ตอนที่ 1160 กินเทพ
แต่เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับซูหมิง และเขาก็ไม่อยากสนใจด้วย ทว่าคำแนะนำของผู้เฒ่าเหวินทำให้ซูหมิงเกิดความคิดหนึ่ง…
‘โลกแท้จริงดาราสัจธรรมไม่มีสำนักใดแล้ว หากข้ารวมคนที่เหลือทั้งหมด เข้าด้วยกันเป็นสำนัก เช่นนั้นนี่จะเป็นขุมอำนาจของข้าทั้งหมดเพียงคนเดียวหลัง ฝ่ายสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืนลงมาเยือน
ในเมื่อเลือกรักษาฐานะของจ่างจี๋เต้าเอาไว้ เช่นนั้นสำหรับข้าแล้ว ขุมอำนาจนี้จะต้องช่วยได้ไม่น้อยแน่ อย่างน้อยสุดจากนี้ไปโลกแท้จริงดาราสัจธรรมจะเป็นของข้าคนเดียว!’ ซูหมิงดวงตาขยับประกายวาว
ระลอกคลื่นสีขาวลากผ่านไปกลางพายุหมุนของโลกแท้จริงดาราสัจธรรม ซูหมิงนั่งฌานสมาธิเงียบมาตลอดทาง คนอื่นๆ ข้างกายก็เงียบเช่นกัน
มีเพียงกระเรียนขนร่วงที่อวดศักดา มีท่าทีลำพองใจ มองยั่วยุคนเหล่านั้นตลอดเวลา ในสายตามัน คนเหล่านี้รนหาที่ตายเอง ต่อให้ซูหมิงยังไม่ตื่น แต่ด้วยอิทธิฤทธิ์ของท่านกระเรียนก็ไล่ตะเพิดคนเหล่านี้ได้อยู่แล้ว เห็นได้ชัดว่ามันในตอนนี้ลืมความอนาถาของตัวเองก่อนหน้านี้ไปแล้ว…
เวลาผ่านไปทีละวันพริบตาเดียวก็เจ็ดวัน เจ็ดวันนี้ไม่นาน แต่ความเร็วของระลอกคลื่นสีขาวเทียบเท่ากับการเคลื่อนย้ายพริบตา ดังนั้นพายุหมุนที่มันผ่านจึงม้วนถอยไปทั้งหมด ด้วยความเร็วระดับนี้ เพียงเจ็ดวันพวกซูหมิงก็มาถึงจุดที่ผู้เฒ่าเหวินบอกว่ามีศพเทพโบราณ
นั่นคือพื้นที่ที่มีพายุหมุนรุนแรงยิ่ง ในที่นี้มีพายุมหาศาลไม่มีสิ้นสุด ถาโถมไปรอบๆ จะเห็นได้ว่ากลางพายุมีศพขนาดเกือบหลายหมื่นจั้งร่างหนึ่ง
บนศพมีความเสียหายหลายแห่ง เต็มไปด้วยกลิ่นอายมรณะ มันลอยอนู่ใน พายุหมุน เลือดเนื้อฉีกขาด มีหลายแห่งกระดูกแตกหัก ราวกับจะถูกม้วนพาไปได้ตลอดเวลา
เทพโบราณไม่มีแขนขวา มือซ้ายที่เหลือก็มีเพียงสามนิ้วมือ
ใบหน้าเขาเลือนรางแล้ว แต่ซูหมิงกลับเห็นจากตรงระหว่างคิ้วของเทพโบราณว่ามีร่องรอยดาวหนึ่งดวง
“ที่นี่แหละ แปดเดือนก่อนข้าผ่านทางมาที่นี่ก็พบศพคนยักษ์เข้า ตอนนั้นมันยังถือว่าสมบูรณ์ ตอนนี้เสียหายไปมากถึงขนาดนี้แล้ว…ทว่ายืนหยัดกลางพายุหมุน มาจนถึงตอนนี้ยังไม่สลายไปได้ แสดงว่าตอนยังมีชีวิตมันแข็งแกร่งยิ่ง หากผู้อาวุโสหลอมร่างกายมันเป็นของวิเศษ จะต้องเป็นของในระดับเดียวกับสมบัติล้ำค่าแน่ๆ” ผู้เฒ่าเหวินรีบพูดขึ้น
ซูหมิงมองศพเทพโบราณด้วยดวงตาวาววับ ก่อนขยับวูบไหว ระลอกคลื่นสีขาวต้านพายุเข้าไปทางพื้นที่นั้นทันที ชั่วพริบตาเดียวก็มายืนอยู่บนตัวเทพโบราณแล้วเดินตรงไปยังระหว่างคิ้ว ครู่ต่อมาตอนที่เข้ามาใกล้ เขายืนอยู่ตรงระหว่างคิ้วเทพโบราณ ก้มหน้าลงมองร่องรอยดาวเพียงหนึ่งเดียวที่เหลืออยู่
รอยดาวนี้จางแล้ว แต่ด้วยความเข้าใจของเขาต่อเทพโบราณ เหมือนว่า พลังทั้งหมดจะไปรวมอยู่ที่ดาวตรงระหว่างคิ้ว เขาตรึกตรองอยู่ชั่วครู่ จากนั้นนั่งขัดสมาธิลง ยกมือขวากดรอยดาวนั้น ทันทีที่หลับตาลง เขาในชุดคลุมดำเปลี่ยนใบหน้าไปอย่างรวดเร็ว เพียงวูบหนึ่งก็กลายเป็นรูปลักษณ์ของร่างแยกกลืนนภา
เพียงแต่ว่ารูปลักษณ์นี้ไม่สมจริง แต่เป็นมายา ถึงอย่างไรร่างแยกทั้งหมดของเขาก็สลายไปกลางความว่างเปล่าตอนนั้นแล้ว ถึงบอกว่าขอแค่วิญญาณเขายังอยู่ก็จะรวมออกมาใหม่ได้ ทว่าก็ต้องใช้พลังที่ต่างกัน
อย่างเช่นร่างแยกเต้าคง ใช้พลังน้อยสุดและง่ายสุด ต้องการเพียงพลังซูหมิง ทว่ามีร่างของจ่างจี๋เต้าแล้ว มันเลยไม่มีประโยชน์สำหรับเขาดังนั้นเขาเลยยังไม่ฟื้น ร่างแยกเต้าคง
แต่ร่างแยกกลืนนภาต้องใช้พลังจากร่างกายแกร่งกล้า ดังนั้นพอเขาได้ยินเรื่อง ศพเทพโบราณแล้วเลยรีบมา
ส่วนร่างแยกเอ้อชางต้องใช้พลังของเอ้อชาง จุดนี้ซูหมิงก็เตรียมเอาไว้แล้ว เดิมทีเขาเป็นร่างสมบูรณ์อยู่แล้วเลยต้องใช้เวลาในการฟื้นฟูเท่านั้น เพียงแต่ว่าค่อนข้างนาน แต่หากเขาหาส่วนวิญญาณที่หนีออกมาจากโลกเอ้อชางในตอนนั้นพบแล้วกินไป ทีละตัว ก็จะทำให้ร่างแยกเอ้อชางรวมร่างขึ้นมาได้เร็วที่สุด
‘ข้าไม่มีกายเนื้อแล้ว หรืออาจพูดได้ว่ากายเนื้อข้าไม่อยู่แล้ว แต่สลายไปเมื่อไม่รู้ กี่ปีก่อน เช่นนั้นที่ข้าต้องทำไม่ได้หากายเนื้อ แต่…สร้างร่างจริงของข้าอีกหนึ่งร่าง!
ร่างกายนี้จะใช้ร่างแยกทั้งหมดของข้าเป็นเลือดเนื้อ ใช้พลังจากขั้นพลังเป็นกระดูก ใช้การตระหนักรู้ในฤดูหนาวเดินไปสู่ฤดูใบไม้ผลิรวมเป็นวิญญาณ เมื่อเลือดเนื้อกระดูกและวิญญาณหลอมรวมกันอย่างสมบูรณ์แบบก็จะเป็น…ร่างจริงแค่ของข้า เพียงคนเดียว!’ ดวงตาซูหมิงที่ซ่อนอยู่ในเสื้อคลุมดำเปล่งประกาย นัยน์ตาวาววับ ก่อนพลันหลับตาลง มือขวาที่วางบนรอยดาวตรงระหว่างคิ้วเทพโบราณกลัดเข้าไปข้างในอย่างแรง
แต่ทันทีที่จะกลัดรอยดาวนั้น ฝ่ามือเขาพลันหยุดชะงัก ดวงตาสองข้างมอง เทพโบราณอย่างละเอียดแวบหนึ่ง ก่อนเงยหน้าขึ้นมองผู้เฒ่าเหวินแวบหนึ่ง มุมปากยิ้มเยาะเล็กน้อย
แต่มือขวาก็ยังกลัดลงบนรอยดาวนั้น
เพียงกลัดไป พลังมหาศาลพลันไหลผ่านมือขวาเข้ามา วูบเดียวก็อัดแน่นไปทั่วร่าง
‘ระเบิด! ระเบิด!’ ผู้เฒ่าเหวินในระลอกคลื่นสีขาวไกลๆ ดวงตาเปล่งประกาย ในใจกำลังร้องตะโกนเสียงดังอย่างลำพองใจ ซูหมิงไม่ใช่คนแรกที่เขาไปหา ความจริงหลายเดือนมานี้ ซูหมิงเป็นคนที่สามแล้วที่เขาหลอกมาที่นี่ ทุกคนต่างสูบพลังแห่งร่างกายของเทพโบราณอย่างละโมบ แต่สองคนก่อนล้วนระเบิดตายในขณะสูบ
ซูหมิงคือคนที่สาม ในมุมมองผู้เฒ่าเหวิน เขาเหมือนจะคาดเดาไว้แล้วว่าอีกสองสามลมหายใจซูหมิงจะต้องร่างระเบิดแน่ๆ หลังตายอยู่ที่นี่แล้ว สมบัติทุกอย่างก็จะเป็นของเขา
เขามาพร้อมกับความลำพองใจ แต่ว่าเมื่อเวลาผ่านไปจนสิบลมหายใจ ผู้เฒ่าเหวินเริ่มเกิดความลังเล เขาเหม่อมองซูหมิงซึ่งทั่วร่างมีกลิ่นอายพลังปะทุอย่างบ้าคลั่งตรงระหว่างคิ้วคนยักษ์ เสื้อคลุมโบกสะบัดเหมือนกำลังสูบกินไม่หยุด ทว่ากลับไม่เกิดภาพระเบิดอย่างที่เขาหวังเลย
ภาพนี้ทำให้ผู้เฒ่าเหวินใจเต้นตึกๆ
‘ไม่เป็นไรๆ นี่แค่สิบลมหายใจเอง อีกไม่นานเขาจะต้องถูกระเบิดตายแน่ ไม่มีใครสูบพลังร่างกายคนยักษ์นี้ได้ ต่อให้เป็นเซียนเบื้องบนก็ไม่มีทางทำได้ ถึงอย่างไร เทพโบราณคนนี้ก็บอกกับข้าเองว่าไม่มีใครสูบพลังร่างกายเขาได้!’ ผู้เฒ่าเหวินสูดลมหายใจเข้าลึก เวลาผ่านไปช้าๆ จนครบยี่สิบลมหายใจ สีหน้าเขาเริ่มขาวซีดทีละน้อย
ขณะเดียวกันซูหมิงยิ้มเยาะมุมปาก เขาคาดเดาได้ก่อนแล้ว มือขวาเขาไม่ได้สูบพลังจากร่างกายรอยดาว แต่สูบจิตสัมผัสเทพโบราณที่ซ่อนอยู่ต่างหาก
กระแสจิตนี้ปลอมเป็นพลังแห่งร่างกาย ประหนึ่งปลอมเป็นสัตว์ปีกแห่งเพลิงเทียนที่จะกินแมงเม่าทุกตัวที่เข้ามา ใช้การกินแบบนี้มาฟื้นร่างตัวเองจนกระทั่งอาการบาดเจ็บฟื้นกลับมาทั้งหมด
“เทพโบราณที่ลงมายังมหาโลกสามรกร้าง อย่างมากสุดก็เพียงเจ็ดดาว หรือว่าเจ้าจะไม่ได้รับบาดเจ็บ ต่อให้เป็นเทพโบราณเจ็ดดาวในสภาพสมบูรณ์ข้าก็เคยสู้มาแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงสภาพเจ้าตอนนี้ คงกำลังรักษาอาการบาดเจ็บสาหัสอยู่
คิดจะใช้กระแสจิตปลอมเป็นพลังแห่งร่างกาย พอให้ข้ากินแล้วก็จะสูบเอาพลังกับจิตแรกข้าไปเป็นสารอาหารฟื้นฟูเจ้า เรื่องนี้…เจ้ายังไม่รู้จักประมาณตนอยู่เล็กน้อย” ขณะเดียวกับที่ซูหมิงสูบจิตสัมผัส เขาก็ส่งกระแสจิตผ่านมือขวาเข้าไปในสมองเทพโบราณจนเกิดเป็นเสียงดังสนั่นราวฟ้าผ่า
เทพโบราณนั้นร่างสั่นสะท้านโดยพลัน ดวงตาเปิดขึ้นฉายแววตื่นกลัว ในเวลาเดียวกันรอยยิ้มเยาะมุมปากซูหมิงเด่นชัดกว่าเดิม แหวนตรงนิ้วชี้มือขวาแผ่ระลอกคลื่นสีขาวออกไป ระลอกคลื่นไหลผ่านรอยดาวของเทพโบราณเข้าไปในสมอง ก่อนเกิดเสียงดังสนั่นพร้อมกลายเป็นพลังกดอัด พร้อมกันนั้นซูหมิงยกมือขวาขึ้น ตัวขยับวูบไหวมาโผล่บนแขนซ้ายเทพโบราณ ส่วนมือขวาคว้าไปยังแขน
“ขอใช้ร่างกายเจ้ามาทดสอบวิชาต้องห้ามของมหาโลกสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืนที่ ชั่วร้ายยิ่งในความทรงจำจ่างจี๋เต้าหน่อยแล้วกัน! ขุมนรกเปื้อนกายา!” จังหวะที่ มือซ้ายซูหมิงสัมผัสกับมือซ้ายเทพโบราณ พลันมีระลอกคลื่นสีดำแผ่มาจากมือซ้าย ทันใดนั้นมือซ้ายเทพโบราณแห้งเหี่ยวลงด้วยความเร็วระดับสายตา จากนั้น เทพโบราณตัวสั่นไปทั่วร่าง กระแสจิตถูกกำราบเอาไว้ไม่อาจต่อต้านได้แม้แต่น้อย ทำได้เพียงเจ็บปวดพลางรู้สึกว่าในอีกไม่กี่ลมหายใจแขนซ้ายจะกลายเป็นหนัง หุ้มกระดูก ในเวลาเดียวกัน พลังแห่งร่างกายจำนวนมากหลั่งทะลักเข้าไปในร่าง ซูหมิงอย่างบ้าคลั่ง ทำให้ร่างแยกกลืนนภาสมจริงขึ้นด้วยความเร็วที่น่ากลัวยิ่ง
เพียงสิบลมหายใจ แขนซ้ายเทพโบราณไม่มีเลือดเนื้ออีก ทว่าทุกอย่างยังไม่จบ หลังจากแขนซ้ายเป็นหนังหุ้มกระดูกแล้ว แม้แต่ร่างกาย ขาสองข้างรวมถึงลำตัวยังแห้งเหี่ยวลง พลังจากเลือดเนื้อมหาศาลถูกซูหมิงสูบไปไม่หยุด ส่งผลให้ร่างแยก กลืนนภารวมออกมาแล้วแกร่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง
หลังใช้วิชาขุมนรกเปื้อนกายาไปราวครึ่งก้านธูป เทพโบราณตัวใหญ่ก็ยังคงขนาดเดิม แต่ผอมแห้งลงทั้งหมดเหมือนโครงกระดูก น่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง
ภาพนี้ก็ทำให้พวกชายชราแซ่เหมียวสี่คนหน้าซีดขาวเช่นกัน นัยน์ตาฉายแววหวาดกลัว สายตามองซูหมิงราวกับมองวิญญาณร้าย
“ยมโลกละโมบกระดูก!” ซูหมิงขยับไหวมาอยู่ตรงหัวเทพโบราณก่อนกดมือซ้ายบนกะโหลกเทพโบราณแล้วคว้าลงไปในฉับพลัน ท่ามกลางเสียงดังกรุบๆ ระลอกคลื่นสีดำแผ่มาจากมือซูหมิงอย่างรวดเร็วจนปกคลุมไปทั่วร่าง
เทพโบราณตัวสั่นแรงขึ้นเรื่อยๆ หากมิใช่เพราะมีแหวนสีขาวกำราบเอาไว้ เขาคงจะร้องโหยหวนเสียงดังก้องไปรอบๆ แล้ว ไม่ใช่อย่างตอนนี้ที่แค่ตัวสั่น ความรู้สึกนี้ทำให้เทพโบราณดวงตาแดงก่ำด้วยความบ้าคลั่ง อยากจะระเบิดตัวเองใจจะขาด แต่มันถูกแหวนสีขาวกำราบเอาไว้…เลยทำไม่ได้!
เมื่อมันตัวสั่น ขาสองข้างก็หลอมละลายทีละน้อย ร่างกายอ่อนยวบลง กระดูกทั่วร่างทยอยกันละลายในยามนี้ กลายเป็นพลังกระดูกชนิดหนึ่งถูกมือซ้ายซูหมิงสูบไปอย่างเร็วไว หลอมรวมเข้าสู่ร่างแยกกลืนนภา