ตอนที่ 1148 สวี่ฮุ่ย…
คนคนนี้คือเต๋อซุ่น
เต๋อจากคำว่าเต๋อผิ่น(คุณธรรม) ซุ่นมีความหมายว่าหากซื้อของเขาทุกอย่างจะราบรื่น
เขาคนนี้เคยขึ้นแท่นดอกบัวของซูหมิงในการท้าประลองใต้เท้าในโลกแท้จริงดาราสัจธรรม คำพูดเขาทำให้ผู้ฝึกฌานสิบล้านคนในตอนนั้นตาค้างอ้าปากกว้าง ต่อให้เป็นซูหมิงก็ยังตะลึงงัน
เขาคนนี้เป็นผู้ฝึกฌานที่ยมีพรสวรรค์ยอดเยี่ยมมาก แต่กลับไม่มีใจฝึกฝน คิดแต่จะทำค้าขายเล็กๆ น้อยๆ ทว่าวันนี้ใบหน้ายิ้มเล่นสนุกถูกความแค้นรุนแรงเข้ามาแทนที่แล้ว มีแต่ความเศร้าโศกเข้มข้นอบอวล
“ตายแล้ว ตายหมดแล้ว….” เต๋อซุ่นคำรามเสียงแหลม เขาห้อเหยียดอยู่ใน ซากสำนักดาราสัจธรรม ที่เขารอดมาได้ไม่ใช่เพราะมีขั้นพลังหรือของวิเศษแกร่งกล้า แต่เป็นเพียงเรื่องบังเอิญที่ม้แต่ซูเซวียนอียังคาดไม่ถึง
ถึงอย่างไรคนหลายล้านคนตายลง จะไม่ให้มีสักคนที่โชคดีรอดตายมาเลยก็ไม่ได้
เต๋อซุ่นฝืนยิ้มด้วยความปวดร้าว ขณะห้อเหยียดอยู่ในซากสำนักดาราสัจธรรมเขาพลันหยุดชะงักครู่หนึ่ง แล้วก้มหน้าลงพุ่งไปยังเศษพื้นดินที่ลอยอยู่อย่างไม่ลังเล เพิ่งลงไปเขาก็ประสานมุทราด้วยสองมือในฉับพลันก่อนชี้ไปยังเศษแผ่นดิน เศษนั้นเกิดเสียงดังสนั่น ตอนที่เศษดินมากมายลอยก็เห็นร่างเงาหนึ่งในหลุมลึก
นั่นคือสตรีคนหนึ่ง เต๋อซุ่นรู้สึกแปลกตาเล็กน้อย แต่หากซูหมิงเห็นจะต้องจำได้แน่ว่านางคือ…..สวี่ฮุ่ย
สวี่ฮุ่ยหน้าไร้เลือดฝาด นางนั่งขัดสมาธิหลับตาแน่น มุมปากมีโลหิตไหล เส้นผมไม่ใช่สีดำอีก แต่กลายเป็นสีขาว รอบตัวนำงมีแสงสีม่วงหนึ่งชั้นวนรอบ รูปลักษณ์แสงนั้นดูคล้ายแมงป่อง กระทั่งตรงระหว่างคิ้วนางยังมีสัญลักษณ์ตะขาบตัวหนึ่งขยับแสงเป็นบางครั้ง
แทบเป็นช่วงที่เต๋อซุ่นมองสวี่ฮุ่ย สวี่ฮุ่ยในม่านแสงสีดำลืมตาขึ้น ในดวงตามี แสงหม่นขยับวูบไหว ราวกับว่าในดวงตามีแมงป่องอยู่ ซ้ำยังฉายแววเย็นเยียบ พร้อมกันนั้นนางขยับตัวออกจากม่านแสงในพริบตา พุ่งขึ้นมาอยู่ตรงหน้าเต๋อซุ่นที่หน้าเปลี่ยนสีอย่างรุนแรงและกำลังจะพูดบางอย่าง ก่อนบีบคอเต๋อซุ่นด้วยความเร็วดั่งสายฟ้าที่เขาหลบไม่ได้แม้แต่น้อย
“เจ้า…..” เต๋อซุ่นหน้าเปลี่ยนสีทันใด แต่ชั่วพริบตาเดียวก็มีพลังจากขั้น พลังมหาศาลแผ่มาจากมือขวาสวี่ฮุ่ย เมื่อกดอัดเต๋อซุ่นไว้แล้ว จังหวะเดียวกับที่นัยน์ตาเต๋อซุ่นฉายแววหวาดกลัว สวี่ฮุ่ยยกมือซ้ายขึ้นตบตรงระหว่างคิ้วเขา ขณะเดียวกันเหมือนมีร่างเงาแมงป่องตัวหนึ่งออกมาจากมือซ้ายนางอย่างเร็วไว พุ่งผ่านฝ่ามือเข้าไปในตัวเต๋อซุ่น
“ข้าปลูกพิษเงาแมงป่องในตัวเจ้าแล้ว พาข้าไปหาซูหมิง เขาจะช่วยเจ้าแก้พิษเงานี้ได้ และยังมอบโชควาสนาครั้งใหญ่ให้เจ้าด้วย! คนอื่นแก้พิษนี้ไม่ได้ มีเพียงคนที่ข้ายอมรับเท่านั้นถึงจะแก้ได้ หากคิดลองสุ่มสี่สุ่มห้า เจ้าจะร่างระเบิดตาย!” สวี่ฮุ่ยเพียงกล่าวสองประโยคก็ตัวสั่น ดวงตาปิดลง ล้มลงหมดสติไป
มือขวานางก็คลายออกเช่นกัน เต๋อซุ่นถอยหลังไปโดยพลันด้วยใบหน้าซีดขาว สีหน้ายังมีความตื่นกลัว พลังจากสวี่ฮุ่ยเมื่อครู่นี้แข็งแกร่งยิ่งสำหรับเขา ให้ความรู้สึกเหมือนยอดฝีมือเหล่านั้นที่เขาเคยพบ
ถึงขนาดเขายังรู้สึกชัดว่าหากอีกฝ่ายจะสังหารตน ก็คงทำได้อย่างง่ายดาย
“บัดซบ ทำคุณบูชาโทษแท้ๆ !” เต๋อซุ่นมีสีหน้าโกรธ แต่ไม่นานเมื่อโคจรพลังเพื่อตรวจร่างกาย หน้าเขาก็ซีดขาวกว่าเดิม จนถึงสุดท้ายยังตัวสั่นอีกหลายที
เขาเห็นชัดว่าเส้นเลือดในร่างกายตนบิดเบี้ยวและเหมือนตัดสลับกันเป็นลักษณะแมงป่อง ความหนาวอบอวลอยู่ในร่างกาย เต๋อซุ่นสูดลมหายใจเข้าก่อนนึกถึงคำพูดสองประโยคที่อีกฝ่ายบอกไว้ก่อนหมดสติ
ความรู้สึกว่าตนไม่ผิดอัดแน่นอยู่ในตัวเขา ทำให้เขารู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรมนัก เห็นๆ อยู่ว่าเขาหวังดีอยากรู้ว่าอีกฝ่ายยังรอดหรือไม่ แต่กลับมีจุดจบเช่นนี้ หากเป็นคนอื่นคงรู้สึกคับอกคับใจมากเหมือนกัน
“สมควรตาย ซูหมิงคือใคร ข้าจะไปหาเขาได้ที่ใด แม้แต่สำนักดาราสัจธรรมข้ายังออกไปไม่ได้ จะ จะ เจ้า…..” เต๋อซุ่นโมโหเป็นอย่างยิ่ง เขาเดินเข้าไปมองสวี่ฮุ่ยที่หมดสติ ขณะกำลังยกเท้าจะเตะเข้าไปนั้น สวี่ฮุ่ยที่หลับตาอยู่ขนตาสั่นไหวก่อนลืมตาขึ้น
นี่ทำให้เต๋อซุ่นตัวสั่น รีบเค้นรอยยิ้มประจบ ซ้ำยังถอยหลังไป
ทว่าช่วงที่นางลืมตาขึ้น ร่างนางกลับหดลงอย่างประหลาดยิ่ง เพียงไม่กี่ลมหายใจ นางในร่างโตเต็มวัยก็กลายเป็นเด็กหญิงอายุราวหกเจ็ดขวบ
“จะ….เจ้าเป็นใคร!” แทบเป็นชั่วขณะที่เต๋อซุ่นถอยไป สวี่ฮุ่ยที่ลืมตานัยน์ตาฉายแววตระหนก นางรีบถอยหลังไปเช่นกัน มีท่าทีหวาดกลัว สองมือกอดหัวไหล่เอาไว้ สีหน้ามีแต่ความตื่นตัวและตื่นกลัว ท่าทางแบบนี้เหมือนใกล้จะร้องไห้แล้ว
“ที่นี่คือที่ใด จะจะ…เจ้าเป็นใคร!”
เต๋อซุ่นมึนงง เขามองสวี่ฮุ่ยด้วยความประหลาดใจ หลังพิจารณาอย่างละเอียดอีกหลายรอบแล้วก็พูดหยั่งเชิงขึ้น
“เอ่อ…..เซียนท่านนี้ เจ้าจำข้าไม่ได้รึ?”
“พี่ใหญ่เป็นใคร ข้า….ข้าไม่รู้จักเจ้า” สวี่ฮุ่ยหน้าขาวซีด นางมองไปรอบๆ อย่างลนลาน ความหวาดกลัวในแววตาข้นกว่าเดิม
เต๋อซุ่นกลอกตา เขาถอยไปอีกครั้ง ก่อนถามหยั่งเชิงอีกที
“ซูหมิงคือใคร?”
“ซูหมิง? ซูหมิงคือใคร? เจ้าคือซูหมิงรึ?” สวี่ฮุ่ยมีสีหน้าสับสน เหมือนนางคุ้นเคยนามนี้อยู่เล็กน้อย แต่เพิ่งจะเกิดความสับสนกลับมีสีหน้าเจ็บปวดในทันใด สัญลักษณ์แมงป่องตรงระหว่างคิ้วขยับแสงวูบวาบ จากนั้นนางเอามือกุมหัวทันที ตัวสั่นพร้อมด้วยความเจ็บปวดที่มากเดิม
‘อ่าฮ่า!’ เต๋อซุ่นดวงตาเปล่งประกาย นึกดีใจใหญ่อยู่ในใจ
‘ดูท่าหญิงชั่วร้ายคนนี้คงจะเสียความทรงจำไปแล้ว มิน่าถึงเป็นแบบนี้ ถึงอย่างไรภายใต้มหันตภัยครั้งนั้น แม้ข้าจะโชคดี แต่คนอื่นไม่มีทางโชคดีอย่างข้า นางจะต้องใช้อภินิหารบางอย่างถึงรอดมาได้แน่ ทว่าอภินิหารนี้มีผลข้างเคียงที่หนักหนายิ่ง นางจึงเสียความทรงจำไป แม้แต่ร่างกายยังกลายเป็นเด็ก อืมๆ เรื่องมันก็เป็นอย่างนี้!
ดังนั้นหลังนางตื่นขึ้นครั้งแรกตอนก่อนหน้านี้ถึงวางพิษแมงป่องอะไรนั่นไว้ในตัวข้า…..และยังมีคำเรียกข้าว่าพี่ใหญ่อีก หรือว่า….ไม่ผิด ความทรงจำนางสับสนแน่ๆ อีกทั้งดูจากท่าทางที่มีแต่ความหวาดกลัวแล้ว ร่างกายยังเป็นเด็กอีก หรือว่า….
หรือว่าความทรงจำนางย้อนกลับไปในวัยเยาว์ ตอนที่ยังไม่ก้าวสู่เส้นทางการฝึกฝน?’ เต๋อซุ่นกระแอมไอทีหนึ่ง สีหน้าดูชั่วร้าย เขาเดินเข้าไปหลายก้าว ภายในตัวเขาพลันเต็มไปด้วยความถ่อยทราม
“น้องสาว บิดามารดาเจ้าล่ะ?” เต๋อซุ่นพูดอย่างเป็นธรรมชาติมาก ไม่มีการแสร้งทำแม้แต่น้อย ราวกับมองอีกฝ่ายเป็นน้องสาวที่พบโดยบังเอิญจริงๆ
“บิดา….มารดา…..ข้าไม่รู้ ข้าจะกลับบ้าน….” สวี่ฮุ่ยร้องไห้เหมือนเด็ก ร้องไปพลางถอยไปพลาง
เต๋อซุ่นมีสีหน้าดีใจใหญ่ เขาเงยหน้าหัวเราะเสียงดังพร้อมกระโดดไปหาสวี่ฮุ่ย ในใจเกิดความคิดจะทุบตีอีกฝ่ายอย่างแรงเพื่อให้หญิงชั่วร้ายคนนี้แก้วิชาพิษให้ ส่วนความคิดอื่นๆ ไม่มีอยู่ในหัวเขา ถึงอย่างไรอีกฝ่ายก็อยู่สำนักดาราสัจธรรม ถึงมีโอกาสที่จะไม่ใช่ศิษย์สำนักดาราสัจธรรม แต่ก็ต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกันบ้าง ตอนนี้สำนักดาราสัจธรรมพังลงแล้ว เขาจึงมองอีกฝ่ายพลางเกิดความรู้สึกเห็นใจที่ประสบเคราะห์เหมือนกัน
“จะ เจ้า…เจ้าอย่าเข้ามา เจ้าถอยไป!” สวี่ฮุ่ยตะโกนเสียงดัง ซ้ำยังรีบถอยไป สีหน้าหวาดกลัวถึงขีดสุด
ยามนี้สวี่ฮุ่ยที่กลายเป็นเด็กมีสีหน้าน่าสงสาร เหมือนกำลังตกใจอย่างแรง
ทว่านางเพิ่งกล่าวจบ เต๋อซุ่นกลับมีสีหน้าเหลือเชื่อ เขาเบิ่งตามองร่างกายตัวเองถอยไปเหมือนควบคุมตัวเองไม่ได้
“เจ้าถอยไป เจ้าถอยไป เจ้าถอยไป….” สวี่ฮุ่ยพูดไม่หยุดด้วยความกลัว แต่แทบเป็นทุกประโยคที่นางเอ่ย เต๋อซุ่นจะถอยไปหลายจั้ง สีหน้าเขาดูหวาดกลัวขึ้นที ละน้อย ความรู้สึกไม่ดีรางๆ ลอยขึ้นมาในใจเขา
“นี่….หรือว่า….”
“เจ้าเป็นคนเลว ท่านแม่บอกว่าคนเลวจะเดินหกล้ม…..” สวี่ฮุ่ยพูดออกไป ใต้เท้าเต๋อซุ่นพลันเป็นมันลื่น ก่อนหกล้มลงไปอย่างแรง ศีรษะทิ่มลงพิ้น แรงกระแทกทำให้เขาเจ็บไม่ว่า แต่ความเจ็บจากร่างกายไม่อาจเทียบกับความกลัวในใจ ตอนนี้เขาหน้าเปลี่ยนสีอย่างรุนแรงแล้ว
“พิษหุ่นเชิด! สมควรตาย เมื่อครู่นี้คือพิษหุ่นเชิด!”
เหมือนว่าเห็นอีกฝ่ายหกล้มสวี่ฮุ่ยจึงเบิกบานใจขึ้นมา นางดูเหมือนจะไม่กลัวแล้ว ซ้ำยังตบมือเล็กๆ หยุดร้องไห้แต่หัวเราะ ก่อนพูดขึ้นอีกครั้ง
“คนเลวใช้มือเดิน”
“คนเลวคลานบนพื้นเหมือนกับเต่าทมิฬ”
“คนเลวนอนบนพื้น ใช้หลังขยับเดินหน้าไป”
“คนเลว….”
“นายหญิง ท่านคือนายหญิงของข้า ขอร้องล่ะ ขะ ขะข้า….ผิดไปแล้ว ข้าผิดไปแล้วจริงๆ ขะ….ข้าจะพาเจ้ากลับบ้าน!” เต๋อซุ่นร้องโอดครวญ เขารีบอ้อนวอนเพราะกลัวจริงๆ ว่าเด็กหญิงน้อยตรงหน้าคนนี้จะพูดออกมาว่าคนเลวใช้ลิ้นเดิน……
……………
ในเวลาเดียวกัน ขณะที่เต๋อซุ่นถูกสวี่ฮุ่ยทรมานด้วยวิธีร้อยแปดพันเก้า นอกสำนักดาราสัจธรรม ภายในโลกแท้จริงดาราสัจธรรมที่เต็มไปด้วยพายุหมุน บนดาวผุพังที่ ซูหมิงอยู่ ไป๋เฟิ่งมีสีหน้าหวนคะนึงคิด เงยหน้ามองฟ้าพลางพึมพำเบาๆ ถึงอดีต
นางที่เหลือชีวิตอยู่ครึ่งเดือนไม่สนใจว่าข้างกายเป็นใคร ต่อให้นางอยู่ที่นี่คนเดียวก็จะพูดถึงความทรงจำ ราวกับว่ามีแต่แบบนี้เท่านั้นถึงทำให้ชีวิตนางไม่โดดเดี่ยวก่อนสิ้นชีพไป….
ซูหมิงฟังอยู่เงียบๆ จนกระทั่งกระแสจิตของกระเรียนขนร่วงดังขึ้นในใจเขา
“เสร็จแล้วซูหมิง ข้าบอกเจ้าไปแล้วว่าจะเริ่มวิธีแห่งการหลอมทุกสรรพสิ่งอย่างไร เจ้าเริ่มที่นี่ได้เลย อย่างเร็ว วัฏจักรเก้าครั้งก็ต้องใช้เวลาราวๆ หนึ่งปี ช่วงเวลานี้เจ้าอย่าลืมขยายแสงแก่นยมโลกด้วย ข้าเองก็จะช่วยปกป้องเจ้าอีกแรง วางใจเถอะ” กระเรียนขนร่วงพูดขึ้นอย่างลำพองใจ เหมือนว่าจะดีใจมากที่ตนนึกวิธีแห่ง การหลอมทุกสรรพสิ่งออก