Skip to content

สู่วิถีอสุรา 1159

ตอนที่ 1159 นิ้วมือ

ซูหมิงดวงตาวาววับ พิจารณามองแสงหม่นที่สะบัดออกจากแขนเสื้อผู้เฒ่าเหวินอย่างละเอียดแวบหนึ่ง เมื่อแสงหม่นวนรอบตัวเขาแล้ว ในตัวเขามีกลิ่นอายพลังที่หากเป็นคนอื่นก็อาจจะไม่สังเกตเห็นเพิ่มมาเสี้ยวหนึ่ง แต่ซูหมิงกลับสังเกตเห็นอย่างชัดเจนมาก!กลิ่นอายพลังโบราณ น่าสนใจ

ซูหมิงสะบัดแขนเสื้อ มือขวาที่โผล่มาชี้ไปยังมวลอากาศ ทันใดนั้นฟ้ากระจ่างดาวสั่นสะเทือน มวลอากาศตรงจุดที่ผู้เฒ่าเหวินอยู่เหมือนพังทลายลงราวกับถูกผนึกเอาไว้ ขณะเดียวกันในฟ้ากระจ่างดาวที่ถูกผนึกยังมีแสงดำขยับวูบวาบ การใช้แสง

แก่นยมโลกของซูหมิงมีพลานุภาพแกร่งกว่าตอนกระเรียนขนร่วงใช้มาก

เกิดเสียงเสียดสีดังขึ้น ผู้เฒ่าเหวินร้องโหยหวนเสียงแหลม ตัวเขาถอยไปอย่าง รีบร้อน แต่กลับเกิดความรู้สึกเหมือนจมอยู่ในดินเลน ด้วยความตระหนก เขาจึงยกมือขวาโบกไปข้างนอกพร้อมกับตะโกน ฉับพลันนั้นมีวัตถุใหญ่ชิ้นหนึ่งบินออกมาจากในถุงเก็บวัตถุ

นั่นคือ…นิ้วมือหนึ่ง!

นิ้วมือนี้มีขนาดหลายสิบจั้ง เต็มไปด้วยความรู้สึกโบราณ แฝงไว้ด้วยความเก่าแก่ ทันทีที่ปรากฏ มันก็ชี้ไปยังมวลอากาศนั้นรวมถึงแสงแก่นยมโลกราวกับถูกชายชรา คนนี้ควบคุม

ท่ามกลางเสียงดังกึกก้อง ผนึกมวลอากาศแตกกระจายออก แม้แต่แสงแก่นยมโลกยังหายไปเล็กน้อย เปิดเป็นช่องโหว่หนึ่ง ทำให้ชายชราคนนี้ขยับวูบไหวหนีออกไปได้

‘นิ้วมือเทพโบราณ!’ ซูหมิงหรี่ตาลง ครั้งนี้เขาพุ่งออกไปอย่างไม่ลังเล พริบตาเดียวก็มาอยู่ตรงหน้าชายชราแล้วยกมือขวาตบไปทีหนึ่ง

ผู้เฒ่าเหวินคำรามเสียงต่ำ สองมือประสามมุทราพ่นโลหิตหนึ่งคำ โลหิตหลอมรวมเข้าไปในนิ้วมือเทพโบราณ ทำให้นิ้วมือเกิดเสียงดังวิ้ง จากนั้นกลิ่นอายพลังขยายใหญ่ขึ้นจนมีลักษณะเหมือนกระบองยักษ์พุ่งตรงไปหาซูหมิง

ขณะเดียวกัน พลังแห่งเทพโบราณบริสุทธิ์ปะทุมาจากในนิ้วมือพุ่งไปหาซูหมิง นิ้วนี้ ถึงเทพโบราณจะตายไปแล้ว แต่พละกำลังที่เหลืออยู่ในนิ้วก็มากพอจะทำให้ ยอดฝีมือขั้นกุมตกตะลึงจนไม่กล้ารับมือ

แต่ซูหมิงมีสีหน้าสงบนิ่ง ตอนที่นิ้วมือเทพโบราณพุ่งเข้ามา เขาพลันพลิกมือขวา เอาหลังมือเข้าปะทะกับนิ้วมือเทพโบราณ ร่างกายยังถอยไปหลายก้าวอย่างเป็นธรรมชาติ จากนั้นพลิกมือขวาอีกครั้ง ก่อนเหมือนอาศัยแรงจากอีกฝ่ายรวมเข้าใน ฝ่ามือตัวเอง รวมกับพลังตัวเองแล้วกดฝ่ามือเข้าไป

ท่ามกลางเสียงดังสนั่นกึกก้อง ชายชราคนนั้นกระอักเลือด ร่างโซเซถอยไปหลายร้อยจั้ง ใบหน้าขาวซีด ยามที่มองซูหมิงพลันตัวสั่นงันงก

เพราะเขาเห็นว่าถึงซูหมิงจะไม่ได้ตามมา แต่หลังจากตบฝ่ามือใส่นิ้วมือเทพโบราณแล้ว นิ้วมือยักษ์ก็หายไปเหมือนถูกเขาบีบบังคับเก็บไป จนตอนนี้อีกฝ่ายกำลังมองตนด้วยรอยยิ้มทีเล่นทีจริง และยังมีความชั่วร้าย

“ผู้อาวุโสระงับโทสะก่อน โปรดฟังผู้เยาว์พูดก่อน ผู้เยาว์รู้ตำแหน่งศพคนยักษ์แห่งพันธมิตรเผ่าเซียนอยู่ร่างหนึ่ง น่าเสียดายพลังข้าไม่พอ เลยได้มาเพียงนิ้วมือหนึ่งปล้อง ดังนั้นข้าเลยตามหาผู้มีจิตใจและความคิดแก่กล้าเป็นพิเศษไปทั่ว หมายจะร่วมมือกันเก็บศพคนยักษ์นี้

หลายเดือนก่อนผ่าน มาทางนี้ สังเกตเห็นระลอกคลื่นพลังของผู้อาวุโสบนดาวนั้น จึงอยากลองหยั่งเชิงพลังผู้อาวุโสดู เจตนาเดิมของข้าคืออยากร่วมมือกับผู้อาวุโสต่างหาก

ส่วนตอนผู้อาวุโสฝึกฝน แม้จะระวังตัว ทว่าจิตสัมผัสผู้เยาว์ต่างกับคนทั่วไป ข้าไม่ได้มองจากระลอกคลื่นพลัง แต่สัมผัสได้จากเพลิงแห่งชีวิตในผืนฟ้าแห่งนี้ ดังนั้นจึงสังเกตเห็นตำแหน่งผู้อาวุโส”

ชายชรารีบอธิบายทั้งหมด ไม่กล้าปิดบังซูหมิงแม้แต่น้อย ความแกร่งของซูหมิงทำให้เขารู้สึกเสียใจภายหลังยิ่งที่ล่วงเกิน ตอนนี้หากยังปิดบังความคิดอีก เช่นนั้นจะต้องตายอยู่ที่นี่แน่

“หากผู้อาวุโสต้องการ ผู้เยาว์นำทางไปยังตำแหน่งของศพคนยักษ์ให้ได้ ถือว่าเป็นการไถ่โทษ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าผู้อาวุโสจะให้โอกาสนี้กับผู้เยาว์ ให้ผู้เยาว์ได้ทำเพื่อชดใช้ความผิดที่ล่วงเกินด้วย” ชายชราหน้าซีดขาว เขาคารวะซูหมิงลงลึกๆ ด้วยความกังวลในใจ

ซูหมิงมองชายชราแวบหนึ่ง เขาไม่ตอบ แต่หมุนตัวกลับมองไปทางหลุมลึกที่ เขานั่งฌานก่อนหน้าด้วย นัยน์ตาซับซ้อน มองไปตรงจุดที่ไป๋เฟิ่งอยู่ก่อนหน้านี้ นอกหลุมลึก

ตรงนั้นว่างเปล่า เห็นได้ชัดว่าไป๋เฟิ่งสิ้นใจไปนานแล้ว ศพกลายเป็นเถ้าธุลีไปแล้ว

ความฝันภูเขาทมิฬ สัญญาในสายลมหิมะ เสียงถอนหายใจผ่านไปพันปี ตอนนี้สิ้นสุดลง ซูหมิงถอนหายใจ ความซับซ้อนทางสีหน้าหายไปแล้ว

วัฏจักรเก้าครั้งก็ถือว่าทำตามสัญญาในตอนนั้นแล้ว และก็ถือว่าความรักในฉากนี้มีฉากจบที่สมบูรณ์แบบ ในเมื่อเป็นอย่างนั้นแล้ว ซูหมิงก็ไม่ต้องฝืนยึดมั่นอะไรอีก บุญคุณความแค้นระหว่างเขากับไป๋เฟิ่งสิ้นสุดลง

ซูหมิงยกมือขวาขึ้น แหวนสีขาววงนั้นพลันส่งเสียงวิ้งพร้อมกับ เข้ามาใกล้ จากนั้นหดเล็กลงแล้วสวมบนนิ้วมือเขา กลายเป็นแหวนจริงๆ วงหนึ่ง ความรู้สึกที่ไม่อาจแยกออกกับแหวนวงนี้อยู่ในใจ ระหว่างเขากับแหวนมีชะตาหลายต่อหลายชะตา นั่นคือการผูกปมของวัฏจักร ใครก็แก้ออกไม่ได้

และสิ่งที่ทำให้การผูกปมนี้กลายเป็นนิรันดร์คือวิญญาณของแหวนวงนี้ บางทีอาจจะต่างกับก่อนหน้า เพราะในตัวมัน…มีวิญญาณของไป๋หลิงอยู่

ซูหมิงสะบัดแขนเสื้อ บนตัวเขามีเสื้อคลุมดำเพิ่มมาตัวหนึ่ง เสื้อคลุมดำปกคลุมตัวเขา ทำให้คนอื่นมองไม่เห็นหน้าตาเขา เห็นเพียง…คนชุดคลุมดำ

แทบเป็นทันทีที่ซูหมิงสวมเสื้อคลุมดำ ชายชราแซ่เหมียวพลันหรี่ตาลง สูดลมหายใจเข้าด้วยความตกใจ นัยน์ตาฉายแววตกตะลึงอีกครั้ง ตัวเขาเป็นคนพันธมิตรเผ่าเซียน เขาจะไม่รู้จักเสื้อคลุมดำแบบซูหมิงได้อย่างไร

“เหมียวเฟิงเผ่าพันธุ์หอคอยความคิดแห่งพันธมิตรเผ่าเซียน ขอคารวะนายท่าน คารวะเซียนเบื้องบน!”

ชายหนุ่มชุดคลุมดารามีสีหน้าซับซ้อนเล็กน้อย แต่ก็ก้มหน้าลงคารวะซูหมิงด้วยความเคารพอย่างเร็วไว

“เต้าฉง คนสายเลือดสาขาสำนักดาราสัจธรรม คารวะนายท่าน คารวะเซียน เบื้องบน!”

“เฉินเหวิน ซือหม่าอวี้สำนักเฉินเถาแห่งพันธมิตรเผ่าเซียนคารวะนายท่าน คารวะเซียนเบื้องบนจ่างเต้า!” เฉินเหวินหนึ่งในสองคนที่เป็นคู่ชีวิต พอเห็นซูหมิงแล้วก็มีสีหน้าไม่แน่ใจ ก่อนมองหน้ากันแล้วก้มหน้าลงคารวะอย่างจริงใจในความขมขื่น

พวกเขา…เคยเห็นจ่างจี๋เต้ามาก่อน ดังนั้นคำพูดและการคารวะจึงต่างกับคนอื่น พวกเขาแยกออกว่าคนชุดคลุมดำที่ปรากฏในพันธมิตรเผ่าเซียนล้วนเป็นผู้ใต้อำนาจของคนตรงหน้าผู้นี้

ถึงตอนนั้นพวกเขาจะเห็นแค่ชุดคลุมดำ ไม่ได้เห็นใบหน้าจึงยากจะแยกออก ทว่าแรงกดดันจากตัวซูหมิงกลับเหมือนจ่างจี๋เต้าชุดคลุมดำทุกประการที่ตอนนั้นถึงพวกเขาจะมีฐานะในพันธมิตรเผ่าเซียนระดับสูงแต่ก็ยังต้องคารวะอย่างเกรงใจ

ตอนนี้ผู้เฒ่าเหวินหน้าขาวซีดยิ่งกว่าเดิม เขามองซูหมิงในชุดคลุมดำพลางร้องทุกข์ในใจ เขาไม่นึกเลยว่าอีกฝ่ายจะเป็นเซียนจากโลกข้างบน อีกทั้งเมื่อครู่เขายังพูดไปอีกว่าอยากร่วมมือกับอีกฝ่ายจัดการกับศพคนยักษ์ซึ่งเป็นพวกเดียวกับเซียนจากโลกข้างบนอีก

“เจ้าเดินทางกลางพายุหมุนได้อย่างไร” ซูหมิงในชุดคลุมดำเอ่ยเสียงแหบแห้ง ตัวเขาในตอนนี้แผ่กลิ่นอายผ่านโลกมาอย่างโชกโชนรวมถึงลึกลับ ใครเห็นเป็นต้องใจสั่นไหว

“ผู้เยาว์…เพราะผู้เยาว์มีจิตสัมผัสต่างกับคนอื่น…ข้าเห็นวงโคจรพลังทำลายล้างในพายุหมุน เลยเดินทางในพายุหมุนและเลี่ยงพลังทำลายล้างนั้นได้ ถึงจะช้า แต่ก็ดีกว่าคนอื่นมากที่ต้องถูกขังอยู่ในสถานที่เดิมๆ” ผู้เฒ่าเหวินรีบตอบกลับด้วยสีหน้าเคารพยิ่ง

“เข้ามา นำทางไปเถอะ” ซูหมิงสะบัดแขนเสื้อ ระลอกคลื่นสีขาวอ่อนๆ กระจายออกจากในแหวน วนรอบตัวเขาในระยะราวสามสิบจั้ง

ผู้เฒ่าเหวินเกิดความลังเลในใจ ทว่ากลับไม่กล้าตรึกตรองนานนัก จึงทำใจกล้าเดินเข้าไปในพื้นที่สามสิบจั้งของซูหมิง ก่อนคารวะพวกชายชราแซ่เหมียวสี่คนที่มี สีหน้าไม่เป็นมิตร แล้วถึงเอ่ยเสียงต่ำชี้ทางไป

ดวงตาซูหมิงที่ซ่อนอยู่ในเสื้อคลุมดำขยับวาววับ ระลอกคลื่นสีขาวพลันพุ่งไปข้างหน้า ช่วงที่ผ่านหินผุพังสิบสามก้อน หินเหล่านั้นก็ถูกซูหมิงเก็บไปด้วย จากนั้นระลอกคลื่นสีขาวพุ่งไปยังพายุหมุนพร้อมเสียงดังฟู่ จุดที่ผ่านพายุหมุนจะพากันแยกออก แม้แต่พลังทำลายล้างในนั้น เมื่อปะทะกับระลอกคลื่นแล้วจะสลายไปพร้อมกัน

“ตอนนี้โลกแท้จริงดาราสัจธรรมยังมีคนรอดชีวิตแบบพวกเจ้าอีกเท่าไร” ซูหมิงนั่งขัดสมาธิอยู่ในระลอกคลื่นสีขาว พูดขึ้นด้วยเสียงแหบแห้ง

“พวกผู้เยาว์อยู่กันตรงมุมและออกไปไกลมากไม่ได้ เรื่องนี้สหายเหวินน่าจะรู้รายละเอียด” พวกชายชราแซ่เหมียวสี่คนเงียบไปครู่หนึ่ง เฉินเหวินคนที่ชำนาญ วงแหวนอาคมจึงตอบเสียงต่ำ

“หนึ่งในพันที่จะรอดชีวิต…สิบเดือนมานี้ผู้เยาว์ไปมาหลายที่มาก เห็นแค่สองกลุ่มที่ค่อนข้างใหญ่ ส่วนอื่นๆ ก็กระจายกันเป็นกลุ่มๆ…มีคนตายไปจำนวนมาก ตายไปในภัยพิบัติ ตายไปในความวุ่นวายครั้งใหญ่หลังภัยพิบัติ” ชายชราแซ่เหวินเงียบไป ครู่หนึ่ง แล้วตอบกลับเสียงเบา

“พันธมิตรเผ่าเซียนกลายเป็นซากปรักหักพังหมดแล้ว ทางเข้าสำนักดาราสัจธรรมทั้งหมดพังทลายไปแล้ว ไม่รู้ว่าข้างในเป็นอย่างไร แต่ผู้เยาว์ใช้จิตสัมผัสตรวจสอบตรงทางเข้าเหล่านั้น ข้ารู้สึกรางๆ ถึงกลิ่นอายมรณะเข้มข้นมาก บางที…อาจเกิดเหตุการณ์ครั้งใหญ่ในสำนักดาราสัจธรรม…” ผู้เฒ่าเหวินมองซูหมิงแวบหนึ่งแล้วพูดในสิ่งที่รู้ทั้งหมด

“สำนักดาราสัจธรรม…” ดวงตาซูหมิงในชุดคลุมดำปิดลงเล็กน้อย ตอนนั้นที่ เศษเมล็ดพันธุ์แห่งการทำลายล้างชีวิตในวิญญาณเขาถูกเอาไป เขาก็เดาได้แล้วว่าในสำนักดาราสัจธรรมจะต้องเกิดการล้างด้วยโลหิตจากซูเซวียนอี

ทุกอย่างที่นั่นกลายเป็นซากปรักหักพังซึ่งไม่ได้เหนือความคาดหมายของซูหมิงเลย เขากังวลเพียงแค่…ตอนนี้สวี่ฮุยเป็นอย่างไรบ้าง จะตายในมหันตภัยหรือโชคดีรอด มาได้ เสียงถอนหายใจภายในกลายเป็นความเจ็บปวดทำให้เขาเงียบ

“ทว่าคนที่รอดชีวิตมาได้จะต้องไม่ใช่คนอ่อนแอแน่ ด้วยพลังของผู้อาวุโส สามารถรวมคนเหล่านี้เข้าด้วยกันแล้วสร้างเป็นสำนักใหม่ขึ้นมาได้…” ผู้เฒ่าเหวินลังเลชั่วครู่ ก่อนพูดต่อ

ซูหมิงมองผู้เฒ่าเหวินอย่างเย็นชาแวบหนึ่ง ขณะในใจเขาสั่นไหว ซูหมิงพยักหน้าช้าๆ

เขารู้ในสิ่งที่คนที่นี่ไม่รู้ เขาเข้าใจว่าพายุหมุนที่โอบล้อมโลกแท้จริงดาราสัจธรรมไม่ได้คงอยู่ตลอดไป แต่จะหายไปหลังจากช่วงนี้ เวลาอาจจะสั้นหรืออาจจะนาน แต่ที่นานสุดก็ไม่ได้นานมากเกินไป

หากพายุหมุนหายไป ฝ่ายเงามืดรุ่งอรุณกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืนจะลงมาเยือนจากช่องโหว่นั้น ถึงตอนนั้น…สิ่งที่รอมหาโลกสามรกร้างอยู่คือพายุฝนกลิ่นคาวเลือด

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version