ตอนที่ 1149 ผู้อาวุโส ให้ปลาตัวนี้กับข้าได้หรือไม่
ดวงตาซูหมิงขยับประกายวาว แม้เสียงพึมพำจากไป๋เฟิ่งยังคงอยู่ ทว่าเขาช่วยนางเพราะปลงต่ออดีต ไม่ใช่ความสงสาร และก็ไม่เกี่ยวกับความรัก
ตั้งแต่ไป๋เฟิ่งตัดสินใจใช้ประโยชน์จากเขา ก็ลิขิตไว้แล้วว่าดวงชะตาของสองคนนี้จะกลายเป็นคนแปลกหน้ากัน
ขณะซูหมิงดวงตาขยับประกายวาว เขาก็ไม่สนใจไป๋เฟิ่งอีก แต่ทั่วร่างขยับแสง สีดำวูบวาบ ทันใดนั้นแสงแก่นยมโลกส่องแสงออกรอบตัวเขา แต่ไม่ได้ขยายไปไกลนัก เพียงปกคลุมหลุมลึก
ขณะเดียวกัน ช่วงที่แสงแก่นยมโลกปกคลุม ซูหมิงหลับตาลงช้าๆ ทันใดนั้นมีควันดำสายหนึ่งบินออกมาจากในร่างกาย ควันดำนี้กลายเป็นร่างกระเรียนขนร่วงในพริบตา มันอยู่ในแสงแก่นยมโลก ร่างกายค่อยๆ ละลายเหมือนจะหลอมรวมกับแสง แก่นยมโลก
“วิธีแห่งการหลอมทุกสรรพสิ่ง ใช้ความปรารถนำวนรอบสมบัติล้ำค่า ใช้ความคิดเป็นเส้นทาง เข้าสู่วัฏจักรพร้อมกัน!” ซูหมิงยกสองมือขึ้นสะบัดไปข้างหน้า ทันใดนั้นแหวนสีขาวปรากฏขึ้นอยู่ตรงหน้าเขา มันใหญ่ยิ่ง แทบจะกินพื้นที่หลุมลึกทั้งหมด
ซูหมิงมีสีหน้าจริงจัง สองมือประสานมุทราตรงหน้าอย่างต่อเนื่อง สัญลักษณ์มือเหล่านี้กระเรียนขนร่วงเป็นคนถ่ายทอดให้ ตอนนี้มันออกมาจากมือซูหมิงและส่งเข้าไปกลางแหวนสีขาวนั้นทีละชุด
ทว่าแหวนนี้กลับไม่ขยับแม้แต่น้อย ไม่เกิดการโต้ตอบใดๆ กับสัญลักษณ์มือเหล่านี้เลย
ซูหมิงประสานมุทราเร็วขึ้นเรื่อยๆ ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว หลังผ่านไปราวเกือบร้อยลมหายใจ ซูหมิงพลันลืมตาขึ้น กัดปลายลิ้นพ่นโลหิต โลหิตกลายเป็นหมอกโลหิตพุ่งไปยังแหวนสีขาว เสี้ยวพริบตาเดียวก็สลักบนแหวนสีขาวราวกับตราประทับ
แหวนพลันสั่นไหว ราวกับการเซ่นไหว้โลหิตของซูหมิงเปลี่ยนการประสานมุทราซับซ้อนก่อนหน้านี้ให้มีพลังประหลาดบางอย่าง จนสั่นคลอนสมบัติล้ำค่าแหวนสีขาวทว่าการสั่นไหวเกิดขึ้นเพียงเสี้ยวพริบตาแล้วก็กลับมาปกติ แต่ถึงอย่างนั้นซูหมิงกลับดวงตาเปล่งประกาย
‘วิธีแห่งการหลอมทุกสรรพสิ่งได้ผลจริงๆ นี่เพียงแค่หลอมครั้งแรกเท่านั้น ยังสั่นคลอนสมบัติล้ำค่าได้’ ดวงตาซูหมิงขยับวาววับ สมาธิทั้งหมดไปรวมอยู่กลางสองมือ ก่อนเปลี่ยนสัญลักษณ์มืออีกครั้ง ครั้งนี้ประสานมุทราติดกันเกือบยี่สิบ ลมหายใจ ก่อนพ่นโลหิตไปอีกครั้ง ช่วงที่โลหิตสัมผัสกับแหวนสีขาว แหวนสีขาวพลันสั่นไหวอีกครั้ง
อีกทั้งเมื่อมันสั่นไหว ยังเห็นรางๆ เหมือนว่ามีเส้นเลือดฝอยสายหนึ่งมุดเข้าไปในแหวนสีขาว ทว่าไม่นานนักแหวนนี้ก็ปรากฏเค้าลางจะกลับมาเป็นปกติ ซูหมิงจึงกระโดดลอยขึ้นอย่างไม่ลังเลแม้แต่น้อย ก่อนวนรอบแหวนสีขาวไม่หยุดหย่อน ระหว่างนั้นยังประสานมุทราสองมือด้วยความเร็วสูงขึ้นเรื่อยๆ สัญลักษณ์มือมากขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้งยังพ่นโลหิตเป็นบางครั้ง แต่หากมองดีๆ จะเห็นว่าโลหิตที่ซูหมิงพ่นไป ทุกครั้งจะอยู่ตำแหน่งเดียวกันบนแหวนสีขาว ตรงนั้นคือจุดที่มีเส้นเลือดฝอยสีขาวปรากฏรางๆ เมื่อครู่
เป็นยามนี้เองซูหมิงเหงื่อชุ่มไปทั่วร่าง เหงื่อจำนวนมากชโลมร่างกาย กระทั่งพลังเขายังเหมือนจะรับไม่ไหว ถึงอย่างไรทุกการประสานมุทราก็กินพลังจากขั้นพลังไปไม่น้อย ซ้ำยังพ่นโลหิตอีก ในโลหิตทุกคำแฝงไว้ด้วยวิญญาณเขา และยังเป็นโลหิตจากหัวใจ
‘ประสานมุทราเก้าร้อยเก้าสิบแปดครั้ง โลหิตแปดคำ ตอนนี้ขาดเพียง ประสานอีกหนึ่งครั้งกับโลหิตอีกคำก็จะเปิดการหลอมครั้งแรกได้!’ ซูหมิงหอบ หายใจแรงแต่สีหน้ากลับแน่วแน่ เขาขยับวูบไหวก่อนยกมือขวาขึ้นทำสัญลักษณ์มือที่เก้าร้อยเก้าสิบเก้า ช่วงที่ตบไปยังแหวนนั้น เขายังอ้าปากพ่นโลหิตคำที่เก้าออกไป โลหิตพลันไหลตามมือขวาเขา ก่อนตกลงบนตำแหน่งเส้นเลือดฝอยบนแหวนแทบจะพร้อมกัน
“กระเรียนขนร่วง!” พร้อมกันนั้น ซูหมิงพลันส่งกระแสจิตในใจ
กระเรียนขนร่วงเตรียมพร้อมมานานแล้ว ตอนนี้มันร้องเสียงแหลม ร่างที่หายไปปรากฏขึ้นแล้วเปลี่ยนเป็นเข็มสีดำอันหนึ่ง ไม่ได้แทงไปยังแหวนสีขาว แต่พุ่ง ไปยังระหว่างคิ้วซูหมิง ส่วนซูหมิงไม่หลบแม้แต่น้อย ปล่อยให้เข็มดำร่างแปลงกระเรียนขนร่วงพุ่งเข้ามาพร้อมกับประกายคมกริบ เมื่อเข้ามาใกล้ในทันทีแล้วก็ แทงเข้าไปในระหว่างคิ้วจนทะลวงเข้าไปหมดแล้วถึงพุ่งเข้าไปกลางสมอง!
ซูหมิงรู้สึกถึงเสียงดังสนั่นในสมอง มันมาพร้อมกับความเจ็บปวด ดังกึกก้อง ในสมองเขา อีกทั้งขณะดังไม่หยุดยังดังขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งเข้ามาแทนที่จิตสำนึก ทุกอย่าง ตอนนี้เองมีโลหิตสีแดงฉานหยดหนึ่งปรากฏออกมาจากในระหว่างคิ้วเขา ก่อนกลายเป็นสายรุ้งยาวพุ่งไปยังเส้นเลือดฝอยรางๆ บนแหวนสีขาว เมื่อปะทะเข้า ไปแล้ว โลหิตก็เหมือนหลอมละลายและถูกเส้นเลือดฝอยนั้นสูบเข้าไป ฉับพลันนั้น เส้นเลือดฝอยบนแหวนสีขาวเหมือนได้รับสารอาหาร มันจึงแผ่ขยายออกรอบๆ อย่างเร็วไว
ต่อมาจิตสำนึกซูหมิงเกิดการหย่อนยาน ในความคิดเขาว่างเปล่า ราวกับว่าความคิดทุกอย่างถูกตัดขาดออก แต่ไม่นานนักจิตสำนึกหย่อนยานก็รวมขึ้นอีกครั้ง จนเมื่อรวมจนเสร็จสิ้นแล้วเขาพลันลืมตาขึ้น แต่สิ่งที่เห็นไม่ใช่ดาวถูกแสงแก่นยมโลกโอบล้อมอีก ตัวเขาไม่ได้อยู่บนดาวผุพังนั้นอีก แต่มาปรากฏอยู่ในฟ้าดินที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน
“ผู้อาวุโส ให้ปลาตัวนี้กับข้าได้หรือไม่?” มีเสียงไพเราะดังแว่วมาข้างหูเขาในทันใด เสียงนี้เหมือนกับดึงจิตสำนึกที่สับสนเล็กน้อยของซูหมิงกลับมา ทำให้ลูกตาดำเขารวมกันจนเห็นโลกนี้
นี่เป็นท้องฟ้าสีครามเมฆขาว พื้นดินเต็มไปด้วยภูเขา และที่ที่ซูหมิงอยู่คือ เกาะเล็กข้างๆ ทะเลสาบ บนเกาะมีชาวบ้านจำนวนหนึ่ง ส่วนเขานั่งอยู่บนฐานตกปลา สวมงอบบังแสงตะวัน ตรงหน้าเขามีเบ็ดตกปลาอันหนึ่งกำลังตกปลาอยู่
ตรงขอบฐานตกปลาสิ่งก่อสร้างจากไม้นี้ บนเสาไม้มีตาข่ายอันหนึ่ง ตาข่ายถูกแขวนแต่ปลายตาข่ายลงไปอยู่ในทะเลสาบ เห็นรางๆ ว่าในตาข่ายมีปลาตัวหนึ่งกำลังดิ้นรนหมายจะหลุดจากตาข่าย แต่ก็ไม่ได้
ข้างหลังซูหมิงมีเด็กหญิงคนหนึ่งนั่งยองอยู่ นางชี้ไปยังตาข่ายปลาด้วยความ ไร้เดียงสาพลางอ้อนวอนซูหมิง
ซูหมิงอึ้งงันไปพักหนึ่ง ก่อนก้มหน้ามองตัวเอง เขามีร่างเป็นชายชราคนหนึ่ง สองมือหยาบกร้าน ทว่าถึงจะแก่ชราแต่กลับไม่มีรอยแตก เห็นได้ชัดว่านี่คือร่องรอยจากการตกปลาเป็นประจำ ได้สัมผัสกับน้ำเป็นประจำ
เขามองปลาตัวนั้นแล้วก็มองเด็กหญิง นัยน์ตาฉายแววเข้าใจ
ในความคิดเขาลอยขึ้นมาเป็นคำพูดของกระเรียนขนร่วงที่บอกไว้ก่อนหน้านี้ ซึ่งบอกถึงวัฏจักรที่เกี่ยวกับวิธีแห่งการหลอมทุกสรรพสิ่ง
‘วัฏจักรเก้าครั้ง คือวัฏจักรของเจ้ากับสมบัติล้ำค่านี้ บางทีวัฏจักรอาจจะสั้น แต่บางทีก็อาจจะนานยิ่ง ในวัฏจักร เจ้าจะไม่ใช่เจ้า สมบัติล้ำค่าก็จะไม่ใช่สมบัติล้ำค่า
มันจะกลายเป็นดวงจิตดวงหนึ่งหลอมรวมอยู่ในวัฏจักร ในวัฏจักรเก้าครั้ง หากเจ้า กับมันมีโชคชะตาต่อกัน หลังการหลอมทุกสรรพสิ่งเสร็จสิ้น โชคชะตานี้จะกลายเป็นการเชื่อมต่อระหว่างเจ้ากับสมบัติล้ำค่าชิ้นนี้ มันจะเป็นของเจ้า
มันดูเหมือนง่าย แต่ความจริงแล้วมีความยากไม่น้อย อันดับแรกเจ้าต้องหามันให้เจอในวัฏจักรก่อน มีแต่ต้องหามันให้เจอเท่านั้นถึงจะผูกชะตาได้
วัฏจักรเป็นสิ่งมหัศจรรย์จนไม่อาจบรรยาย มีน้อยคนนักที่จะเข้าใจมันอย่างทะลุปรุโปร่ง ดังนั้นในวัฏจักรนี้ ต้องหามันให้พบเพราะนั่นคือจุดสำคัญที่สุด หากหาไม่พบหรือหาผิดอันก็จะผูกชะตาไม่ได้ การหลอมทุกสรรพสิ่งจะล้มเหลว ส่วนจะหาอย่างไรนั้น เรื่องนี้ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกัน…’
“ผู้อาวุโส ปลาตัวนี้น่าสงสาร ท่านอย่ากินมันเลย ให้ข้าได้หรือไม่…” ระหว่างที่ในความคิดซูหมิงดังก้องเป็นคำพูดกระเรียนขนร่วง เด็กหญิงข้างๆ ก็มองซูหมิงด้วย สีหน้าอ้อนวอน ซ้ำยังกล่าวเสียงเยาว์วัยอีกครั้ง
ซูหมิงเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย แสงตะวันถูกงอบบังเอาไว้จึงไม่สะท้อนลงบนใบหน้าเขา เขามองเด็กหญิงตรงหน้า แล้วก็มองปลาในตาข่ายนั้น คิ้วขมวดขึ้นทีละน้อย เขาแยกไม่ออกว่าดวงจิตของสมบัติล้ำค่าในวัฏจักรแรกนี้คือเด็กหญิงคนนี้…หรือปลาตัวนั่น กันแน่!
ขณะเดียวกัน นอกวัฏจักรนี้ บนดาวผุพังดวงนั้น ตรงกลางหลุมลึกที่มีแสงแก่นยมโลกของซูหมิงปกคลุม กระเรียนขนร่วงกำลังหาววอด บางครั้งก็กวาดสายตามอง ซูหมิงที่กำลังนั่งฌาน ตรงระหว่างคิ้วซูหมิงมีเส้นสีดำสายหนึ่งเชื่อมกับแหวนสีขาว
กระเรียนขนร่วงหาววอดๆ ก่อนมองแหวนสีขาวที่ลอยอยู่อีกครั้งด้วยท่าที เบื่อหน่ายมาก
“หึหึ ท่านกระเรียนฉลาดนัก นึกวิธีหลอมทุกสรรพสิ่งอันร้ายกาจแบบนี้ออกมาได้ ดูท่าเมื่อก่อนข้าคงไม่ธรรมดาจริงๆ บางทีอาจเป็นคนใหญ่คนโต” ขณะกระเรียนขนร่วงกำลังเบื่อหน่ายมันก็เริ่มคุยโม้กับตัวเอง ความรู้สึกในการคุยโม้แบบนี้เป็นเรื่องที่มันชอบมากที่สุด หากมันเบื่อเมื่อใดก็จะเป็นแบบนี้เสมอ
“พูดถึงท่านกระเรียนผู้นี้…..หืม ข้าเหมือนนึกอะไรออกอีกแล้ว เหมือนว่า วิธีแห่งการหลอมทุกสรรพสิ่งจะมีข้อเสียบางอย่างอยู่ คลับคล้าย…จะร้ายแรงมาก เสียด้วย?” กระเรียนขนร่วงอึ้งไป มันใช้กงเล็บเกาหัวขนร่วง ก่อนเดินวนอยู่ใน แสงแก่นยมโลกโดยจิตใต้สำนึก
“แปลก เป็นข้อเสียแบบใดกัน บัดซบ เหตุใดถึงนึกไม่ออก…” กระเรียนขนร่วงมี สีหน้าโกรธ มันบินออกจากแสงแก่นยมโลกไปโดยไม่รู้ตัว มาปรากฏอยู่นอกหลุมลึก ทว่าทันทีที่ออกมา กระเรียนขนร่วงพลันเบิกตากว้าง เหม่อมองตรงจุดที่ไป๋เฟิ่งอยู่ในตอนแรก มันเห็นไป๋เฟิ่งหมดลมหายใจไปแล้ว ทว่าตรงระหว่างคิ้วไป๋เฟิ่งมีเส้นสีดำเส้นหนึ่งลากยาวเข้าไปในแสงแก่นยมโลก
กระเรียนขนร่วงมีสีหน้าเหมือนจะร้องไห้ มันตามเส้นสีดำเข้าไปในแสงแก่นยมโลก จนกระทั่งไปถึงแหวนสีขาว มันก็เห็นว่าเส้นสีดำนี้เชื่อมกับ…แหวนสีขาว
“สมควรตาย ข้านึกออกแล้ว เวลาหลอมสมบัติล้ำค่าสิ่งที่ต้องระวังที่สุดคือ ห้ามมีคนอื่นอยู่รอบๆ จบสิ้นแล้วๆ หากซูหมิงล้มเหลว ท่านกระเรียนผู้หลักแหลมก็ จะดับสูญไป…” กระเรียนขนร่วงมีสีหน้าวิตก มันรู้ว่าตัดเส้นสีดำนั้นไม่ได้ มิเช่นนั้นแล้วจะส่งผลถึงซูหมิงอย่างใหญ่หลวง และทำให้การหลอมล้มเหลว
แต่หากล้มเหลว การจะหลอมครั้งที่สองแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย ถึงอย่างมันก็เหมือนกับภาพจำครั้งแรกสุด หากยังมีภาพจำอยู่ก็ยากจะเปลี่ยนแปลง
กระเรียนขนร่วงใช้กงเล็บเกาหัวไม่มีขนไม่หยุด ทันใดนั้นดวงตามันขยับประกายวาว ก่อนยกกงเล็บขึ้นเหมือนคำนวณอะไรบางอย่าง เพียงไม่กี่ลมหายใจมันก็มี สีหน้าโล่งอก
“มีโชควาสนาซ่อนอยู่ เฮอะๆ ในเมื่อมีโชควาสนาในนั้น เช่นนั้นต่อให้ซูหมิงล้มเหลว ก็จะโทษว่าข้าไม่เตือนไม่ได้ ถูกๆ เอาแบบนี้แล้วกัน ข้าแสร้งไม่บอกเขาเพื่อให้ เขาได้รับโชควาสนา ไม่เลว ท่านกระเรียนฉลาดจริงๆ ฮ่าๆ” กระเรียนขนร่วงหัวเราะเสียงดังอย่างลำพองใจ ก่อนเริ่มคุยโวกับตัวเองไม่หยุด……