ตอนที่ 1143 ฝุ่นละออง
ทันทีที่กลิ่นอายพลังที่ผู้อาวุโสสำนักดาราสัจธรรมเหล่านั้นคุ้นเคยปะทุออกมา พวกเขาก็จำได้เลยว่าพลังนี้….มาจากบรรพบุรุษเต้าเฉินของพวกเขา!
“เป็นไปไม่ได้ นี่มันเป็นไปไม่ได้….” ผู้เฒ่าจันทราตัวสั่น นัยน์ตาฉายแววเหลือเชื่อ และยังมีความเศร้าถึงขีดสุด
“ซูเซวียนอี! เจ้าคือซูเซวียนอี!” ผู้เฒ่าดาราหายใจกระชั้นก่อนเอ่ยขึ้น น้ำเสียงแฝงไว้ด้วยความกลัวและสิ้นหวังไม่อาจบรรยาย
“แซ่ซูจำเจ้าได้ ตอนนั้นเจ้ายังไม่ใช่ผู้อาวุโสสำนัก” ซูเซวียนอียิ้ม มองผู้เฒ่าดาราพลางยกมือขวาขึ้นชี้ไป
ฟ้าดินครื้มลง เสียงกรีดร้องแหลมจากผู้เฒ่าดาราทำให้ทุกคนที่ได้ยินใจสั่นไหว ตอนที่โลกสว่างอีกครั้ง ผู้เฒ่าดาราหายไปแล้ว ยอดฝีมือขั้นดับผู้องอาจกลายเป็นกระบี่ไม้สีแดงลอยอยู่รอบตัวซูเซวียนอี
“หนี! ศิษย์สำนักดาราสัจธรรมทั้งหมด สำนักดาราสัจธรรมจบสิ้นแล้ว พวกเจ้า จงใช้ความสามารถทั้งหมดหนีไป!” ผู้เฒ่าจันทราที่เหลือรอดจากสามคนฝืนยิ้มด้วยความปวดร้าว ในใจเกิดความบ้าคลั่งขึ้น คำพูดเต็มไปด้วยความเศร้ารันทด เมื่อเอ่ยออกไปแล้วก็พุ่งไปหาซูเซวียนอี ชั่วขณะที่ซูเซวียนอียกมือขวาขึ้น ผู้อาวุโสสำนักขั้นดับแห่งสำนักดาราสัจธรรมคนนี้เลือกสู้อย่างอาจหาญ!
“ข้าเกิดที่ดาราสัจธรรม ก็ขอตายที่ดำราสัจธรรม ที่นี่คือบ้านข้า ถึงข้าจะตาย ก็ได้ตายเพื่อปกป้องบ้านข้า!
สำนักดาราสัจธรรม หากรอดไปได้ หากเจ้ายังอยู่ ข้าก็ยังอยากเป็นคนสำนักดาราสัจธรรม!” ขณะผู้เฒ่าจันทราตะโกนเสียงดังก้อง ร่างกายเขาพลันเผาไหม้ กายเนื้อ ลุกโชน จิตแรกแผดเผา วิญญาณก็เผาไหม้เช่นกัน แรงทำลายล้างจากการระเบิดตัวเองพลันปะทุมาจากตัวเขา
ขณะเดียวกันผู้อาวุโสสำนักเหล่านั้นข้างหลังเขาต่างมีสีหน้าคลุ้มคลั่ง แม้จะมีบางส่วนหนีไปอย่างรวดเร็ว แต่คนที่มากกว่ากลับร้องตะโกนพร้อมเลือกระเบิดตัวเองหากไม่อาจอยู่คู่กับสำนักดาราสัจธรรม เช่นนั้นพวกเขายอมตายไปพร้อมกับมัน!
การระเบิดตัวเองของผู้อาวุโสสำนักหลายสิบคนคือความบ้าคลั่งน่าสะพรึงกลัว แต่ความบ้าคลั่งนี้…ลิขิตไว้แล้วว่าไม่อาจระเบิดได้ ซูหมิงควบคุมเวลาได้ จึงยิ่งไม่ต้องพูดถึงซูเซวียนอี!
เขาเพียงยกมือขวาโบกไปข้างหน้า ทันใดนั้นฟ้าดิน จักรวาล มวลอากาศพลันเกิดการย้อนเวลา การระเบิดตัวเองของผู้อาวุโสสำนักเหล่านั้นย้อนกลับ ขณะเดียวกับที่การระเบิดมอดดับทุกคนต่างทยอยกันกลายเป็นกระบี่ไม้สีแดง
“นับจากนี้จะไม่มีสำนักดาราสัจธรรม!” ซูเซวียนอีกล่าวเรียบๆ แล้วยกสองมือขึ้นโบกไปข้างนอก กระบี่ไม้หลายสิบเล่มรอบตัวเขาพุ่งไปรอบๆ จุดที่ผ่านแผ่นดินจะพังทลาย ผู้ฝึกฌานจะกรีดร้องพร้อมร่างถูกฟันขาด แต่ที่แปลกกว่าคือ กระบี่ไม้ที่เดิมทีมีเพียงหลายสิบเล่ม แต่เมื่อสังหารคนจะปรากฏกระบี่ไม้เล่มใหม่ขึ้นจากศพคน คนนั้นทันที
ดังนั้นแล้ว เมื่อกระบี่ไม้เหล่านี้กวาดล้าง จำนวนพวกมันจึงเยอะขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้หากใช้จิตสัมผัสมองไปจะเห็นชัดว่าในกระบี่ไม้เหล่านั้นล้วนมีวิญญาณของคนสำนัก ดาราสัจธรรม วิญญาณพวกเขาดูเจ็บปวดอย่างหาที่สุดมิได้ ได้แต่มองกระบี่ไม้จากตัวเองสังหารสหายร่วมสำนัก สังหารสหายสนิท กระทั่งมิตรสหาย อีกทั้งพวกเขายังต้องรับความเจ็บปวดจากการสังหารคนรักด้วยมือตัวเอง
ทว่าตัวการของทุกอย่างหรือซูเซวียนอีเพียงยืนอยู่กลางอากาศ มองความตายและเข่นฆ่ารอบตัวเหมือนกำลังเสพสุข มองการทำลายล้างรอบตัวรวมถึงเสียงคำรามที่แฝงไว้ด้วยความเจ็บปวด
“ฆ่าล้างตระกูลให้หมดเถอะ ทำลายล้างสำนักเสีย ภาพที่พวกเจ้าทำไว้กับ โลกแท้จริงที่ห้า ข้าซูเซวียนอีจะคืนให้หลายเท่า นี่…..เป็นเพียงเริ่มต้น” ซูเซวียนอียิ้ม ซังข้างหลังเขามองทุกอย่างรอบตัวเงียบๆ นัยน์ตาเขามีการดิ้นรนและลังเลใจ ผ่านไปพักใหญ่ถึงลอบถอนหายใจแล้วก้มหน้าลง
ผ่านไปไม่นานทั้งสำนักดาราสัจธรรมถูกปกคลุมไปด้วยกลิ่นคาวเลือดและการสังหารอย่างบ้าคลั่ง แผ่นดินแต่ละแห่งพังทลายลง ไม่นานนักเก้าแผ่นดินที่ลอยอยู่กลายเป็นซากชิ้นตกลงทะเลเต๋า
เก้าสิบเก้าแผ่นดินโลกตรงกลางก็ยากจะหนีรอดจากเคราะห์ภัยเช่นกัน แต่ละแห่งมีกระบี่ไม้สีแดงมากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งเหลือคณานับกวาดล้าง ทำให้ทุกอย่างพังลงพร้อมกัน
ไม่ว่าหญิงชาย ไม่ว่าชราหรือผู้เยาว์ ต่อให้เป็นเด็กน้อยก็ยังต้องตายไปพร้อมกับเสียงกรีดร้อง นี่คือการทำลายสำนัก ทำลายทุกอย่างของหนึ่งสำนักจนหมดสิ้น
ยามนี้มีเสียงคำรามหลายเสียงดังก้อง ภายในทะเลเต๋าข้างล่างมีสายรุ้งสี่สายพุ่งออกมา ภายในสายรุ้งยาวสี่สายนั้นเป็นสัตว์วิญญาณสี่ตัวของสำนักดาราสัจธรรม มังกรเขียว พยัคฆ์ขาว นกกระจอกแดง เต่าทมิฬ!
สัตว์สี่ตัวนี้ตาแดงก่ำ พวกมันพุ่งเข้าไปหาซูเซวียนอีในพริบตา ตัวที่เร็วที่สุดคือนกกระจอกแดง มันเพิ่งเข้าไปใกล้ก็ถูกซูเซวียนอีโบกมือมือใส่ ทะเลเพลิงพลันโอบล้อมตัวมัน นกกระจอกแดงเกิดจากเพลิง แต่ยามนี้มันกลับร้องคำรามเสียงแหลมกลางทะเลเพลิงก่อนกลายเป็นเถ้าธุลีหายไป
แสงกระบี่ขยับวิบวับ มังกรเขียวที่พุ่งเข้ามาถูกตัดหัว จิตแรกดับสูญไป เหลือเพียงร่างกายยาวตกลงไปยังเศษซากแผ่นดิน สิ่งที่ตกไปพร้อมกันคือพยัคฆ์ขาว ร่างมันไม่สมบูรณ์อีก แต่กลายเป็นเศษเนื้อนับไม่ถ้วนตกลงไปดุจดั่งฝนโลหิต
ส่วนเต่าทมิฬ กระดองมันแตกออก หลังซูเซวียนอีควักหัวใจโลหิตใสแจ๋วออกมาแล้วก็บีบมือ เปลี่ยนกลายเป็นเม็ดยากินเข้าไป
“เม็ดยาแห่งเต่าทมิฬ รสชาติก็ไม่เลว” ซูเซวียนอีพูดเบาๆ เหมือนกำลังนึกถึงรสชาติ นัยน์ตาหวนคะนึงคิด
เสียงระเบิดดังสนั่น หลังเก้าสิบเก้าแผ่นดินถล่มลง ต่อมาคือแผ่นดินใหญ่เก้าร้อบเก้าสิบเก้าแห่งพังทลายลง รวมถึงสิ่งมีชีวิตไร้ความผิดเหล่านั้น ล้วนถูกชิงสิทธิ์ในการมีชีวิตไปภายใต้ภัยพิบัติครั้งนี้ทั้งหมด
สำนักดาราสัจธรรมถูกทำลายจนหมดสิ้นแล้ว ท้องฟ้าพังลง แผ่นดินเป็นซาก โลหิตย้อมหมอกทะเลเต๋าเป็นสีแดง กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งไปทั่วทุกแห่ง
“สำนักดาราสัจธรรมแบบนี้ต่างหากที่ถูกตาสบายใจที่สุด” ซูเซวียนอีหยุดการนึกถึงรสชาติ ก่อนยกมือขวาตบไปยังท้องฟ้าผุพัง ทันใดนั้นเกิดเสียงโครมอีกครั้งตรงจุดที่สูงที่สุด หอคอยของผู้อาวุโสสำนักที่อยู่สูงยิ่งแตกลงเป็นเสี่ยงๆ และยังมีป้ายที่สร้างขึ้นจากวัตถุดิบล้ำค่าโดยไม่เสียดายซึ่งเดิมทีถูกตั้งไว้กลางฟ้าที่ไกลยิ่งกว่าและตาเนื้อมองไม่เห็น
ป้ายที่เขียนไว้ว่าสำนักดาราสัจธรรมซึ่งถูกสืบทอดมาไม่รู้กี่ปีตั้งแต่สร้าง สำนักดาราสัจธรรม เวลานี้ตกลงมาแตกเป็นชิ้นๆ
ซูเซวียนอียิ้ม เขามองสำนักดาราสัจธรรมที่ไม่พังจนไม่อาจคืนกลับมาได้แล้วหมุนตัวเดินไปทางมวลอากาศ ซังตามอยู่ข้างหลังเงียบๆ สองคนเดินออกจากสำนัก ดาราสัจธรรม จากนั้นเข้าไปในพายุหมุนบ้าคลั่ง
“จบแล้ว ยังเหลืออีกเรื่องหนึ่งก็จะสมบูรณ์แบบ” ซูเซวียนอียืนอยู่ในพายุหมุน กาลเวลาในตัวเขาบิดเบี้ยว เหมือนว่าจะส่งผลถึงพายุหมุนในพื้นที่ที่กำหนดข้างนอกด้วย จึงทำให้พวกมันหายไป ทำให้ฟ้ากระจ่างดาวในพื้นที่ที่กำหนดนี้ถูกหยุดนิ่งไว้เมื่อหลายปีก่อนไปชั่วนิรันดร์
“ซูหมิง บุตรข้า เจ้าอยู่ที่ใด…..” ซูเซวียนอียิ้มเล็กน้อย ขณะที่ดวงตาสองข้างจะปิดลงเพื่อตามหา ในที่สุดซังข้างหลังก็เงยหน้าขึ้นมองเงาแผ่นหลังซูเซวียนอี
“ท่านเคยรับปากข้าแล้ว” ซังพูดเสียงต่ำ