Skip to content

สู่วิถีอสุรา 1142

ตอนที่ 1142 มหันตภัยสำนักดาราสัจธรรม

ซูหมิงชำนาญในด้านการควบคุมการเปลี่ยนแปลงจิตใจของศัตรู เชี่ยวชาญในการควบคุมจุดอ่อนของอารมณ์ จุดนี้สะท้อนให้เห็นตั้งแต่ตอนล่าอยู่ภูเขาทมิฬแล้ว

จึงยิ่งไม่ต้องพูดถึงตอนนี้ที่ผ่านมาพันกว่าปี ประสบการณ์ทำให้สติปัญญาเขาเติบโตขึ้นอย่างเร็วไวยิ่ง ซิงจี๋เต้ากำลังตกใจกลัวกับเรื่องภายนอก อยากจะออกจากมหาโลกสามรกร้าง ดังนั้นซูหมิงจึงใช้ประโยชน์จากจุดนี้ลงมือช่วยผลักดันแหวนสีขาวก่อน เพื่อให้อีกฝ่ายผ่อนคลายจิตใจลง

และทันทีที่จิตใจผ่อนคลายลง จิตแรกซูหมิงรวมทั้งวิญญาณเขาพุ่งไปหาซิงจี๋เต้าอย่างไม่ลังเล การลงมือของเขารวดเร็วจนซิงจี๋เต้าไม่ทันระวัง หากเป็นเวลาอื่นเขาจะไม่มีทางเป็นเช่นนี้ ทว่าตอนนี้กำลังตกใจกับเรื่องภายนอก ตกใจกับแผนการบ้าคลั่งของซูเซวียนอีที่ประสบความสำเร็จ ประกอบกับใจคิดหนีอยู่แล้ว ดังนั้นในตัวเขาจึงเกิดจุดอ่อนที่ไม่ควรปรากฏ

“เจ้าไม่ใช่จ่างเต้า!” ซิงจี๋เต้าตะโกนเสียงต่ำ กายเนื้อเขาถูกทำลายไปแล้ว ทว่า ขั้นพลังมหาศาลจากวิญญาณยังคงแก่กล้าอยู่ ที่ซูหมิงยึดร่างชายชราชุดคลุมดำได้เพราะมีเหตุผลอยู่ ดังนั้นเลยทำได้ แต่ซิงจี๋เต้ากลับไม่ง่ายขนาดนั้น

ทว่าถึงอย่างไรซูหมิงก็ยังคงเลือกยึดร่าง หรืออาจพูดได้ว่านี่ไม่ใช่การยึดร่าง แต่เป็นการกินจากเมล็ดพันธุ์แห่งการทำลายล้างชีวิต แทบเป็นทันทีที่วิญญาณซูหมิงพุ่งเข้าไปในจิตแรกซิงจี๋เต้า ท่ามกลางเสียงร้องตะโกนของซิงจี๋เต้า แหวนสีขาวพลันเสียการควบคุม จึงถูกหมุนอย่างเร็วไวอยู่กลางพายุหมุนพลังโลก

จากนั้นพลังโลกหลั่งทะลักเข้ามา พลังโลกนี้ไม่อาจทำลายสมบัติล้ำค่าอย่าง แหวนสีขาวได้ แต่กลับทำลายซิงจี๋เต้ากับซูหมิงภายในได้

“ไม่ว่าเจ้าเป็นใคร หากพวกเราไม่ควบคุมสมบัติล้ำค่าชิ้นนี้ พวกเราก็ต้องตาย บัดซบ เจ้าบ้าไปแล้วรึ!” ชั่วขณะที่ซิงจี๋เต้าเอ่ยด้วยเสียงตื่นกลัว พลังโลกที่หลั่งทะลักเข้ามาก็กลบทุกอย่างไป

จนกระทั่งแหวนสีขาวถูกม้วนเข้าไปอยู่กลางพายุหมุน เกิดเสียงลากยาวดังก้อง ไม่มีใครรู้ว่ากลางแหวนในพายุหมุนตอนนี้กำลังเกิดการยึดร่างและกินกันอย่างบ้าคลั่งอยู่

ซูหมิงไม่ใช่อย่างก่อนหน้านี้อีกแล้ว เขาในตอนนี้เหมือนเกิดใหม่ เขาต้องไปแสวงหาชีวิตใหม่ อีกทั้งชีวิตนี้จำเป็นต้องตัดเมล็ดพันธุ์แห่งการทำลายล้างชีวิตออกจากวิญญาณตัวเองด้วย หากเป็นดังนั้นแล้ว ก็จะตัดการเสี้ยวเชื่อมต่อสุดท้ายระหว่างเขากับซูเซวียนอีไป ถึงตอนนั้นที่ตัดการเชื่อมต่อ ซูเซวียนอีจะคิดว่าเขาซูหมิงตายจากไปแล้ว กลายเป็นสารอาหารเพื่อเร่งเมล็ดพันธุ์แห่งการทำลายล้างชีวิต

ทว่าการจะทำแบบนั้นได้ ซูหมิงต้องยึดร่างยอดฝีมืออย่างเช่นซิงจี๋เต้า กินวิญญาณเขาเพื่อนำมาเสริมพลังชีวิตที่ถูกเมล็ดพันธุ์แห่งการทำลายล้างชีวิตสูบไป

ดังนั้นถึงจะยากเข็ญเพียงใด ถึงจะอันตรายแค่ไหน แต่หากไม่ทำแบบนี้ ซูหมิงก็จะตัดเมล็ดพันธุ์แห่งการทำลายล้างชีวิตออกไปไม่ได้ หากไม่ทำเช่นนี้ เขาก็จะไม่อาจหลีกหนีจากชะตากรรมสิ้นชีพ ฉะนั้นแล้ว สำหรับเขา ไม่ว่าเลือกอย่างไร ความจริงก็ไม่มีคำตอบ

เขาต้องกิน ต้องสำเร็จ นี่คือความคิดเดียวในสมองตอนที่พุ่งไปหาซิงจี๋เต้า

พายุหมุนที่มีพลังโลกปกคลุมทุกอย่างที่นี่ มีเพียงรังไหมสีขาวที่อยู่ไม่ไกลซึ่งตอนนี้ถูกลดกำลังลงทีละชั้น เห็นรางๆ ว่าในนั้นมีร่างเงาหญิงคนหนึ่งกำลังกอดตัวเองตัวสั่น ดูไร้ที่พึ่งและสิ้นหวัง

ส่วนซากปรักหักพังรอบๆ นอกจากพายุหมุนแล้วก็ไม่มีสิ่งอื่นอีก ทั้งโลกแท้จริงดาราสัจธรรมกลายเป็นซากภายในพายุหมุน

ทางสำนักดาราสัจธรรม ในสำนักดาราสัจธรรม ยามนี้ผู้ฝึกฌานทั้งหมดล้วนมี สีหน้าตื่นกลัว จุดเคลื่อนย้ายที่เชื่อมกับสำนักดาราสัจธรรมทั้งหมดถูกพายุหมุนจากต่างแดนทำลายจนหมด ทำให้ที่นี่กลายเป็นแดนไร้ทางออก ออกไม่ได้ คนนอกก็เข้ามาไม่ได้เช่นกัน

นอกสำนักดาราสัจธรรมถูกพายุหมุนรุนแรงกลบเต็มไปหมดแล้ว ผู้ฝึกฌานทุกคนที่ออกไปไม่ว่าด้วยวิธีใดก็ตามล้วนกรีดร้องแหลม เลือดเนื้อทั่วร่างหลุดออกกลายเป็นแผลเหวอะ จากนั้นแม้แต่จิตแรกกับวิญญาณยังถูกฉีกออก วิญญาณสูญสิ้นไป

ที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้เป็นเพราะผู้อาวุโสสำนักเหล่านั้นในสำนักดาราสัจธรรม พวกเขาใช้อภินิหารเลือกศิษย์จำนวนหนึ่งให้ออกไปเพื่อทดลองผล แต่ผลเป็นแบบนี้ ผู้อาวุโสสำนักเหล่านั้นจึงต่างมีสีหน้ามืดทะมึน

ตอนนี้ผู้ฝึกฌานที่ยังอยู่ในสำนักดาราสัจธรรมมีไม่มากแล้วเมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้ มีราวๆ หลายล้านคนได้ ถึงอย่างไรยามนี้ผู้ฝึกฌานสำนักดาราสัจธรรมส่วนใหญ่ก็อยู่ข้างนอก พูดได้ว่าอยู่ภายใต้พายุคลั่ง ก็ไม่รู้ว่าจะมีกี่คนที่รอดมา ดังนั้นพายุครั้งนี้จึงเท่ากับว่าทำให้สำนักดาราสัจธรรม…เสียหายอย่างหนัก

แต่ขอเพียงผ่านไปได้ ด้วยรากฐานของสำนักดาราสัจธรรมจะต้องมีวันที่ฟื้นกลับมาได้อย่างแน่นอน

ทว่าเงื่อนไขคือในระหว่างนั้น จะต้องไม่มีมหันตภัยที่อันตรายกว่านี้มาอีก มิเช่นนั้นแล้วสำนักดาราสัจธรรม…มีโอกาสสูงมากที่จะหายไปกลางแม่น้ำประวัติศาสตร์มหาโลกสามรกร้างเหมือนกับแคว้นเว่ยโบราณหลังขยายสำนักมานานไม่รู้กี่ปี

เพียงแต่ว่า…ความหวังเช่นนี้ สำหรับสำนักดาราสัจธรรมแล้วเป็นเพียงแค่ความหวังเท่านั้น กระทั่งความหวังคงอยู่ไม่

นานนักก็พังลงตามเสียงระเบิดดังสนั่นจากในแดนนั่งฌานของซูเซวียนอี

ตอนนี้แดนนั่งฌานของซูเซวียนอีแตกออกเป็นชั้นๆ ท่ามกลางเสียงดังสนั่น เพียงสิบกว่าลมหายใจก็พังพินาศลง ห้องลับพังลง มิติถล่มทลาย จากนั้นมีกลิ่นอายมารเหลือล้นที่เหมือนปะทุขึ้นมาใหม่อีกครั้งหลังถูกยับยั้งมาหลายหมื่นปีแผ่กระจายออกมา

สิ่งที่ตามมาพร้อมกับกลิ่นอายมารคือร่างเงาเส้นผมยาวทั้งศีรษะ สวมชุดคลุมดำเดินออกมาจากซากแดนนั่งฌานช้าๆ การปรากฏตัวของเขาทำให้ฟ้าในโลกนี้พลันกลายเป็นสีดำ แผ่นดินสั่นสะเทือนพร้อมเกิดรอยร้าวขึ้นนับไม่ถ้วน

“ผู้ยิ่งใหญ่ ตอนนั้นเจ้าระเบิดกายเนื้อผนึกร่างข้าเอาไว้! เต้าเฉิน เจ้าใช้ยอดวงแหวนอาคมวิญญาณหวนคืนบรรจุดวงจิตเอาไว้ที่นี่ ผนึกข้าไว้ในห้องลับให้ออกมาไม่ได้

แต่วันนี้…” ร่างเงาสีดำเงยหน้าหัวเราะลากยาวอย่างชั่วร้าย รอยยิ้มมีคลุ้มคลั่ง มีความกระหายเลือด และยังมีความเสียสติที่ยอมทำลายล้างจักรวาลเพื่อบรรลุเป้าหมาย

“แต่วันนี้ ท่านผู้ยิ่งใหญ่ เจ้าตายตกไปแล้ว เข้าไปในกายเนื้อที่ข้าเตรียมไว้ให้เจ้าเอง ผนึกของเจ้าเลยหายไปด้วย!

เต้าเฉิน…ถึงดวงจิตของเจ้าจะหลอมรวมเข้าสู่มิติจนสร้างขึ้นเป็นผนึกห้องลับ แต่เจ้าคงนึกไม่ถึงว่าจะปรากฏพายุหมุนพลังโลกขึ้น ทำให้ผนึกของเจ้าอยู่ในสภาพอ่อนแอที่สุด และข้าที่ฟื้นกลับมาอย่างสมบูรณ์แบบทำลายผนึกของเจ้าได้อย่างง่ายดาย!” ร่างเงาสีดำนั้นมาพร้อมด้วยกลิ่นอายมารเหลือล้น เขาคือ…ซูเซวียนอี!

“ตอนนั้นแซ่ซูเคยสาบานว่าหากวันใดที่ข้าออกจากผนึกนี้ ข้าจะทำลายล้างสำนัก ดาราสัจธรรมของเจ้าด้วยโลหิตเพื่อแก้แค้นในครั้งนั้น!” ซูเซวียนอียิ้มมุมปาก กระหายเลือด ข้างหลังเขาเป็นซังยืนอยู่เงียบๆ กำลังมองทอดไกล ไม่รู้คิดอะไรอยู่ แต่เขาเข้าใจว่าสำนักดาราสัจธรรม…มาถึงปลายทางแล้ว

ช่วงที่ซูเซวียนอียิ้มมุมปาก เขาขยับวูบไหวออกจากตรงนั้นไปในพริบตา ทันใดนั้นเองเกิดเสียงดังสนั่นฟ้า โลกนี้พังทลายลงทั้งหมด

ในเวลาเดียวกัน ในสำนักดาราสัจธรรม แผ่นดินใหญ่ที่ลอยอยู่เก้าแห่งสั่นสะเทือน เกิดเสียงดังสนั่นที่ทำให้ผู้ฝึกฌานในสำนักทั้งหมดใจสั่นสะท้าน ชั่วขณะนี้เอง พวกเขาล้วนเห็นภาพที่ไม่มีวันลืมไปชั่วชีวิต ถึงขั้นพูดได้ว่าเป็นแสงสว่างสุดท้ายในชีวิต

พวกเขาเห็นว่าหนึ่งในเก้าแผ่นดินใหญ่พังทลายลง รวมถึงทุกสิ่งมีชีวิตข้างบน แม่น้ำภูเขาทั้งหมด สิ่งก่อสร้างทุกอย่างล้วนพังพินาศลงเป็นเสี่ยงๆ

ชายวัยกลางคนสวมเสื้อคลุมดำ เส้นผมยาวยืนอยู่ตรงจุดที่เดิมทีเป็นแผ่นดินใหญ่แต่ตอนนี้พังลง เขาก้มหน้ามองแผ่นดิน ในแววตาหยั่งลึกไม่มีที่สิ้นสุด ในความลึกนั้นเหมือนมีเปลวเพลิงกำลังเผาไหม้อย่างบ้าคลั่ง

“ข้าในตอนนั้นเคยกล่าวเอาไว้ว่าสร้างยมโลกแห่งโลกนี้” เสียงเขาไม่ดัง แต่ช่วงที่ดังออกไปกลับทำให้มวลอากาศสั่นไหว ฟ้าสั่นสะเทือน ทุกแผ่นดินเกิดเสียงครึกโครม ผู้ฝึกฌานทั้งหมดใจสั่นพลางเกิดความกลัวจนไม่อาจบรรยาย

ซูเซวียนอียิ้มก่อนก้าวเดินพลางยกมือขวาโบกไป จึงเกิดเสียงอึกทึกขึ้น มีแผ่นดินใหญ่แห่งหนึ่งพังลง

“หลายปีมาแล้ว ข้ารอวันนี้มาตลอด” ซูเซวียนอีขยับวูบไหวตัวอีกครั้ง ก่อนเกิดเสียงอึกทึกดังติดกันสามครั้ง ในเก้าแผ่นดินใหญ่เหลือเพียงสี่แผ่นดิน!

“เจ้าเป็นใคร!” เสียงตะโกนด้วยความหวาดกลัวและโกรธดังแว่วมาไกลๆ ขณะเดียวกันมีสายรุ้งยาวหลายสิบสายห้อทะยานเข้ามา คนนำหน้าคือสามผู้เฒ่าตะวันจันทราและดารา

พวกเขาจ้องซูเซวียนอีตาเขม็ง รูปลักษณ์เขาในความแปลกตามีความคุ้นเคยอยู่ แต่พวกเขากลับนึกไม่ออกว่าอีกฝ่ายเป็นใคร

“ข้าเป็นใคร?” ซูเซวียนอียิ้มเยาะมุมปาก เขาพลันเงยหน้าหัวเราะเสียงดัง ก่อนยกมือขวาขึ้นไม่แม้แต่ขยับตัว เพียงชี้ไปยังผู้เฒ่าตะวันคนที่พูดก่อนหน้านี้

“กายเนื้อบุคคลนี้เซ่นไหว้แก่เผ่าพันธุ์ข้า วิญญาณบุคคลนี้เป็นอาวุธของข้า”

เพียงชี้ไป ผู้เฒ่าตะวันที่มีพลังขั้นดับหรี่ตาแคบลง ขณะเดียวกันเขาร้องเสียงแหลมเล็ก ร่างกายแห้งเหี่ยวลง ชั่วขณะที่ใกล้จะสิ้นชีพนั้น เขายกมือขวาตบตรงระหว่างคิ้วตัวเอง เกิดเสียงโครมดังขึ้น กายเนื้อเขาระเบิดออก แต่จิตแรกหนีออกไปได้

“ขั้นพลังผู้ยิ่งใหญ่ เขามีขั้นพลังผู้ยิ่งใหญ่!” ระหว่างที่เสียงแหลมเล็กดังก้อง จิตแรกผู้เฒ่าตะวันเกิดการสั่นไหว ท่ามกลางสายตาเหลือเชื่อของทุกคน พริบตาเดียวก็กลายเป็น…..กระบี่ไม้สีแดงฉาน

กระบี่ไม้ขยับวูบวาบพุ่งมาหาซูเซวียนอี วนรอบตัวเขากลายเป็นของวิเศษ หากสังเกตกระบี่ไม้ดีๆ มันมีกลิ่นอายเหมือนกับกระบี่ไม้ที่เขาจะให้ซูหมิงในตอนแรกทุกประการ!

“วิชาแห่งการสร้าง นี่คือ…..พลังของผู้ยิ่งใหญ่!” ผู้เฒ่าจันทรากับผู้เฒ่าดาราหน้าเปลี่ยนสีอย่างรุนแรง ผู้อาวุโสสำนักทั้งหมดข้างหลังพวกเขาล้วนหน้าขาวซีด

“เขาคือผู้ยิ่งใหญ่!” ผู้เฒ่าจันทราพูดขึ้นอย่างเหลือเชื่อ

“ผู้ยิ่งใหญ่? เจ้ามองดูดีๆ ว่าข้าคือใคร!” ซูเซวียนอีสะบัดแขนเสื้อ ใบหน้าพลันเปลี่ยนไป กลิ่นอายพลังกลายเป็นของเต้าเฉิน!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version