ตอนที่ 1140 ยึดร่าง!
นี่คือสู่ภายนอก….
และก็สู่ภายใน….
ทันทีที่จิตสัมผัสซูหมิงกลับเข้าไปในร่างชายชราคนชุดคลุมดำ ร่างชายชราคน ชุดคลุมดำก็พุ่งออกจากลำแสงด้วยความกลัวและเหลือเชื่อ ซูหมิงเองก็รู้สึกถึงอันตรายร้ายแรงเช่นกัน
อันตรายนี้ไม่ได้มาจากกายเนื้อร่างจริงที่เขาคิดว่าเป็นของตน แต่มาจาก….มือขวากลางจิตแรกเขา!
มือขวาซูหมิงที่ปล่อยพลังที่เหนือกว่าขั้นพลังเขาได้ ตอนนี้เกิดระลอกคลื่นที่มีอันตรายถึงชีวิตต่อเขา มือขวานี้ไม่ได้ระเบิดตัวเองเหมือนกายเนื้อนั้น แต่….มันหลอมละลายในพริบตา กลายเป็นพลังงานบำรุงเมล็ดพันธุ์แห่งการทำลายล้างชีวิตในจิตแรก!
บางทีพลังงานนี้อาจจะไม่ทำอันตรายเขา แต่มันกลับทำให้เมล็ดพันธุ์แห่งการทำลายล้างชีวิตที่เป็นกาฝากวิญญาณเขาเปลี่ยนไปจากการสูบช้าๆ เป็นสูบอย่าง บ้าคลั่ง เปลี่ยนเป็นการช่วงชิงอย่างโจ่งแจ้ง
การช่วงชิงนี้ดำเนินไปได้ไม่นานนัก มีเพียงตอนที่เมล็ดพันธุ์แห่งการทำลายล้างชีวิตใกล้จะสุกแล้วเท่านั้นถึงจะระเบิดออก ใช้ความบ้าคลั่งในเวลาสั้นๆ ทำให้มันสมบูรณ์แบบในพริบตา
‘ซูเซวียนอี….ดีจริงๆ เลยซูเซวียนอี แซ่ซูไม่รู้ว่าแผนการของเจ้ายังมีอีกหรือไม่ แต่ตอนนี้ดูแล้ว นี่อาจจะเป็นแค่ส่วนแรกของแผนการเจ้า สำหรับภายนอก เจ้าให้วิญญาณพันล้านศพระเบิดตัวเองเพื่อทำลายลำแสงนี้ โค่นล้มฝ่ายสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืนกับเงามืดรุ่งอรุณ
สำหรับภายใน…..เจ้าใช้วิญญาณข้ามาบำรุงเมล็ดพันธุ์แห่งการทำลายล้างชีวิต ที่มันมีอยู่ครึ่งเดียวก็เพราะข้าไม่ใช่ทายาทของเจ้า ข้าเป็นเพียงสารอาหารที่เจ้าใช้เพื่อฟื้นฟูให้ทายาทแท้จริงของเจ้าเท่านั้น!
หากไม่ใช่เพราะข้าเห็นทุกอย่างที่นี่ เกรงว่าตอนนี้ต่อให้ข้าตายก็คงไม่รู้เหตุผล…..’
ซูหมิงเงียบ เขาเข้าใจแล้ว ซูเซวียนอีใช้ประโยชน์จากกายเนื้อปลอมของเขา และยังมีวิญญาณเขา เห็นได้ชัดว่าซูเซวียนอีก็วางแผนเอาไว้อย่างถึงที่สุดเช่นกัน
ทว่าซูหมิงยังคงเงียบ แม้จะเข้าใจทุกอย่าง แต่เขาก็อยากรู้ว่าแผนการของ ซูเซวียนอีต่อตนนี้….สุดท้ายจะสังหารตนหรือไม่
หลังใช้ประโยชน์แล้วยังมีเป้าหมายอื่นอีกหรือว่าหลังจากวิญญาณเขาบำรุงเมล็ดพันธุ์แห่งการทำลายล้างชีวิตจนสุกแล้ว จนเขาหมดประโยชน์แล้ว ซูเซวียนอีจะทิ้งเขาหรือไม่
คำถามนี้สำคัญกับซูหมิงมาก
เขาอยากรู้
หากอยากรู้คำตอบของคำถามนี้ก็ไม่ยาก ตอนที่ซูหมิงเห็นวิญญาณตัวเองอย่างชัดเจน เมื่อมือขวาหลอมละลาย เมื่อเมล็ดพันธุ์แห่งการทำลายล้างชีวิตคลุ้มคลั่งเหมือนบีบให้วิญญาณเขาเกิดเค้าลางเผาไหม้ หมายจะเผาทุกอย่างของวิญญาณเพื่อให้ตัวมัน สุกในช่วงสุดท้าย ตอนนั้นซูหมิงจะรู้คำตอบ
ใบหน้าเขาเผยรอยยิ้ม เขาส่ายศีรษะ ภายในรอยยิ้มมีการหลุดพ้น มาพร้อมกับการจากลาในอดีต และยังมีความรู้สึกเหมือนว่าผู้เยาว์เติบใหญ่ขึ้น
ซูหมิงในยามนี้เหมือนได้เติบใหญ่อย่างแท้จริง ทุกอย่างของทุกอย่างราวกับหนึ่งจุดตัดอดีตของเขา เพราะตอนนี้เขาควรจะตายไปแล้ว ตายในเมล็ดพันธุ์แห่งการทำลายล้างชีวิตกลางวิญญาณ ตายในแผนการของซูเซวียนอี
“จากนี้ไป ซูหมิงที่เจ้าเอ่ยถึงได้ตายไปแล้ว…..เกิดใหม่เป็นอีกคนที่เหี้ยมโหด ไร้ปรานี….” ซูหมิงพึมพำ ช่วงที่พลังทำลายล้างจากกายเนื้อที่เขาเคยคิดว่าใช้ระเบิดออก ซูหมิง….ทำการยึดร่างภายในร่างกายชายชราชุดคลุมดำ
เขาต้องการยึดร่างชายชราชุดคลุมดำ เขาต้องการเกิดใหม่หลังยึดร่างนี้
‘ซูเซวียนอี ตั้งแต่ที่เจ้าคืนชีพเสี้ยววิญญาณของข้าจนมาถึงตอนนี้ แม้ทุกอย่างจะเป็นเพราะเจ้าใช้วิญญาณข้าบำรุงเมล็ดพันธุ์แห่งการทำลายล้างชีวิตก็ตาม แต่นี่ก็ถือว่าเป็นบุญคุณที่เจ้ามีต่อข้า ให้เสี้ยววิญญาณอ่อนแออย่างข้าเติบโตมาถึงวันนี้ หาก ไม่มีเจ้า ตอนนี้ข้าอาจจะหายไปนานแล้ว บุญคุณนี้ข้าจะไม่มีวันลืม
ในเมื่อเจ้าจะใช้วิญญาณข้าทำให้เมล็ดพันธุ์แห่งการทำลายล้างชีวิตครึ่งหนึ่งสุกงอม เช่นนั้น….ข้าจะทำให้!’ ช่วงที่ซูหมิงเลือกยึดร่าง เขามองอะไรออกหลายอย่างมาก ราวกับเกิดใหม่
เวลานี้เกิดเสียงครึกโครมดังสนั่นอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน จนกระทั่งเสียงดังไป ทั่วโลกแท้จริงดาราสัจธรรม จนกระทั่งเสียงดังผ่านไปตามลำแสง เข้าไปถึงผืนฟ้าของฝ่ายสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืน
เสียงระเบิดกึกก้อง จิตสำนึกตี้เทียนถูกลบไป แรงระเบิดที่มากพอจะทำลายล้างโลกแท้จริงดาราสัจธรรมปะทุขึ้น การระเบิดไม่ได้ส่งไปนอกลำแสง แต่ไหลผ่านลำแสงเข้าไปในฟ้าของฝ่ายสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืน
มวลอากาศของที่นี่ในโลกแท้จริงดาราสัจธรรมถูกพลังทำลายล้างฉีกออกเป็น ช่องโหว่ยักษ์ มีเสียงกรีดร้องนับไม่ถ้วนดังแว่วมาจากอีกด้านหนึ่ง นั่นคือคนที่ควบคุมลำแสงเชื่อมสวรรค์กลางฝ่ายสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืนสิ้นชีพไปพร้อมกัน
ช่วงที่พลังงานซึ่งมากพอจะทำลายล้างหนึ่งโลกแท้จริงระเบิดออก ท่ามกลางเสียงดังสนั่น ลำแสง…ระเบิดออก เศษนับไม่ถ้วนม้วนกระจายออก ฉีกมวลอากาศ ฉีกฟ้ากระจ่างดาว แต่พลังงานที่มากกว่ากลับพุ่งขึ้นฟ้าไปไม่หยุด ฉีกเป็นช่องไหว่ ฉีกเป็น…รอยแตกยักษ์ในมหาโลกสามรกร้าง
ซิงจี๋เต้า หนึ่งในแปดขั้วเต๋าฝ่ายสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืนที่เพิ่งลงมาและมีชื่อเสียงโด่งดังในฟ้ากระจ่างดาวฝ่ายสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืนคนนี้ ต่อให้เป็นเขายังร่างสลายไปมากกว่าครึ่งกลางแรงระเบิด มีเพียงจิตแรกที่หนีออกไป ห้อเหยียดอยู่ในพลังทำลายล้างด้วยสีหน้าหวาดกลัว เขาฝืนกลั้นอาการบาดเจ็บเอาไว้ด้วยความกลัว ตอนนี้มีเพียงความคิดเดียวคือหนี!
ดีที่ข้างกายเขายังมีแหวนสีขาวอยู่ สมบัติล้ำค่าจากฝ่ายสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืนชิ้นนี้เป็นเพียงสิ่งเดียวที่สามารถต้านพลังทำลายล้างนี้
ซิงจี๋เต้าใช้ความเร็วสูงสุดพุ่งเข้าไปในแหวนด้วยความตื่นกลัว เขามองลำแสงข้างนอกระเบิดออก มองข้างบนลำแสงถูกฉีกออกเป็นช่องโหว่ยักษ์ ได้ยินเสียงกรีดร้องมากมายดังแว่วมาจากกลางฝ่ายสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืนผ่านช่องโหว่นั้น เขาตัวสั่น นัยน์ตาฉายแววเหลือเชื่อ
“บ้าไปแล้ว คนมหาโลกสามรกร้างบ้าไปแล้ว! นี่เป็นแผนการร้าย เป็นแผนการร้ายของเต้าเฉิน!” ขณะเดียวกัน แรงสั่นสะเทือนส่งไปทั่วโลกแท้จริงดาราสัจธรรม กระทั่งอีกสามโลกที่เหลือยังรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงจากโลกดาราสัจธรรมอย่างเด่นชัด ตอนนี้เองชายชราชุดคลุมดำร้องโหยหวนเสียงแหลม ร่างกายสั่นเทา สีหน้าดูคลุ้มคลั่ง ความคลุ้มคลั่งวูบวาบไปมา เหมือนว่ากำลังต่อต้านการยึดร่างจากในร่างกาย
ตอนนี้เสื้อคลุมเขาขาดวิ่นแล้ว เผยมาเป็นใบหน้าแก่ชราและร่างกายซูบผอม บาดแผลเต็มตัว ตอนนี้โลหิตจำนวนมากที่ไหลออกมามลายหายไปในทันใด
แต่ทุกอย่างเทียบกับความกลัวในใจเขาแล้วเล็กจ้อยจนไม่มีค่าพอให้เอ่ยถึง เดิมทีเขาหวาดกลัวจากร่างตี้เทียนระเบิดตัวเอง แต่นั่นเพียงแค่ครู่เดียวเท่านั้นก็เปลี่ยนไปในพริบตา กลายเป็นความกลัวจากพลังยึดร่างในร่างกาย
พลังการยึดร่างนี้ซ่อนตัวอย่างดีเยี่ยม ถึงขั้นตอนที่ถูกยึดไปมากกว่าครึ่งชายชราคนชุดคลุมดำถึงเพิ่งตรวจพบ ซึ่งมันสร้างความหวาดกลัวและตกใจกับเขาจนถึงขีดสุด
ขนาดในสายตาชายชราคนชุดคลุมดำ เขายังไม่รู้เลยว่าพลังยึดร่างนี้มาจากใครกันแน่ ไม่รู้ว่าเหตุใดถึงเกิดการยึดร่างในร่างกายตน อีกทั้งไม่ใช่การบีบบังคับยึดร่างจากภายนอกตามความรู้ทั่วไป
โดยเฉพาะพลังการยึดนี้มีการฉับฉวยโอกาสที่น่ากลัวอย่างยิ่ง นั่นคือชายชรา ชุดคลุมดำกำลังต่อต้านการระเบิดจากภายนอก จึงไม่ได้ระวังภายใน ทันใดนั้นเองก็เกิดการยึดร่างขึ้นราวกับสายฟ้า
นอกตัวเขามีแสงแก่นยมโลกสว่างวูบวาบเด่นชัดพลางพุ่งทะยานไปยังแหวนสีขาว เมื่อเข้าไปใกล้แล้วก็พุ่งเข้าไปข้างใน ดวงตาที่ซ่อนอยู่ในแสงแก่นยมโลกไม่มีความ คลุ้มคลั่งอีก แต่เปลี่ยนเป็นเย็นชาดุจน้ำแข็ง
เขาในตอนนี้ไม่ใช่จ่างจี๋เต้าหนึ่งในแปดขั้วเต๋าสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืนอีก เขาคือ…. ซูหมิงผู้เกิดใหม่!
การยึดร่างครั้งนี้ใช้ความเร็วอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน ถึงอย่างไรซูหมิงในตอนนี้ก็แกร่งอย่างยิ่ง อีกทั้งวิญญาณเขาหลังถูกมือขวาที่ละลายกระตุ้นให้เผาไหม้แล้ว ก็เป็นการเร่งความเร็วในการยึดร่างไปอีก รวมถึงการซ่อนตัวอยู่ในร่างคนชุดคลุมดำ มาตลอด ทำให้การยึดร่างเร็วขึ้นไปอีก
อีกอย่างหนึ่ง ซูหมิงฉับฉวยโอกาสได้อย่างแม่นยำยิ่ง เท่ากับว่าคนชุดคลุมดำไม่ได้สังเกตเห็นเลยแต่ถูกซูหมิงยึดร่างไปมากกว่าครึ่ง ดังนั้นซูหมิงถึงยึดร่างสำเร็จได้ในเวลาไม่กี่ลมหายใจสั้นๆ อีกทั้งยังกินวิญญาณคนชุดคลุมดำไปแล้ว
พลังวิญญาณชนิดนี้หลอมรวมกับวิญญาณซูหมิงในเสี้ยวพริบตา กลายเป็นสารอาหารเติมเต็มวิญญาณซูหมิงที่ถูกเมล็ดพันธุ์แห่งการทำลายล้างชีวิตกินไป
“สมควรตาย เกิดอะไรขึ้นกันแน่ จ่างเต้า นี่มันเกิดอะไรขึ้น!” จิตแรกซิงจี๋เต้าตัวสั่น พอเห็นซูหมิงพุ่งเข้ามาในแหวนสีขาวแล้วก็เอ่ยขึ้นด้วยความสงสัยทันที ทั้งยังเงยหน้ามองช่องโหว่อากาศยักษ์ที่เกิดจากลำแสงระเบิดออก
“นี่เป็นแผนการของซูเซวียนอี” ซูหมิงที่ซ่อนอยู่ใต้แสงแก่นยมโลกมองซิงจี๋เต้าราวกับมองเหยื่อพลางพูดด้วยเสียงแหบแห้ง
พลังโลกกลายเป็นพายุหมุนระบำยมาจากในช่องโหว่นั้น ถาโถมไปรอบๆ ราวกับการระเบิดครั้งแรกในรอบไม่รู้กี่ปีมานี้ ปกคลุมไปเกือบครึ่งโลกแท้จริงดาราสัจธรรม
ไม่รู้ว่าพลังโลกนี้ถาโถมไปนานเท่าไร ทว่าตอนที่มันอ่อนแรงลง โลกแท้จริงสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืนจะต้องลงมาเยือนเป็นกองทัพแน่ๆ ขณะเดียวกันช่วงเวลานี้ที่ พลังโลกอบอวลไปรอบๆ ฝ่ายเงามืดรุ่งอรุณนอกมหาโลกสามรกร้างจะต้องทำสงครามครั้งใหญ่กับฝ่ายสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืนอย่างแน่นอน เพื่อแย่งชิงทางเข้ามหาโลก สามรกร้างเพียงหนึ่งเดียว!
นอกแหวนสีขาว เมื่อพลังโลกหมุนตลบอย่างบ้าคลั่งจนกลายเป็นพายุหมุนทำลายได้ทุกสิ่ง ผู้ฝึกฌานพันธมิตรเผ่าเซียนนับไม่ถ้วนต่างสิ้นชีพไปพร้อมกัน แต่ละสำนักกลายเป็นความว่างเปล่า
ไป๋เฟิ่งอยู่ใกล้ที่สุด ตอนนี้ไม่รู้ว่านางกระอักเลือดไปกี่ครั้งแล้ว ใบหน้าขาวซีด ร่างกายถูกรังไหมยักษ์ปกคลุมเอาไว้ สีรังไหมนั้นเป็นสีแดงฉาน ประหนึ่งว่ากลายร่างเป็นหงส์เพลิงได้ นี่คือวิชาสูงสุดสำหรับปกป้องชีวิตของสำนักหงส์ วิชารังไหม แปลงหงส์ที่จะใช้ได้เพียงครั้งเดียวในชีวิต!
และในตอนนี้ คนที่มีสิทธิ์เห็นภาพนี้ในทั้งมหาโลกสามรกร้างต่างตกตะลึง ต่อให้ไม่เห็น แต่การเปลี่ยนแปลงจากฟ้ากระจ่างดาวก็ยังทำให้ทุกคนพากันใจสั่นสะท้าน ถูกแรงกดดันรุนแรงปกคลุมจนกลายเป็นเงามืด