ตอนที่ 1157 หนึ่งภพชาติเก้าชีวิตคน
เทียบกับอันตรายที่กระเรียนขนร่วงกำลังเผชิญและเสียงครึกโครมจากยอดฝีมือหกคนที่คิดจะแย่งชิงสมบัติ โลกภายในวัฏจักรเงียบสงบ
ไม่มีสายลม ดังนั้นจึงไม่เกิดคลื่น ไม่มีต้นไม้ ใบใม้เลยไม่ขยับไหว ทุกอย่างสงบนิ่ง…มีเพียงการเปลี่ยนแปลงของฤดูกาลที่ดำเนินไปเงียบๆ โดยไม่รู้ตัวตามกฏที่ต่างกับโลกภายนอก
กาลเวลาผ่านไปอย่างเร่งรีบ มองตะวันขึ้นตะวันลง มองร่างเงาคนขวักไขว่ ซูหมิงอยู่ร้านบะหมี่นี้ ชินกับรสชาติของมวนบุหรี่แล้ว ชินกับการผูกตุ๊กตาปมหญ้าแล้ว และก็ชินกับการใส่ปลาไปในน้ำซุป ทำให้มันเต็มไปด้วยรสสดทุกๆหลายวันจะมีชาวประมงมา ซูหมิงมองชาวประมงราวกับมองตัวเองในวัฏจักรหนึ่งในอดีต และก็มองปลาที่ถูกส่งมาให้ ตอนที่มันขึ้นจากน้ำและอ้าปากเหมือนหายใจติดขัด ซูหมิงก็รู้สึกเหมือนเห็นตัวเองในวัฏจักร
และยังมีหมอที่ผ่านทางมาทุกครั้งจะไม่เข้ามาเหยียบที่นี่เด็ดขาดกับขุนนางที่ย้ายมาในเมืองนี้ รวมถึงในคืนฝนตกคืนหนึ่ง ขุนนางให้คนแบกเกี้ยวไปรับหมอคนนั้นมา
ซูหมิงมองพวกเขาแล้วหลับตาลง
ภายในร้านบะหมี่มักจะมีครูสอนหนังสือที่ดูเป็นทุกข์คนหนึ่งชินกับการดื่มน้ำซุปที่นี่ ดื่มซุปพร้อมกับกินบะหมี่…
บางครั้งก็มีเด็กหญิงน้อยผ่านทางมา และมักจะเล่นกับเด็กชายที่ร้านบะหมี่ เสียงหัวเราะพวกเขาดังก้องเข้าไปในหูซูหมิง ทุกครั้งที่มองไปเขาจะยิ้มมุมปาก
“ชาวประมง เด็กหญิงน้อยปลา หมอ ขุนนาง ครูสอนหนังสือ บุตรชายที่เติบใหญ่ ชายชราตุ๋นซุปลวกบะหมี่…แปดคนนี้ แปดชีวิต ทว่าในชีวิตพวกเขากลับมีการตัดสลับกันไม่น้อย ส่งผลถึงกันและกัน…” ยามอาทิตย์ตกดิน สายฝนตกลงมาทีละน้อย ซูหมิงนั่งอยู่บนหินใหญ่ มองเมฆดำไกลๆ พลางพูดกับตัวเอง
นัยน์ตาเขาฉายแววเข้าใจและมีการปลงอนิจจังเสี้ยวหนึ่ง
“เหมือนกับตะวันขึ้นทางตะวันออกและตกทางตะวันตก ดวงชะตาอยู่ในนั้น นี่คือชะตาขึ้นชะตาลง…และก็เป็นวัฏจักร…วัฏจักรเกิดจากชะตานับไม่ถ้วนตัดสลับกันจนเป็นตาข่าย ทุกสิ่งมีชีวิตในตาข่ายคือส่วนหนึ่งของวัฏจักร” ซูหมิงถอนหายใจเบา
‘วิธีแห่งการหลอมทุกสรรพสิ่งดีจริงๆ…นี่มันใช่การเข้าไปอยู่ในวัฏจักรที่ไหนกัน นี่คือการตระหนักรู้แห่งขั้นชะตา นี่คือชะตาที่ผูกกับแหวนวงนั้นหลายต่อหลายครั้ง ชะตาเหล่านี้กลายเป็นเส้นมัดมันทีละชั้น จนกระทั่งมัดต่อไปไม่ได้และแยกกันไม่ได้…
โลกนั้น ข้าคือชาวประมง มันคือปลา ไป๋เฟิ่งคือเด็กหญิงน้อย ข้าตกมันขึ้นมาจากน้ำ ก็เป็นการผูกชะตาไร้รูปกับมันแล้ว ไป๋เฟิ่งปล่อยมันไป แต่จากนั้นถูกมันกระชากลงน้ำ ก็เป็นเพราะผูกชะตาเช่นกัน…เพราะแบบนี้…จึงเกิดวัฏจักรต่อจากนั้น เพราะนี้คือชะตาขึ้น…
โลกนั้นข้าคือหมอ มันคือทารกในท้องสตรี ไป๋เฟิ่งคือมารดามัน…ข้าสังหารไป๋เฟิ่งเอามันออกมา…ดังนั้นเลยผูกชะตากับมัน นี่คือชะตาแห่งการช่วยชีวิต
โลกนั้นข้าคือขุนนาง มันคือทารกในท้องภรรยาข้า ข้ามองมันเติบใหญ่ มันคือไป๋เฟิ่ง และก็เป็นวิญญาณแหวน นี่คือชะตาแห่งสายเลือด…
โลกนั้นข้าคือครูสอนหนังสือ สอนให้สร้างกุศลกรรม ก็เป็นการผูกบุญคุณแห่งการสั่งสอน…
โลกนั้นข้าเป็นปลา มันคือชาวประมง วัฏจักรย้อนกลับ ข้าได้สัมผัสความเจ็บปวดของมันในตอนนั้น นี่คือชะตาแห่งความรู้สึกร่วมกัน…
ผ่านไปทีละภพชาติ จนกระทั่งข้ากับไป๋เฟิ่งตบแต่งกัน มันคือบุตรข้า นี่คือชะตาบิดาในสายเลือด…ชะตาของข้ากับแหวนผ่านมาเจ็ดภพชาติ ในภพชาติที่แปดข้าคือชายชรานับชีวิตคนพลางมองวัฏจักรเงียบๆ…
วิธีแห่งการหลอมทุกสรรพสิ่งมีวัฏจักรเก้าครั้ง ข้าผ่านมาแปดแล้ว ขาดอีกเพียงครั้งเดียว…หนึ่งครั้งที่หายไป บางทีอาจเป็นชะตาลง ชะตาขึ้นชะตาลง หนึ่งความฝันแห่งวัฏจักร’ ซูหมิงส่ายศีรษะ เขาลืมตาขึ้นมองโลกตรงหน้าอีกครั้ง ข้างนอกฝนตกหนักมาก ส่งเสียงดังซ่าๆ มองอยู่นาน ขณะกำลังจะหลับตาลงอีกครั้ง เขาก็ได้ยินเสียงร้องแหลมรางๆ เดี๋ยวโผล่เดี๋ยวหายดังมาจากกลางสายฝน
“เฟิ่งเอ๋อร์…เฟิ่งเอ๋อร์…”
ซูหมิงใจสั่นสะท้าน แต่กลับยังคงหลับตาลง เพราะเขาเข้าใจแล้วว่าหนึ่งภพที่หายไป บางที…คงอยู่มาตลอด เพียงแค่เขาลืมไปเท่านั้น
ช่วงที่เขาหลับตาลง โลกทั้งใบกลายเป็นเศษนับไม่ถ้วน เศษเหล่านี้ม้วนเข้าด้วยกันกลายเป็นน้ำวนหนึ่ง ตอนที่หมุนโคจรเสียงดังสนั่นก็ค่อยๆ กลายเป็นความว่างเปล่า
ณ โลกแท้จริงดาราสัจธรรม ดาวที่ซูหมิงนั่งฌานพังทลายลงแล้ว เหลือเพียงหินหลุมลึกที่กระเรียนขนร่วงปกป้องอยู่ รอบๆ ถูกหินผุพังสิบสามก้อนล้อมกำราบ แสงแก่นยมโลกที่กระเรียนขนร่วงอยู่ยังถูกยอดฝีมือหกคนร่วมมือกันโจมตี ทำให้กระเรียนขนร่วงรำแพนหางสีดำด้วยความบ้าคลั่ง เกิดเสียงเสียดสีดังขึ้น
ฟ้ากระจ่างดาวเหมือนจะหยุดนิ่ง แสงแก่นยมโลกที่ล้อมซูหมิงขยายออกไปข้างนอกในเสี้ยวพริบตา ไม้ยักษ์นั้นรับไปเต็มๆ ก่อน มันพลันแตกออกทีละชั้นจนเป็น เถ้าธุลีหายไป ผีร้ายสามหัวนั้นกรีดร้องเสียงแหลม ร่างถอยไปอย่างเร่งรีบ ร่างรวมมันเกิดควันดำลอยโชย อ่อนแอลงไม่น้อยในทันใดดาบเหมันต์ตกลง เมื่อปะทะกับแสงดำแล้วก็กระเด็นถอยไป ท่ามกลางเสียงดังกึกก้อง ชายหนุ่มเสื้อคลุมดาราหน้าเปลี่ยนสี ร่างซวนเซถอยไปหลายก้าวติดกัน และยังมีประทับยักษ์จากชายชราแซ่เหมียว เมื่อปะทะกับแสงแก่นยมโลกจากกระเรียนขนร่วงรำแพนหางแล้วก็พังทลายลงทันที ทำให้ชายชราแซ่เหมียวหรี่ตาลง
มีเพียงแสงกระบี่สีขาวที่ปล่อยมาจากกระบี่ยาวสีขาวระหว่างสองมือของสองคนที่เป็นคู่ชีวิตเท่านั้นที่ปะทะกับแสงแก่นยมโลกแล้วก็อ่อนลงอย่างมาก แต่กลับไม่หายไป เพียงกลายเป็นเส้นหนึ่งพุ่งไปยังซูหมิงที่นั่งฌานอยู่
เห็นได้ชัดว่าจุดสำคัญของคู่ชีวิตสองคนนี้ไม่ใช่กระเรียนขนร่วง และก็ไม่ใช่แหวนนั้น แต่เป็นซูหมิง!
ขอเพียงสังหารซูหมิง ทุกอย่างก็จะไม่ต้องกังวลอีก
ขณะเดียวกัน เมื่อเกิดเสียงระเบิดดังก้อง หลังกระเรียนขนร่วงโจมตีครั้งสุดท้ายด้วยการรำแพนหาง แสงแก่นยมโลกที่ล้อมรอบซูหมิงหายไปเยอะมาก ทำให้จุดที่ซูหมิงอยู่รวมถึงหน้าตาเขาค่อนข้างชัดเจนในสายตาทุกคน
กระเรียนขนร่วงคำรามทีหนึ่ง ตัวมันเกิดเสียงปุงปัง ก่อนกลับมาร่างเดิมอีกครั้ง สีหน้ามันดูอ่อนแรง อีกทั้งร่างวิญญาณยังโปร่งแสงลงไปครึ่งหนึ่ง มันขยับวูบไหวพุ่งไปหาซูหมิง หมายจะรีบสกัดเสี้ยวกระบี่สีขาวที่เข้าไปใกล้ซูหมิง แต่ตอนนี้เอง ผีร้าย สามหัวที่เดิมทีถอยไปพลันหมุนตัวกลับ ดวงตาหกดวงในสามหัวจ้องกระเรียนขนร่วงตาเขม็ง จากนั้นก็พุ่งเข้าไปหามันด้วยความเร็วยากจะบรรยาย
“สมควรตาย ร่างวิญญาณเดรัจฉานขนร่วงนี้เป็นของข้า ใครก็ห้ามแย่งข้า ข้าจะกินมัน ข้าจะเคี้ยวมันให้แหลกทีละนิด!” ผีร้ายสามหัวร้องคำราม พอเห็นกระเรียนขนร่วงเข้าไปใกล้ซูหมิง แต่ก็ทำได้เพียงมองเสี้ยวกระบี่สีขาวมุดเข้าไปในร่าง
ระหว่างคิ้วเขา ส่วนผีร้ายสามหัวตามมาข้างหลังแล้ว มันยกกงเล็บผีขึ้นตะปบเข้ามาพลางแสยะยิ้ม คนอื่นรอบๆ ในตอนนี้ต่างพุ่งเข้ามา ตอนนี้เองมีเสียงเรียบๆ ดังก้อง เสียงนี้ไม่สูง แต่ตอนที่ดังขึ้นกลับทำให้ทุกคนรอบๆ พากันใจสั่นสะท้าน!
“ใครให้สิทธิ์นี้กับเจ้า…” ทันทีที่เสียงดังขึ้น ซูหมิงลืมตา ในดวงตายังมีการผ่านโลกมาอย่างโชกโชนซึ่งเหลือจากวัฏจักร และยังมีประกายเย็นชาที่ให้ฟ้าดินยอมศิโรราบ รวมถึงแรงกดดันที่ทำให้ผืนฟ้าสั่นไหว จักรวาลต้องยอมศิโรราบ!
มิหนำซ้ำ ยังมีกลิ่นอายชั้วร้ายไม่มีที่สิ้นสุดแผ่มาจากตัวเขาอย่างชัดเจน เมื่อประกอบกับหน้าตาเขาแล้ว ทำให้ความรู้สึกจากตัวซูหมิงเหมือนกลายเป็น มวลอากาศขุ่นมัวยักษ์ ความขุ่นมัวนี้สามารถสูบดวงจิตทุกอย่างในฟ้าดิน โดยเฉพาะความรู้สึกทำลายล้างจากตัวซูหมิง ยามนี้ยังระเบิดออกมาโดยไม่กักเอาไว้แม้แต่น้อย
เขายกมือขวาขึ้น เพียงคว้าไปผีร้ายสามหัวร่างแปลงจากยอดฝีมือคนนั้นพลัน ไร้แรงต่อต้านใดๆ ดวงตาฉายแววหวาดกลัว ร่างรวมมันหายไปโดยพลัน ทว่าใน เสี้ยวพริบตานี้ มันกลับมาปรากฏอยู่ในมือซูหมิงเอง จากนั้นซูหมิงก็ใช้มือทะลวงผ่านร่างมันเข้าไปคว้าหัวใจข้างใน!
“เป็นเจ้ารึ?” ซูหมิงกวาดสายตามองชายหนุ่มเสื้อคลุมดาราคนนั้นเป็นคนแรก อีกฝ่ายหน้าซีดขาวในทันใด ในความคิดเกิดเสียงครึกโครม ร่างซวนเซถอยไปติดกันหลายก้าว ตอนที่กระอักเลือด หัวใจเขาถูกสั่นไหวอย่างรุนแรง ทำให้เขาส่ายหน้าโดยจิตใต้สำนึก หากกล้าพยักหน้า อีกฝ่ายเพียงแค่ใช้ความคิดก็ให้ตนร่างระเบิดได้เป็นหมื่นครั้ง
“เช่นนั้นเจ้ารึ?” ซูหมิงมองชายชราแซ่เหมียว เขาหน้าขาวซีด ตัวสั่นเทา เขารู้สึกถึงความน่าสะพรึงกลัวอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนจากซูหมิง ความกลัวนี้เหมือนกับอีกฝ่ายคือจักรวาล ตอนนี้จักรวาลกำลังจะสังหารทุกคนด้วยความเย็นชาไร้ปรานี
และตนเป็นเพียงมดปลวกตัวจ้อยที่อยู่ใต้โทสะของจักรวาล!
“เช่นนั้นก็คงเป็นเจ้า!” ซูหมิงกล่าวเรียบๆ ทันทีที่เอ่ยไป แหวนสีขาวตรงหัวเขาขยับไหว ก่อนมีระลอกคลื่นวงแหวนกระจายออกแบบตามอำเภอใจ
วูบ
เดียวก็หายไป ตอนที่ปรากฏขึ้นในทันใดมันมาอยู่ตรงหน้าชายเสื้อคลุมม่วงที่ใช้ไม้ยักษ์แล้ว ชายคนนั้นมีสีหน้าตื่นกลัว ยังไม่ทันกล่าวใดๆ ระลอกคลื่นผ่านร่างเขาไปพร้อมกับร่างกายและวิญญาณแหลกสลาย
ขณะเดียวกับที่ร่างเขาแหลกสลาย ซูหมิงบีบมือขวาช้าๆ หัวใจของคนที่ใช้ร่างรวมซึ่งอยู่ในมือเขาค่อยๆ แตกออก เกิดเสียงดังปัง ทั่วร่างกลายเป็นหมอกกลุ่มหนึ่ง จากนั้นก็สะบัดมือส่งมันเข้าไปตรงริมปากกระเรียนขนร่วง
“ค่อยๆ เคี้ยวไป ข้าไม่ได้สลายวิญญาณเขา อยากให้เจ้าเคี้ยวเขาให้แหลกทีละนิด” ซูหมิงเอ่ยขึ้นเรียบๆ นัยน์ตากระเรียนขนร่วงฉายแววตื่นเต้นและฮึกเหิมทันที ก่อนอ้าปากกว้าง เอากงเล็บจับเอาไว้แล้วยัดหมอกวิญญาณจากร่างรวมนั้นเข้าไป ในปาก ตามด้วยเคี้ยวทีละนิดจริงๆ เสียงกรีดร้องดังแว่วมาทำให้ทุกคนใจสั่นไหว อีกทั้งตอนนี้สายตาที่มองซูหมิงยังเต็มไปด้วยความกลัวราวกับเห็นมารร้ายโบราณที่สามารถเขย่าจักรวาล!
“หนี!” ตอนนี้ในความคิดยอดฝีมือสี่คนที่เหลือรวมถึงยี่สิบกว่าคนมีเพียงความคิดเดียว!