้นพลังอย่างเขายังมีสีหน้าร้อนรนลึกๆ ขึ้นมาโดยยับยั้งมิได้
“ประกาศออกไป โลกแท้จริงหยินศักดิ์สิทธิ์เตรียมตัวรบอย่างสุดกำลัง ให้ผู้ฝึกฌานทั้งหมดเตรียมตัว…ทำสงครามครั้งใหญ่อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน!
สงครามนี้จะเริ่มแล้ว สงครามนี้จะดุเดือดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน สงครามนี้มหาโลกสามรกร้างของเราจะสู้กับต่างแดน!
สงครามนี้ เจ้าเตรียมตัวตายได้เลย แม้แต่ข้าก็มีโอกาสสูงมากที่จะตายเช่นกัน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงผู้ฝึกฌานคนอื่น เจ้า…เตรียมตัวถูกทำลายล้างโลกแท้จริงหยินศักดิ์สิทธิ์ให้ดี
สงคราม…” เด็กชายพูดเสียงเบา
ชายวัยกลางคนข้างกายลมหายใจกระชั้น ดวงตาสองข้างหรี่ลง หากมิใช่เพราะเขาเคารพเด็กชายคนนี้อย่างยิ่ง หากเป็นคนอื่นพูดกับเขาแบบนี้ก็คงไม่เชื่อแม้แต่น้อย
ทว่ายามนี้ คำพูดของผู้ยิ่งใหญ่แห่งโลกแท้จริงหยินศักดิ์สิทธิ์ กระทั่งอีกฝ่ายยังบอกให้เขาเตรียมตัวตายให้ดี สิ่งเหล่านี้ทำให้เขาหรือเจ้าภัยพิบัติโลกแท้จริงหยินศักดิ์สิทธิ์รู้สึกหวาดกลัวยิ่ง
ภาพเหตุการณ์แบบเดียวกันเกิดขึ้นในโลกแท้จริงจักรพรรดิยมโลก เพียงแต่ว่าโลกนี้นอกจากดาวสั่นสะเทือน นอกจากผู้ฝึกฌานตื่นกลัวและเจ็บปวด นอกจาก ผู้ยิ่งใหญ่แห่งโลกแท้จริงจักรพรรดิยมโลกแล้ว หมิงหวงคนที่มีจิตใจแน่วแน่สูงสุดกลับสงบนิ่งมาก
ภายในโลกแท้จริงจักรพรรดิยมโลก ไม่รู้ว่าที่ใดกลางโลกนี้ มีพระราชวังหรูหราสูงเสียดเมฆหลังหนึ่ง ภายในพระราชวัง ข้างๆ หน้าต่างมีร่างเงายืนอยู่คนหนึ่ง
เขาเอามือไพล่หลัง สายตามองไปนอกหน้าต่าง แสงตะวันไม่เป็นระเบียบจึงเห็น หน้าตาเขาไม่ชัด เห็นเพียงเงาแผ่นหลัง
เขายืนอยู่ตรงนั้นเงียบๆ มองฟ้าส่งเสียงดังสนั่น มองผู้ฝึกฌานในโลกแท้จริงตื่นกลัว ทว่ามุมปากเขา…เหมือนยิ้ม
“ท่านผู้ยิ่งใหญ่ใกล้จะกลับมาแล้ว แผนการที่สองน่าจะได้เริ่มแล้ว” เสียงพึมพำเบาจนไม่ได้ยินเหมือนดังมาจากปากชายคนนี้ ก่อนหายไปกลางแสงตะวันที่ส่องลงมานอกหน้าต่าง
ณ โลกแท้จริงที่สี่ โลกนี้ลึกลับที่สุดในสี่โลกแท้จริง และยังมีน้อยคนนักที่จะมีสิทธิ์รู้ว่านามของมันคือโลกแท้จริงคุมขังวิญญาณ เวลานี้ทันทีที่ทางเชื่อมสู่ฝ่ายสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืนในโลกแท้จริงดาราสัจธรรมถูกฉีกออกเป็นช่องโหว่ ภายในโลกแท้จริงคุมขังวิญญาณมีเสียงคำรามแหลมนับไม่ถ้วนดังกึกก้อง
เสียงคำรามเหมือนมาจากแทบทุกแห่งในโลกแท้จริงที่สี่ เสียงคำรามดังต่อเนื่องกันจนทำให้โลกแท้จริงที่สี่สั่นไหวอย่างแรง เสียงคำรามนั้นมีสาเหตุมาจากความเจ็บปวด และยังมาจากความคลุ้มคลั่ง….
ขณะเดียวกันท่ามกลางเสียงคำรามก้องกังวาน ทุกพื้นที่ในโลกแท้จริงที่สี่มี ผู้ฝึกฌานส่วนหนึ่งไม่ส่งเสียงใดๆ เลย แม้จะหน้าขาวซีด ทว่าก็ยังคงเย็นชา
ผู้ฝึกฌานเหล่านี้มีจำนวนมาก แทบทุกพื้นที่มีอยู่ไม่น้อย พวกเขาสวมอาภรณ์แบบเดียวกัน แต่ยามนี้เสียงคำรามกึกก้องนั้นทำให้คนเหล่านี้ตัวสั่น มีสีหน้าจริงจังอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“โลกสามรกร้างมีช่องโหว่ ยังไม่ปล่อยข้าไปอีกรึ ปล่อยข้า ข้ายอมสู้เพื่อสามรกร้าง!”
“ฮ่าๆ สามรกร้างเกิดช่องโหว่ ข้ารู้สึกถึงความเจ็บปวดของมหาโลกสามรกร้าง พวกเจ้าต้องตาย ตายกันทั้งหมด…”
“นี่คือกลิ่นอายของพลังโลก และยังมีกลิ่นอายพลังของผู้ฝึกฌานต่างแดนสมควรตายนั่นอีก พวกเจ้าคนรุ่นหลังสมควรโทษประหารหมื่นครั้ง นี่คือผลจากการที่พวกข้ามอบโลกให้พวกเจ้ารึ เหตุใดยังไม่เปิดคุกคุมขังวิญญาณให้พวกข้าออกไปอีก!”
เสียงคำรามต่างๆ ดังก้อง โดยเฉพาะที่น่ากลัวคือทุกเสียงแฝงไว้ด้วยพลังจาก ขั้นพลังแกร่งยิ่ง ความน่ากลัวคือเมื่อพวกเขาร้องคำราม ผู้ฝึกฌานส่วนใหญ่ที่เฝ้ารักษาการณ์โลกนี้ต่างพากันจิตใจสั่นสะเทือนและกระอักเลือด
“ขอให้ผู้อาวุโสทุกท่านระงับโทสะก่อน ยังไม่มีคำสั่งจากผู้ยิ่งใหญ่กับเจ้าภัยพิบัติสามโลกอื่นกับผู้สูงสุดอีกสองโลก ผู้เยาว์เปิดคุกคุมขังวิญญาณให้พวกท่านออกมาไม่ได้
ต่อให้มหาโลกสามรกร้างเกิดมหันตภัยที่ไม่อาจต่อต้านก็ไม่เกี่ยวกับคุกคุมขังวิญญาณ ผู้อาวุโสทุกท่านโปรดสงบลงด้วย” เสียงแก่ชราและเย็นชาดังแว่วไปทั่วโลกแท้จริงที่สี่ แต่สิ่งที่แลกกลับมาคือเสียงคำรามที่ดังกว่าเดิมหลายเท่า
แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ผู้ฝึกฌานรักษาการณ์ที่นี่ต่างเงียบกับเสียงคำรามจากคนเหล่านี้ แม้แต่เสียงแก่ชรานั้นยังไม่กล่าวใดๆ อีก
ขณะเดียวกันในโลกแท้จริงดาราสัจธรรม พายุหมุนพลังโลกกระจายออกไปรอบๆ ไม่หยุด ตรงลำแสงเชื่อมสวรรค์ในอดีต ภายในพื้นที่ใจกลางพายุหมุน รังไหมจาก หงส์ขาวอยู่กลางพายุพลังโลกและกำลังถูกลดกำลังลงทีละชั้น ดูจากลักษณะแล้วอย่างมากสุดหลายสิบลมหายใจก็จะหายไปทั้งหมด
ห่างจากรังไหมนี้ไม่ไกล กลางพายุหมุนมีแสงสีขาวขยับวูบวาบ นั่นคือแหวนสีขาวสมบัติล้ำค่าจากฝ่ายสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืน ตอนนี้แหวนกำลังลอยขึ้นฟ้าช้าๆ ดูจากท่าทางแล้วเหมือนกำลังรับพลังโลก พยายามฝืนขึ้นไปยังช่องโหว่เพื่อกลับฝ่ายสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืน
“จ่างเต้า พวกเรารีบออกจากที่สมควรตายนี่กันเถอะ จะต้องรายงานทุกอย่างกับท่านผู้สูงส่งหวนคืนทั้งสามท่านให้เร็วที่สุดว่าที่บัดซบแบบนี้มีแผนการของฝ่ายเงามืดรุ่งอรุณเช่นนี้อยู่
เจ้าต้องช่วยข้าด้วย พวกเรา….จะอยู่ที่นี่ไม่ได้ อีกไม่นานที่นี่จะล่อผู้ฝึกฌาน สามรกร้างจำนวนมากมา เจ้ากับข้าสองคนจะให้สมบัติล้ำค่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืนถูกชิงไปไม่ได้!” ภายในแหวนสีขาว ขณะซิงจี๋เต้าตะโกนเสียงดัง ดวงตาจิตแรกก็แดงขึ้นมา ซึ่งเขากำลังควบคุมแหวนสีขาวอย่างสุดกำลัง
ชายชราชุดคลุมดำที่ถูกซูหมิงยึดร่างข้างๆ ดวงตาขยับประกายเล็กน้อยก่อนพยักหน้า แล้วยกสองมือขึ้นพร้อมส่งขั้นพลังเข้าไปในแหวนสีขาว
ทำให้ซิงจี๋เต้าผ่อนคลายแรงกดดันลง ทว่าทันทีที่แรงกดดันผ่อนลง กลับมีอันตรายร้ายแรงทำให้เขาหน้าเปลี่ยนสีอย่างรุนแรง
“จ่างเต้า….จะ….เจ้าจะทำอะไร!”