ตอนที่ 1156 เส้นทางแห่งยมโลก
“แสงนี้…” ทันทีที่ชายหนุ่มชุดคลุมดาราเห็นแสงสีดำ เขาขมวดคิ้วขึ้นเหมือนนึกอะไรออก
“นี่มันแสงแก่นยมโลก! ข้าเคยเห็นในโลกแท้จริงดาราสัจธรรม ตอนนั้นใต้เท้าเต้าคงเคยใช้ หรือว่าคนที่บาดเจ็บที่นี่จะเป็นใต้เท้าเต้าคง” ดวงตาชายหนุ่มขยับประกายวาวและฉายแววตื่นเต้นกระหายเลือด
“วางวงแหวนอาคม!” ชายชราแซ่เหมียวเลียริมฝีปากก่อนตะโกนในฉับพลัน ทันใดนั้นสามสิบกว่าคนโดยรอบต่างเคลื่อนไหวพร้อมกัน ล้อมรอบจุดที่เปล่งแสงแก่นยมโลกก่อนประสานมุทราพร้อมกัน จากนั้นชายชราแซ่เหมียวตะโกนเสียงดังอีกครั้ง ทุกคนจึงยกฝ่ามือขึ้นพร้อมกันแล้วใช้พลังทั้งหมดกดไปยังพื้นดิน
แผ่นดินสั่นสะเทือน ดวงดาวเกิดเสียงอึกทึก ทำให้ดาวที่เดิมทีมีรอยแยกนับไม่ถ้วนเหมือนจะรับไม่ไหว จึงเริ่มทยอยแตกออกทีละชั้น จนออกมาเป็นหินยักษ์ขนาดราวหมื่นจั้งก้อนหนึ่งกลางฟ้าในสายตาทุกคน
ภายในหินก้อนนั้นคือหลุมลึกที่ซูหมิงอยู่!
ขณะเดียวกัน หินผุพังสิบสามก้อนกลางฟ้ารอบๆ ที่เข้ามาใกล้พื้นดินก่อนหน้านี้ต่างบินออกไปพร้อมกันแล้วล้อมรอบเอาไว้ เหมือนกลายเป็นวงแหวนอาคมหนึ่ง ปกคลุมที่นี่ ทำให้พายุหมุนนอกดาวไม่อาจพัดเข้ามา บางส่วนที่เข้ามา ก็ไม่ได้ทำให้ ผู้ฝึกฌานเหล่านี้หวาดกลัวอะไรเป็นเวลาชั่วคราว
แทบเป็นช่วงที่ดาวระเบิดออกและหินก้อนนี้ถูกแยกออกมา กระเรียนขนร่วงภายใน ส่งเสียงลากยาว พร้อมกันนั้นแสงแก่นยมโลกยังขยายออกไปข้างนอก ในคนสามสิบกว่าคนเกิดเสียงร้องแหลมดังขึ้นอีกครั้ง ตอนที่คนที่เหลือพากันถอยไป มีผู้ฝึกฌานอีกสองคนกลายเป็นก้อนน้ำแข็งตกดาวไป
‘สมควรตาย หากไม่ใช่เพราะท่านกระเรียนต้องแบ่งจิตสัมผัสยื้อแดนวัฏจักรของซูหมิงเอาไว้ เลยใช้แสงแก่นยมโลกได้ไม่มากนักล่ะก็ ไอ้พวกระยำเหล่านี้คงตายไปนานแล้ว!
หากซูหมิงตื่นขึ้น คงจะสังหารคนพวกนี้ได้ง่ายๆ สมควรตาย เหตุใดพวกเขาถึงมากันเยอะขนาดนี้ ยังมีอีกหกคนเป็นยอดฝีมือ นะ นะ…นี่มันรังแกกันเกินไปแล้ว!’ กระเรียนขนร่วงร้อนใจเล็กน้อย หากอีกฝ่ายมีจำนวนน้อยก็ยังพอว่า แต่มากันขนาดนี้ ถึงมันจะบอกว่าไม่กลัว แต่มันก็รู้ว่าการหลอมทุกสรรพสิ่งของซูหมิงสำคัญมาก จะถูกใครรบกวนไม่ได้ มิเช่นนั้นจะเกิดการเปลี่ยนแปลงที่ไม่อาจแก้ไข หากล้มเหลว ก็จะใช้วิธีแบบเดิมกำราบแหวนสมบัติล้ำค่าไม่ได้อีก
“เป็นแสงแก่นยมโลกจริงๆ หากสูบแสงนี้ พวกเราจะมีกำลังรบเพิ่มขึ้นไม่น้อย!” ความโลภในแววตาชายชราแซ่เหมียวเด่นชัดขึ้น เขายกมือขวาขึ้นโบกไปข้างหน้าอย่างไม่ลังเล ฉับพลันนั้นผืนฟ้าสั่นสะเทือน ท่ามกลางการบิดเบี้ยวและพายุหมุน ปรากฏดวงตายักษ์ขึ้นหลายสิบดวงกลางอากาศภายในพื้นที่หินผุพังสิบสามก้อนปิดล้อม!
ดวงตาเหล่านั้นเต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอย ในนั้นมีไม่น้อยที่ยังเสียหาย แต่ลูกตาทั้งหมดภายในล้วนเปล่งแสงสว่างจ้าในเวลานี้ ก่อนไปรวมยังหินที่มีแสงแก่นยมโลกปกคลุมซึ่งเป็นจุดที่ซูหมิงปิดด่านนั่งฌานอยู่พร้อมกัน
ดวงตาเหล่านั้นคือดวงตาแห่งวิหารศักดิ์สิทธิ์!
ขณะเดียวกับที่พวกมันโผล่มา ชายชราแซ่เหมียวประสานมุทราด้วยสองมือแล้วกดตรงหน้าอก ตามด้วยพ่นโลหิตไปหนึ่งคำ โลหิตพลันกลายเป็นสัญลักษณ์โลหิตกลางอากาศทีละตัว ก่อนประทับลงบนดวงตาทุกดวงพร้อมกัน
“เซ่นไหว้!” เขาตะโกนเสียงต่ำ ทันใดนั้น ในคนหลายร้อยคนที่ถูกตรึงบนผนังในหินผุพังสิบสามก้อนมีราวๆ สี่สิบกว่าคนตัวสั่นอย่างรุนแรง เดิมทีพวกเขาเป็นคนของวิหารศักดิ์สิทธิ์แห่งพันธมิตรเซียน เดิมที พวกเขาก็ควบคุมดวงตาเหล่านี้ในสงคราม
ยามนี้พวกเขาตัวสั่นและกระอักเลือดออกมา ตอนนี้เองโลหิตพวกเขาทะลวงผ่านหินผุพังไปพร้อมกัน พุ่งตรงไปยังดวงตาเหล่านั้น เมื่อรวมเข้าไปแล้ว ดวงตาเหล่านั้นต่างเปล่งแสงสีแดงโลหิต ตอนที่มองแสงแก่นยมโลก ยังเหมือนมีพลังทะลวงที่เสถียรภาพชนิดหนึ่ง เสี้ยวพริบตาเดียวแสงแก่นยมโลกไปอยู่ในสภาพกึ่งโปร่งใสแล้ว มิหนำซ้ำยังทำให้ผู้คนรอบๆ เห็นร่างเงาซูหมิงนั่งฌานในแสงแก่นยมโลกด้วย รวมถึงแหวนยักษ์ที่กำลังหมุนช้าๆ วงหนึ่ง กระทั่งร่างเงากระเรียนขนร่วงที่ซ่อนอยู่ในแสงแก่นยมโลก ในยามนี้เผยออกมาทั้งหมด
จากนั้นดวงตาหลายสิบดวงนั้นระเบิดออกพร้อมกัน เห็นได้ชัดว่าการจะมองผ่านแสงแก่นยมโลกนี้ พวกมันต้องใช้พลังอย่างมากถึงจะทำได้ สิ่งที่ระเบิดไปพร้อมกันยังมีผู้ฝึกฌานวิหารศักดิ์สิทธิ์หลายสิบคนนั้น
นี่เป็นเพราะซูหมิงไม่ได้ตื่นขึ้นด้วย มิเช่นนั้นแล้วด้วยฐานะต้นกำเนิดแสงแก่นยมโลก เกรงว่าต่อให้เพิ่มดวงตาเหล่านี้มาอีกสิบเท่าก็ยังมองผ่านไปข้างในไม่ได้ เพราะถึงอย่างไรกระเรียนขนร่วงก็เป็นร่างวิญญาณ เสียความทรงจำไปมากมาย มีเพียงสัญชาตญาณเท่านั้นจึงยังใช้แสงแก่นยมโลกต่อต้านกับยอดฝีมือเหล่านี้ไม่ได้
“นั่นมัน…”
“นั่นคือสมบัติล้ำค่า! ข้าสัมผัสได้ถึงแรงกดดันจากมันรางๆ นี่คือสมบัติล้ำค่าที่เปล่งแสงแก่นยมโลก!”
“ไม่ใช่เต้าคง รูปลักษณ์เขาไม่ใช่เต้าคง เช่นนั้นการปรากฏของแสงแก่นยมโลกจะต้องเป็นเพราะสมบัติล้ำค่าแน่ๆ ข้ารู้แล้ว เขากำลังใช้สมบัติล้ำค่ารักษาบาดแผล ดูจากท่าทางแล้วคงจะค่อนข้างสาหัส!” ยอดฝีมือหลายคนรวมถึงชายหนุ่ม ชุดคลุมดารามองหน้ากันและกัน และต่างเห็นถึงความโลภในดวงตากันเอง
“เฮอะๆ ในแสงแก่นยมโลกยังมีร่างวิญญาณอยู่ด้วย ร่างวิญญาณนี้ให้ข้าแล้วกัน แต่ข้าต้องให้ช่วยด้วย สหายหาน สมบัติล้ำค่าชิ้นนั้นที่เจ้าเคยนำออกมาตอนกองกำลังเจ้าทำลายกลุ่มผู้ฝึกฌานของข้าก่อนหน้านี้ อย่าบอกเชียวนะว่าเจ้าไม่ได้นำติดตัวมาด้วย” ชายชราสวมเสื้อคลุมดำผู้มีขั้นพลังยอดฝีมือคนหนึ่งหัวเราะเสียงแหบแห้ง พร้อมกันนั้นยังตัวสั่นไหว ร่างกายแห้งเหี่ยวลงอย่างรวดเร็ว วูบเดียวก็กลายเป็นโครงกระดูกที่มีหนังหุ้มหนึ่งชั้น กระทั่งกระดูกยังกำลังละลาย ทำให้ร่างกายลงไปกองกับพื้น ตอนนี้เองมีควันสีดำลอยออกมาจากกลางกระหม่อมเขา
ควันดำขยับไหวกลางอากาศก่อนกลายเป็นผีร้ายสามหัวตัวหนึ่ง มันเงยหน้าคำรามขึ้นฟ้า ระลอกคลื่นพลังของยอดฝีมือแผ่กระจายออก นี่ไม่ใช่จิตแรกอีก แต่คือแก่นแท้ที่หลอมรวมกับจิตแรกออกมา!
ผีร้ายสามหัวร้องคำรามพร้อมกับพุ่งไปยังแสงแก่นยมโลก ในเวลาเดียวกัน ชายวัยกลางคนเสื้อคลุมม่วงหนึ่งในหกยอดฝีมือยิ้มเยาะ เขาไม่กล่าวแต่เพียงยกมือขวาโบกไปข้างหน้า ส่วนตัวนั่งขัดสมาธิลงโดยพลัน เห็นได้ชัดว่าของที่สะบัดออกไปจะต้องให้เขาใช้สมาธิทั้งหมดร่วมไปด้วยถึงจะควบคุมได้
เกิดเสียงโครมดังสนั่น ผืนฟ้าสั่นสะเทือน ไม้ยักษ์สีดำต้นหนึ่งปรากฏขึ้นกลางฟ้า ผิวไม้ยักษ์มีใบหน้าแก่ชราคนหนึ่ง
เพียงแต่ว่าตอนนี้ใบหน้าเสียหายมากมาย ดูแล้วเลือนรางเล็กน้อย ตอนที่มันโผล่มาก็เป็นจังหวะเดียวกับที่ชายวัยกลางคนชุดคลุมม่วงนั่งขัดสมาธิลง ทันใดนั้นใบหน้าบนไม้ยักษ์ลืมตาขึ้นเผยประกายเย็นเยียบ ขณะเดียวกันไม้ยักษ์เกิดเสียงดังอึกทึก แล้วตามด้วยพุ่งไปหาแสงแก่นยมโลกที่ซูหมิงอยู่
ในเวลาเดียวกัน ผีร้ายสามหัวตัวนั้นก็พุ่งเข้าไปพร้อมๆ กับไม้ยักษ์
‘บัดซบ นี่มันสมบัติล้ำค่าที่ใช้ในสงครามขนาดใหญ่ จำเป็นต้องใช้อย่างน้อยหลายหมื่นคนถึงจะใช้งานมันได้ แต่เขากลับใช้มันด้วยตัวคนเดียว…..ย่ากระเรียนมันเถอะ ที่แท้ตอนสำนักนี้ถูกทำลายเขาก็นำวิญญาณลูกศิษย์ในสำนักทั้งหมดหลอมรวมเข้าไปในไม้ยักษ์นี้ ดังนั้น บางทีหลังผ่านภัยพิบัติครั้งนี้ไปแล้ว พวกเขาอาจยังมีโอกาสยึดร่างคนอื่นเพื่อฟื้นคืนชีพ!
น่าเสียดายที่นำสมบัติชิ้นนี้ให้ไว้กับคนที่ไม่เหมาะสม หรือไม่ก็อาจจะถูกสังหาร ชิงสมบัติไปก็ได้!’ กระเรียนขนร่วงเร่งรัดแสงแก่นยมโลกอย่างสุดกำลัง เกิดเสียงเสียดสีดังขึ้น แสงแก่นยมโลกขยับวูบออกไปข้างนอกและเข้าปะทะกับไม้ยักษ์โดยพลัน เกิดเสียงครึกโครมดังสนั่น ไม้ยักษ์สั่นไหวและแตกออกเป็นชั้นๆ ทว่าก็ยังฝืนพุ่งเข้ามาทะลวงลึกในแสงแก่นยมโลก ห่างจากซูหมิงใกล้ยิ่งแล้ว ต่อมาผีร้ายสามหัวที่ซ่อนอยู่ข้างหลังไม้ยักษ์เงยหน้าคำรามขึ้นฟ้า สองมือมันคว้าเข้าไปในแสงแก่นยมโลก ทันใดนั้นกระเรียนขนร่วงเกิดความรู้สึกอันตรายร้ายแรง มันรู้ว่าวิญญาณตนกำลังถูกแรงมหาศาลดูดไป คล้ายว่าจะถูกกระชากออกจากแสงแก่นยมโลก
มันร้องเสียงแหลมพลางกะพรือปีกพึ่บพั่บ ร่างกายเปลี่ยนไปเป็นนกยูงเจ็ดสีตัวหนึ่ง ก่อนส่งเสียงร้องเข้าต่อต้านกับแรงดูด ทว่ายามนี้เอง ชายชราแซ่เหมียวที่ก่อนหน้านี้เรียกดวงตาแห่งวิหารศักดิ์สิทธิ์แค่นเสียงหึเย็นชา แล้วยกมือขวาขึ้นกดไปทางแสงแก่นยมโลก ท้องฟ้าเกิดเสียงดังอึกทึก ฝ่ามือเขากลายเป็นตราประทับยักษ์กดลงไปทันที
และยังมีชายหนุ่มเสื้อคลุมดาราคนนั้น เขาประสานมุทราด้วยสองมือ ดาบเหมันต์กวัดแกว่งเข้าไปทางแสงแก่นยมโลกแล้วฟันลง นี่คือสี่ยอดฝีมือลงมือพร้อมกัน พวกเขาล้วนมิใช่ผู้อ่อนแอ เวลานี้คนที่มีชีวิตรอดภายใต้หมันตภัยครั้งนี้ อีกทั้งยังใช้ชีวิตอย่างสุขสบายลงมือพร้อมกัน กระเรียนขนร่วงย่อมไม่ใช่คู่ต่อสู้อยู่แล้ว จึงไม่อาจพลิกสถานการณ์ได้ วิญญาณมันกำลังถูกดึงออกไปอย่างต่อเนื่อง
“สหายเฉิน สหายซือหม่า ขอให้สหายลงมือด้วย เมื่อสมบัติชิ้นนี้อยู่ในมือพวกเราแล้ว จะใช้มันทำการตระหนักรู้ได้ด้วยตัวเอง ดูว่าสมบัติชิ้นนี้มีโชคชะตาต่อใครคนนั้นก็ได้ไป คนอื่นห้ามแย่งเด็ดขาด มิเช่นนั้นพวกเราจะร่วมมือกันสังหาร!
ทว่าคนที่ได้สมบัติไปต้องแบ่งผลประโยชน์ให้คนอื่นเล็กน้อยด้วย” ชายชราแซ่เหมียวดวงตาขยับประกายวาว คำพูดไม่ช้าไม่เร็ว เห็นได้ว่าเขามองสมบัติชิ้นนี้เป็นของส่วนกลางแล้ว
สิ้นเสียง ชายหนึ่งหญิงหนึ่งสองคนที่เหมือนเป็นคู่ชีวิตข้างๆ พวกเขาก็มองหน้ากันและกัน ชายคนนั้นดวงตาวาววับแล้วหัวเราะ
“สหายทุกท่านยังไม่ได้ลงมืออย่างสุดกำลัง แต่ดันต้องให้แซ่เฉินลงมืออีก คงจะกังวลว่าข้าจะลงมือแย่ง ช่างเถอะ พวกเรามาเจอกันก็ไม่ง่ายแล้ว ภายภาคหน้ายังมีเรื่องใหญ่ต้องไปทำอีก ข้าจะช่วยอีกแรง” ชายคนนั้นกล่าวพร้อมยกมือขวาขึ้น เพียงแต่ว่ามีแค่หนึ่งนิ้วที่ปล่อยพลังแห่งกฏชะตา จากนั้นหญิงข้างกายเขายิ้มเล็กน้อย ก่อนยกมือซ้ายขึ้นกดบนมือขวาชายคนนั้น ตรงกลางฝ่ามือสองคนนี้ปรากฏแสงสีขาวขึ้นกลายเป็นกระบี่ยาวสีขาวเล่มหนึ่ง เพียงมันโผล่มาก็ทำให้ผืนฟ้าเกิดเค้าลางจะพังทลาย ประหนึ่งว่ากระบี่เล่มนี้ทำลายมวลอากาศได้
หนึ่งกระบี่นี้ แสงกระบี่กลายเป็นแสงสีขาวพุ่งไปยังแสงแก่นยมโลก ยอดฝีมือ หกคนลงมือพร้อมกัน สำหรับกระเรียนขนร่วงแล้วนี่คือการต่อสู้ที่มันไม่เคยรับมือมาก่อนในความทรงจำ ตอนนี้ขณะถูกดูด มันเงยหน้าตะโกนเสียงแหลมขึ้นฟ้า มันในร่างนกยูงพลันรำแพนหาง!
สีของขนที่รำแพนออกไม่ใช่เจ็ดสี แต่มีเพียงสีดำ ช่วงที่มันรำแหนหางสีดำ แสงแก่นยมโลกก็เปล่งสว่างไปรอบๆ ราวกับกำลังคึกคัก!