ตอนที่ 1151 ใบไม้มีกี่ลาย…
ซูหมิงนั่งอยู่บนเกี้ยว ออกแรงสั่นศีรษะ เขารู้สึกรางๆ เหมือนความคิดขุ่นมัว คล้ายว่ามีม่านหนึ่งชั้นปกคลุมความทรงทำเขา ทำให้เขาต้องใช้แรงนึกเล็กน้อยถึงจะนึกออกว่าตนในอดีตเป็นใคร
เขามองหลายคนในร้านบะหมี่นอกเกี้ยวสนทนากัน มองหญิงที่ส่งเสียงร้องเรียกแหลมเล็กกลางสายฝนไกลลิบค่อยๆ เดินไกลออกไป ซูหมิงเหมือนนึกอะไรบางอย่างออก
แต่ตอนที่นึกดูดีๆ กลับว่างเปล่า
เขานั่งอยู่บนเกี้ยวเงียบๆ คอยตามชายร่างกำยำนำทางไปเรื่อยๆ จนกระทั่งในมุมหนึ่งของเมืองนี้ บ้านหลังหนึ่งสร้างเป็นห้องล้อมสี่ด้านส่วนตรงกลางเป็นลานบ้าน บ้านนี้ไม่ใหญ่ แต่กลับละเอียดและงดงาม นอกประตูแขวนโคมไฟไว้สองอัน เพียงแต่ตอนนี้มันมอดดับและแกว่งไกวกลางพายุฝน
ภายในบ้าน แม้ฝนจะตกหนักมาก แต่กลับมีคนไม่น้อยกำลังยุ่งอยู่กับงาน แต่หากมองดีๆ จะพบว่าภายในบ้านนี้แทบทุกคนจะมีสีหน้าตื่นกลัว ตัวสั่นงันงก ราวกับตกใจกับอะไรบางอย่าง
เกี้ยวหยุดอยู่นอกบ้าน ผ้าม่านถูกเปิดออก ตามด้วยชายร่างกำยำคนนั้นมองซูหมิง อย่างร้อนรน
“หมอโม่ ช่วยภรรยาข้าด้วย…”
ซูหมิงพยักหน้า เขาหิ้วกล่องยารีบเดินลงจากในเกี้ยว ก่อนถูกชายร่างกำยำดึงวิ่งเข้าไปในบ้าน ทว่าทันทีที่เขาเดินเข้าไป ก็มีเสียงกรีดร้องดังแว่วมาจากในบ้าน นั่นคือเสียงสตรี เสียงนี้อ่อนแอมาก เหมือนจะรับความเจ็บปวดไม่ไหว
ขณะเดียวกันมีหญิงชราคนหนึ่งเปิดประตูออกมาจากในบ้านด้วยสีหน้าหวาดกลัว ตอนที่เดินออกมายังตัวสั่นและตะโกนเสียงดัง
“ปีศาจ นี่มัน….ปีศาจ!” หญิงชราคนนั้นก็คือหมอตำแยที่ถูกเชิญกลับมาใหม่ นางเพิ่งกล่าวก็มีคนเดินเข้าไปจับตัวแล้วลากออกจากบ้านอย่างเร็วไว
ซูหมิงหยุดชะงักครู่หนึ่ง ชายร่างกำยำตรงหน้าหันกลับมาคุกเข่าให้เขาอีกครั้งพร้อมน้ำตา
“หมอโม่ ข้าเชิญหมอตำแยมาสามคนแล้ว เพื่อครู่ก็คนที่สี่ แต่ทุกคนจะเป็นเช่นนี้ ตะโกนว่าปีศาจแล้วก็ไม่ช่วยต่อ ขอร้องล่ะหมอโม่ช่วยพวกเราด้วย ขอร้องล่ะ ข้าจะโขกศีรษะให้ท่าน” ชายร่างกำยำคนนั้นโขกศีรษะกับพื้นไม่หยุด ซูหมิงถอนหายใจเบา ไม่ได้สนใจชายร่างกำยำ แต่หิ้วกล่องยาเดินเข้าไปในห้องของภรรยาที่จะคลอด
เพิ่งเข้าไปในห้อง ซูหมิงก็เห็นทันทีว่าบนเตียงมีหญิงนอนอยู่คนหนึ่ง นางหน้าซีดขาวเหมือนใกล้จะสิ้นใจแล้ว ตอนที่เห็นนาง ซูหมิงใจสั่นสะท้าน เพราะหน้ำตานางคือไป๋เฟิ่ง!
ท้องไป๋เฟิ่งนูนขึ้น แต่ในนั้นซูหมิงเห็นรางๆ ว่ามีร่างเงาปลาตัวใหญ่ตัวหนึ่งขยับวูบวาบ ปลาใหญ่ตัวนั้นคือตัวเดียวกับที่เขาเห็นในวัฏจักรแรก
พอซูหมิงเห็นดังนั้นแล้วพลันเกิดเสียงครึกโครมในความคิด เขาเหมือนเข้าใจ และยังนึกถึงหญิงเสียสติคนนั้นรวมถึงคำสนทนาของคนเหล่านั้นในร้านบะหมี่
‘วัฏจักร….นี่ก็เป็นวัฏจักรหรือ วัฏจักรไม่ใช่วงกลมอย่างที่ข้าเข้าใจก่อนหน้านี้ จากต้นสู่ปลายก็คือการเปลี่ยนแห่งวัฏจักร
วัฏจักร มันไม่ใช่วงกลมหนึ่ง มันเป็นรูปแบบใดก็ได้ มันคือจุดนับไม่ถ้วนที่รวมขึ้นเป็นหนึ่งโลก!
วัฏจักรแรกก่อนหน้านี้ข้าเป็นชาวประมง คือหนึ่งจุด เห็นไป๋เฟิ่งถูกปลากินไปกับตา จากนั้นวัฏจักรที่สอง ข้าไม่ใช่ชาวประมงอีก แต่เป็นหมอ ทว่าก็ยังอยู่ในโลกเดิม เพียงแค่เปลี่ยนจุด!
นี่คือหนึ่งโลก และข้า….เพราะวัฏจักรหลายครั้งจึงกลายเป็นหลายคนในโลกนี้ นี่….ก็คือวัฏจักรหรือ?’ ซูหมิงใจสั่นสะท้าน เหมือนจะเข้าใจอะไรบางอย่างจริงๆ แต่กลับยังขาดอีกเล็กน้อย มักจะรู้สึกว่ามีบางส่วนเชื่อมไปไม่ได้
เสียงกรีดร้องจากหญิงใกล้คลอดขัดความคิดซูหมิง ทำให้สายตาที่มองนางเปลี่ยนเป็นซับซ้อนเล็กน้อย
‘คนนี้กับทารกในครรภ์ เห็นได้ชัดว่าทำรกนั้นเกิดจากแหวน ต้องสละชีวิตหญิงคนนี้เพื่อให้ทารกกำเนิด ก็จะผูกชะตากับมันได้….เพียงแต่ว่า….’ ซูหมิงเงียบ เขารู้สึกรางๆ ถึงพลังงานในวัฏจักร นี่คือพลังแห่งดวงชะตา เป็นเหมือนหนึ่งจุดในจุดมากมายในโลกนี้ ทว่าจุดนี้สามารถเปลี่ยนแปลงโลกทั้งใบให้ตรงข้ามกันได้
อย่างเช่นตอนนี้ หากซูหมิงเลือกทารกก็จะให้นางคลอดออกมาอย่างราบรื่น แต่หญิงคนนี้จะต้องตาย ทารกที่เกิดมาจะไม่มีมารดา อนาคตเป็นอย่างไรไม่มีใครรู้
ทว่าหากเลือกมารดาก็ต้องสังหารทารกทิ้ง ดังนั้นแล้ว โลกนี้จะหายไปหนึ่งจุด และเพราะหายไปหนึ่งจุด จึงไม่มีการเปลี่ยนแปลงเพราะจุดนี้อีกชั่วนิรันดร์
‘วัฏจักรทุกครั้งล้วนเกี่ยวข้องกัน เรื่องที่เกิดขึ้นในวัฏจักรก่อนมีการเปลี่ยนแปลงนับไม่ถ้วน การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้จะเปลี่ยนไปอย่างไร้รูปตามการเลือกของข้า…..
อย่างเช่นในวัฏจักรแรก หากปลาตัวนั้นไม่กินเด็กหญิงน้อย วันนี้หญิงคนนี้ก็จะไม่คลอดยาก…..และก็ไม่ปรากฏมารดาเสียสติกลางสายฝน…..’
ซูหมิงเงียบ เขามองหญิงที่กลิ่นอายพลังอ่อนแอลงเรื่อยๆ มองทารกที่มีกลิ่นอายพลังอ่อนแอลงเช่นกัน ผ่านไปพักใหญ่ถึงยกมือขวาขึ้นโบกไปทางหญิงคนนั้น ฉับพลันนั้นกลิ่นอายพลังนางพลันเด่นชัดขึ้นมา แต่เบื้องหลังความเด่นชัดคือชีวิตไหลออกอย่างรวดเร็ว เพียงไม่กี่ลมหายใจตอนที่มีเสียงทารกดังขึ้น นางยิ้มมุมปาก หลับตาลง กลิ่นอายพลังหายไป
ผู้ใหญ่สิ้นใจ ทารกรอด หรืออาจพูดได้ว่าทำรกคนนี้เกิดออกมาได้เพราะผู้ใหญ่สิ้นใจ อาศัยการตายของคนหนึ่งแลกเป็นหนึ่งชีวิตเกิดมา!
ซูหมิงอุ้มทารกคนนั้นเปิดประตูห้องออกเงียบๆ มองไปนอกประตูห้อง เห็นชาย ร่างกำยำมีสีหน้าร้อนใจ พอชายร่างกำยำเห็นทารกแล้วก็มีสีหน้าตื่นเต้น ก่อนเดินเข้ามาหลายก้าว ทว่าเมื่อเห็นหญิงที่กลิ่นอายพลังมอดดับบนเตียงแล้วกลับหน้าซีดขาว ร่างโซเซถอยไป นัยน์ตาฉายแววเศร้าและโกรธ เขาหยุดชะงักครู่หนึ่งแล้วเงยหน้าตะโกนเสียงแหลมเล็กขึ้นฟ้า ไม่มองซูหมิงกับทารกอีก
แต่เดินเข้าไปข้างเตียงนั้น มองหญิงที่แม้จะสิ้นใจไปแล้วแต่กลับยิ้มมุมปากด้วยความรักของมารดา น้ำตารินไหลลง
“นี่คือการเลือกของเจ้ารึ เหตุใดถึงไม่ถามข้า เพราะเหตุใด!” ชายร่างกำยำหันหน้ามาจ้องซูหมิงเขม็ง เขาไม่มองทารกในอ้อมกอดซูหมิงแม้แต่น้อย แต่ตะโกนใส่ราวกับเป็นบ้า
เสียงตะโกนแหลมสูงทำให้ซูหมิงถอนหายใจเบา ทว่าตอนนี้เอง ดวงตาชายร่างกำยำคนนั้นเกิดเส้นเลือดฝอย เขายกมือขวาขึ้นชี้ซูหมิง
เมื่อชี้ไป ภยันตรายร้ายแรงพลันผุดขึ้นในใจซูหมิง ตอนที่เขาหันไปมอง ดวงตาพลันหรี่แคบลง เขาเห็นภาพน่าเหลือเชื่อฉากหนึ่ง!
เขาเห็นว่าข้างหลังชายร่างกำยำคนนั้นเหมือนปรากฏร่างเงาเลือนรางหนึ่ง ร่างเงานี้อ่อนแอยิ่ง คล้ายว่าเพียงสายลมพัดก็หายไปแล้ว ทว่าชั่วพริบตาที่เห็นร่าง เงานี้ ในใจเขาสั่นไหวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้…..” ซูหมิงพึมพำ ตรงระหว่างคิ้วปรากฏโพรงโลหิตหนึ่ง โลหิตไหลไม่หยุด เป็นการฝังชีวิตเขาและก็ฝังวิญญาณเขา
เขาหลบนิ้วนั้นไม่ได้ ราวกับเป็นหนึ่งนิ้วแห่งโชคชะตา ช่วงที่เขาเห็นเงามายาข้างหลังชายร่างกำยำ นั่นได้ลิขิตไว้แล้วว่าเขาต้องตายที่นี่
ร่างเงานั้น….คือซูหมิงเห็นตัวเอง
ร่างค่อยๆ ล้มลง ช่วงที่จิตสำนึกเขาหายไป โลกทั้งใบหยุดนิ่ง ค่อยๆ แตกออกเป็นน้ำวนยักษ์ กลางน้ำวนนี้ เศษเหล่านี้รวมขึ้นไม่หยุด ตอนที่กลายเป็นโลกสมบูรณ์ อีกครั้ง เขาลืมตาขึ้น
ท้องฟ้ามีฝนตก ยามค่ำคืนมืดทึบ แต่แสงไฟรอบๆ ยังคงสว่าง เสียงร้องแหลมจากในห้องทำให้ซูหมิงได้สติกลับมา เขามองไปรอบๆ ก็พบว่านี่เป็นบ้านสี่มุมหลังหนึ่ง มองบ้านนี้พลางรู้สึกคุ้นเคยมาก เพียงแต่ในความคุ้นเคยมีความแปลกตาเสี้ยวหนึ่ง
ทว่าความรู้สึกแปลกตานี้อ่อนบางมากจนซูหมิงอดมองข้ามไปมิได้ แต่แทนที่ด้วยความร้อนใจ เขาเห็นคนรับใช้วิ่งวุ่น
อยู่ในบ้าน เห็นร่างเงาใต้แสงไฟในห้อง คนที่กำลังเจ็บอยู่นั้นคือภรรยาเขา
วันนี้เป็นวันที่ภรรยาเขาจะคลอด แต่ผ่านไปนานมากแล้ว เปลี่ยนหมอตำแยมาสองคนแล้ว ทุกคนต่างวิ่งออกมาด้วยสีหน้าตื่นกลัว ไม่ว่าจะพูดอย่างไรก็ไม่ยอม ทำคลอดต่อ
“ปีศาจ…..ปีศาจ!” ประตูห้องถูกผลักออกมาจากข้าใน ก่อนมีหญิงชราคนหนึ่ง วิ่งตัวสั่นออกมา วิ่งผ่านประตูห้อง ซูหมิงเห็นภรรยาในนั้นกำลังดิ้นรนด้วย ความเจ็บปวด แต่ละภาพทำให้เขาเจ็บปวด
เขาลืมอดีตของตนไปแล้ว เหมือนว่าเดิมทีเขาควรจะเป็นคนนี้อยู่แล้ว เขาคือ ขุนนางที่มีชื่อเสียงอยู่บ้างที่นี่ มีฐานะมั่นคง มีภรรยาสวย มีผลงานและตำแหน่งชื่อเสียง แต่ยามนี้เขากลับทำอะไรไม่ได้ ทำได้เพียงมองภรรยาเจ็บปวด มองหมอตำแยตัวสั่นร้องตะโกนว่าปีศาจ
“ส่งคนไปแบกเกี้ยว พวกเราจะไปหาหมอโม่!” ซูหมิงกัดฟัน เขานึกถึงหมอโม่ ผู้ปราดเปรี่องที่สุดในเมือง แต่เขากลับไม่ค่อยชอบอีกฝ่ายนัก ทว่าวันนี้เขาไม่สนอย่างอื่นแล้ว จึงหมุนตัวฝ่า
ฝนพาข้ารับใช้รีบวิ่งออกไปนอกบ้าน กลุ่มคนนี้ผ่านร้านบะหมี่แห่งหนึ่งด้วยความว่องไว เขาไม่ได้มองชายชราเจ้าของร้านบะหมี่ที่กำลังนั่งสูบบุหรี่อยู่ตรงนั้น ซ้ำยังกวาดสายตามองตน
เขาไม่สนใจหญิงเสียสติที่ตะโกนพูดว่าเฟิ่งเอ๋อร์กลางสายฝนซึ่งอยู่ไม่ไกล เสียงแหลมของนางในค่ำคืนช่างทำให้ว้าวุ่นใจนัก
จนกระทั่งเขามาอยู่นอกบ้านของหมอโม่ เขาก็รีบตรงเข้าไปตบประตูอย่างแรง สายฝนสาดใส่ตัวเขาพร้อมด้วยความหนาว แต่ตอนนี้เขาไม่สนใจสิ่งใดแล้ว เขาสนใจเพียงภรรยากับบุตรของเขา
“หมอโม่อยู่หรือไม่ ขอให้หมอโม่ช่วยคนด้วย!”
ตอนที่ประตูเปิดออก เขาก็คว้ามือหมอวัยกลางคนออกมาด้วยสีหน้าร้อนใจ
“หมอโม่ช่วยด้วย ภรรยาข้าจะคลอดแล้ว หมอโม่ช่วยด้วย…..”