Skip to content

สู่วิถีอสุรา 1183

ตอนที่ 1183 สี่ปี

ช่วงที่ร่างซูหมิงรวมถึงแหวนวงนั้นถูกยันต์กดตะวันเคลื่อนย้ายไป ในโลกแท้จริงดาราสัจธรรม ร่างแยกเอ้อชางกำลังพาผู้ฝึกฌานเกือบแสนคนกวาดล้างฟ้ากระจ่างดาว หากเจอผู้ฝึกฌานเหลือรอด จะให้เลือกยอมส่งวิญญาณเข้าร่วมยอดเขาลำดับเก้าหรือไม่ก็โลหิตไหลเป็นสายน้ำ ระหว่างที่ร่างแยกนี้กำลังลากผ่านฟ้า เขาพลันหยุดชะงัก

เส้นผมยาวสีเทา ดวงตามาพร้อมประกายโลหิตวูบวาบไม่ชัดเจน กลิ่นคาวเลือดสังหารหลอมรวมอยู่ในความบ้าคลั่ง เต็มไปด้วยความชั่วร้ายในกลิ่นอายมรณะแห่งการทำลายล้าง นี่คือหลังซูหมิงให้นิสัยทำลายล้างหลอมรวมกับร่างแยกเอ้อชางจึงออกมาเป็นร่างแยกที่แทบจะอยู่ในเงามืด!

ใบหน้าร่างแยกนี้เต็มไปด้วยความเย็นชาต่างกับซูหมิงเล็กน้อย ยากมากที่จะมีใครหากลิ่นอายพลังซูหมิงจากตัวเขาพบ แต่เขาก็คือซูหมิง

ตอนนี้ร่างแยกหยุดกลางอากาศ ผู้ฝึกฌานเกือบแสนคนเงียบเป็นเป่าสาก ไม่มีใครกล้าพูดใดๆ ทุกคนต่างมองร่างแยกเอ้อชางเงามืดของซูหมิงด้วยสายตายำเกรง

‘ยันต์กดตะวัน…’ ร่างแยกเอ้อชางเงามืดดวงตาขยับประกายวาวดูครุ่นคิด เขารู้สึกว่าร่างหลักถูกเคลื่อนย้ายไป ตอนนี้ยังถูกตัดการเชื่อมต่ออีก สัมผัสไม่ได้ว่าอยู่ที่ใด รู้สึกเพียงรางๆ ว่าร่างหลักไม่เป็นอันตราย แต่แม้จะตัดการเชื่อมต่อ แม้จะดูเหมือนกลายเป็นสองคนที่ไม่เกี่ยวข้องกัน แต่ร่างเอ้อชางแห่งเงามืดนี้ก็ยังเป็นทุกอย่างของดวงจิตซูหมิง

เขาคือซูหมิง นี่คือการยึดร่างของเผ่ายมโลก นอกจากผลของวงแหวนอาคม ธูปสวรรค์แล้ว วิธีอื่นไม่มีทางรบกวนผลพรสวรรค์เผ่ายมโลกได้

เขาตรึกตรองอยู่ครู่หนึ่งแล้วดวงตาขยับประกายสีแดง เขารู้ว่าช่วยอะไรร่างหลักไม่ได้ เช่นนั้นก็จะไม่สนใจ เพียงสร้างยอดเขาลำดับเก้าตามดวงจิตของร่างหลักก็พอ

‘ข้ารวมพลังแห่งชะตาภายนอกที่นี่ได้มากพอแล้ว เช่นนั้นตอนที่กลับร่างหลัก… ก็จะแทนที่โลกแท้จริงดาราสัจธรรมได้สำเร็จ!’ นัยน์ตาร่างแยกเอ้อชางเงามืดฉายแววเด็ดขาดก่อนพุ่งทะยานไปข้างหน้าอย่างไม่ลังเล

เวลาผ่านไปช้าๆ พริบตาเดียวก็ครึ่งปี ในครึ่งปีนี้ ผู้ฝึกฌานที่เหลือในแทบจะ ทุกเขตส่วนใหญทั้งโลกแท้จริงดาราสัจธรรม ภายใต้การร่วมมือกันแผ่ขยายของ ศิษย์พี่ใหญ่ ศิษย์พี่รอง หู่จื่อและร่างแยกเอ้อชางรวมถึงผู้ฝึกฌานหลายแสนคนที่เข้าร่วมยอดเขาลำดับเก้า จึงเหมือนกับลูกกลิ้งหิมะยักษ์ที่ใหญ่ขึ้นอย่างช้าๆ

หินยักษ์แต่ละก้อนถูกรวมมาจากรอบทิศสร้างเป็นที่ตั้งสำนักยอดเขาลำดับเก้า หลังเอามารวมกันจึงกลายเป็นแผ่นดินใหญ่มหึมา มีภูเขาสูงจำนวนมาก มีหอหลายแห่งปรากฏขึ้นในพริบตา เมื่อเวลาผ่านไป แบบจำลองยอดเขาลำดับเก้าจึงค่อยๆ ถูกร่างออกมา

ผ่านไปอีกครึ่งปี สำนักยอดเขาลำดับเก้ามหึมาไม่ใช่แบบจำลองอีก แต่ผงาดออกมาอย่างเด่นชัด ผู้ฝึกฌานเกือบห้าแสนคนนั่งฌานอยู่ที่นี่ พวกเขาถูกใช้วิธีที่ต่างกันในการมาเป็นศิษย์ยอดเขาลำดับเก้า บ้างก็ยอมเอง บ้างก็ถูกบังคับ บ้างก็เหตุผลอื่น

ในพวกเขามีทุกกลุ่ม มีคนสำนักดาราสัจธรรมในอดีต มีพันธมิตรเผ่าเซียนในอดีต ทว่าตอนนี้ไม่มีสำนักดาราสัจธรรม ไม่มีพันธมิตรเผ่าเซียนแล้ว พวกเขาล้วนเป็นศิษย์ยอดเขาลำดับเก้า

ยอดเขามหึมาเก้าลูกเป็นสิ่งก่อสร้างที่เด่นชัดที่สุดในสำนักยอดเขาลำดับเก้า ยอดเขาเก้าลูกนั้นสูงตระหง่านไม่มีที่ใดเปรียบ แผ่กระจายแรงกดดันปกคลุมไปรอบๆ กลายเป็นระลอกคลื่นสีขาวหลายชั้น ระลอกคลื่นนี้เองที่ขวางพายุหมุนไม่ให้เข้ามา แม้ร่างหลักซูหมิงจะหายตัวไป แต่ร่างแยกเอ้อชางยังอยู่ โดยเฉพาะเมื่อเขาสวม ชุดคลุมดำแล้ว นอกจากพวกศิษย์พี่ใหญ่ที่รู้ว่าซูหมิงหายไปตัว คนอื่นๆ ก็ไม่มีใครรู้เลยว่าคนชุดคลุมดำที่ถูกแอบขนานนามกันลับๆ ว่าชั่วร้ายและยังเป็นผู้อาวุโสใหญ่สำนักยอดเขาลำดับเก้าคนนี้ แท้จริงแล้วเป็นเพียงร่างแยก

เจ้าสำนักยอดเขาลำดับเก้ารุ่นแรกคือศิษย์พี่รอง เพราะศิษย์พี่ใหญ่ไม่อยากเป็น หู่จื่อก็คร้านจะทำ ร่างแยกเอ้อชางก็ไม่สนใจฐานะ ดังนั้นจึงตกมาอยู่ที่ศิษย์พี่รอง

ส่วนศิษย์พี่ใหญ่ เขาเป็นผู้อาวุโสใหญ่เหมือนกับร่างแยกเอ้อชาง คอยรับผิดชอบเรื่องลงโทษ ใช้กลิ่นอายมารมาสร้างความหวาดหวั่นกับศิษย์ทุกคน

หู่จื่อไม่มีอะไรให้ทำ แต่เขาเหมือนจะชินกับสงคราม เลยรับผิดชอบพาศิษย์ ยอดเขาลำดับเก้าไปบุกเบิกโลกแท้จริงดาราสัจธรรมไม่หยุด ไปยังที่ที่ไกลกว่าเพื่อกำราบผู้ฝึกฌานที่เหลือรอดอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าเดิมทีเป็นสำนักดาราสัจธรรมก็ดี เป็นพันธมิตรเผ่าเซียนก็ดี แต่ตอนนี้ไร้รากฐานแล้ว

ในสำนักยอดเขาลำดับเก้า กลางเก้ายอดเขาใหญ่ ยอดเขาลำดับเก้าก็คือวิหารใหญ่ของสำนัก ส่วนยอดเขาอื่นๆ มียอดเขาลำดับสี่ที่ร่างแยกเอ้อชางอยู่ หลังส่งมอบเรื่องสงครามให้กับหู่จื่อแล้ว เขาก็ปิดด่านนั่งฌานหล่อหลอมพลังแห่งกฏภายนอกที่รวมมา ส่วนยอดเขาที่สามเป็นของหู่จื่อ ยอดเขาที่สองเป็นที่พักของศิษย์พี่รอง และยอดเขา ที่หนึ่งเป็นของศิษย์พี่ใหญ่

เวลาผ่านไปสองปีเต็มหลังซูหมิงหายตัวไป สองปีนี้ยอดเขาลำดับเก้าขยายใหญ่ขึ้นอย่างต่อเนื่อง สำนักก็ยังขยายออก กลายเป็นวัตถุยักษ์กลางฟ้ากระจ่างดาว

ในสองปีเต็มนี้ ผู้ฝึกฌานยอดเขาลำดับเก้าจากตอนแรกห้าแสนคนเพิ่มมาเกือบแปดแสนคน จำนวนคนเหล่านี้ดูเหมือนไม่น้อย แต่ความจริงก่อนหน้าภัยพิบัติ พายุหมุน ผู้ฝึกฌานทั้งสำนักดาราสัจธรรมก็มีมากกว่าหลายสิบล้านคนแล้ว ตอนนี้พูดได้ว่าเป็นเพียงหนึ่งในสิบ

ทว่ามีครั้งหนึ่งทางเหนือ หู่จื่อพาผู้ฝึกฌานยอดเขาลำดับเก้าโจมตีอย่างดุเดือดกับผู้ฝึกฌานอีกกลุ่ม ครั้งนั้นถือเป็นการสิ้นสุดการขยายอำนาจของยอดเขาลำดับเก้า

โดยเฉพาะเรื่องนี้ยังทำให้ร่างแยกเอ้อชางตกตะลึง เขาต้องออกฌานมาเพื่อเดินทางไปยังฟ้ากระจ่างดาวโลกดาราสัจธรรมทางเหนือด้วยตัวเอง หลังทำสงครามสั่นสะเทือนไปรอบๆ กับคนที่นั่นแล้ว ยังทำให้ให้ผู้แข็งแกร่งที่สุดของอีกฝ่ายบาดเจ็บสาหัส ทว่าตัวเขาก็บาดเจ็บหนักเช่นกัน จึงต้องถอยกลับมายอดเขาลำดับเก้าเพื่อ ปิดด่านนั่งฌานอีกครั้ง

เพราะเหตุนี้เองหู่จื่อจึงยุติสงครามเช่นกัน เขากลับมายอดเขาลำดับเก้าและ ใช้สมาธิทั้งหมดไปกับการแก้วงแหวนอาคมเคลื่อนย้ายที่ส่งไปสำนักดาราสัจธรรมตามคำขอของซูหมิงตอนแรก

สำหรับหู่จื่อผู้มีพรสวรรค์สูงยิ่งในด้านวงแหวนอาคมแล้ว การจะแก้วงแหวนอาคมนี้ต้องใช้เวลาสักเล็กน้อย ถึงอย่างไรนี่ก็คือวงแหวนอาคมที่คล้ายกับการป้องกันอยู่กับสำนักดาราสัจธรรมมาไม่รู้กี่ปี หลังจากปิดจากข้างในแล้ว หากคนข้างนอกแก้มันได้ง่ายๆ ก็คงไม่สมกับชื่อเสียง

แต่หู่จื่อมีความมั่นใจว่าหากให้เวลาเขาอีกสองสามปี เขาจะต้องแก้มันได้แน่

แต่จากเรื่องนี้จะเห็นได้อีกอย่างว่า การหายตัวไปของซูหมิง ด้วยความที่เขาแกร่งที่สุดในยอดเขาลำดับเก้า จุดนี้แม้แต่ร่างแยกเอ้อชางที่หากสู้กันอย่างสุดกำลังก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ร่างหลักซูหมิง ซึ่งเรื่องนี้พวกศิษย์พี่ใหญ่ก็ต่างยอมรับกัน

และก็เพราะแบบนี้จึงทำให้การขยายอำนาจยอดเขาลำดับเก้าหยุดชะงักอยู่ทางเหนือ เป็นพื้นที่ขุมอำนาจที่พัฒนาแทบจะพร้อมกับยอดเขาลำดับเก้าเมื่อสองปีก่อน

นี่คือสำนักที่มีนามว่าสำนักสัจธรรมใหม่ ผู้ฝึกฌานทั้งหมดในนั้นเคยเป็น ศิษย์สำนักดาราสัจธรรม กระทั่งหากสืบต่อไป จะพบว่าพวกเขาคือกองกำลังของสำนักดาราสัจธรรมที่ส่งออกไปสู้กับพันธมิตรเผ่าเซียน แม้พวกเขาจะถูกจู่โจม จาก ภัยพิบัติเช่นกัน แต่กลับมีผู้ฝึกฌานเกือบล้านคนเหลือรอด แล้วรวมขึ้นเป็นสำนักสัจธรรมใหม่

เป็นพวกเขาที่ขวางการขยายอำนาจของยอดเขาลำดับเก้า ผู้แข็งแกร่งที่สุดในนั้นเป็นยอดฝีมือถูกขนานนามว่าเต้าจง มีพลังลึกลับยากจะคาดเดา และเป็นเขาเองที่สู้กับร่างแยกเอ้อชางด้วยตัวเอง การต่อสู้ครั้งนี้ ถึงขั้นทำให้ร่างแยกเอ้อชางเผยตัวออกมา แต่สุดท้ายสองฝ่ายต่างบาดเจ็บหนัก ต่างฝ่ายต่างปิดด่านนั่งฌานกันอีกครั้ง

ดังนั้นแล้ว แม้ยอดเขาลำดับเก้าจะหยุดขยาย แต่สำนักสัจธรรมใหม่ก็ด้วยเช่นกัน ไม่อาจทำอะไรยอดเขาลำดับเก้าได้ ระหว่างกันไม่เกิดสงครามครั้งใหญ่ขึ้นอีก แต่การกระทบกระทั่งเล็กๆ ปรากฏบ่อยครั้ง

หากโลกแท้จริงดาราสัจธรรมมีแต่ยอดเขาลำดับเก้ากับสัจธรรมใหม่สองขุมอำนาจ เช่นนั้นระหว่าพวกเขาจะต้องดุเดือดขึ้นแน่ๆ กระทั่งถึงระดับที่ต้องตายกันไปข้างหนึ่ง ทว่าความจริงที่มันยังไม่เกิดขึ้นเป็นเพราะว่าในโลกดาราสัจธรรมกว้างใหญ่ คนที่มีความคิดสร้างสำนักเหมือนซูหมิงในตอนนั้นไม่ใช่แค่เขากับเต้าจง แต่อีกด้านหนึ่งของโลกดาราสัจธรรม เกือบติดทางใต้ยังมีขุมอำนาจที่สามด้วย

นั่นคือขุมอำนาจที่มีนามว่าพันธมิตรใต้ซึ่งรวมจากคนพันธมิตรเผ่าเซียนที่เหลือและกลุ่มขนาดเล็กจำนวนมาก จำนวนผู้ฝึกฌานมีเกือบล้านเช่นกัน ผู้แข็งแกร่งมีจำนวนมาก กระทั่งในด้านขุมอำนาจทั้งมวลยังเหนือกว่ายอดเขาลำดับเก้ากับสัจธรรมใหม่

เพียงแต่ว่าระหว่างพันธมิตรใต้กับยอดเขาลำดับเก้ามีช่องโหว่ยักษ์ที่มหาโลก สามรกร้างถูกเปิดเอาไว้ตอนนั้นอยู่ ที่นั่นเป็นพื้นที่ที่มีพายุหมุนรุนแรงที่สุด มันจึงขวางผู้ฝึกฌานส่วนใหญ่ของพันธมิตรใต้เอาไว้ทางอ้อม ต่อให้พวกเขาหาวิธีเคลื่อนย้ายในพายุหมุนได้ แต่ก็ยังยากจะข้ามผ่านพื้นที่ที่มีพายุหมุนรุนแรงที่สุดได้

แต่หากอ้อมไป ด้วยความที่พวกเขาไม่มีระลอกคลื่นปกป้องที่ให้อยู่ในพายุหมุนได้นานอย่างยอดเขาลำดับเก้า หากพลาดท่าขึ้นมาก็จะตายตกไป ดังนั้นจึงยังไม่เคยเกิดการกระทบกระทั่งอย่างรุนแรงระหว่างยอดเขาลำดับเก้ากับสำนักสัจธรรมใหม่เลย

ทุกอย่างเป็นเช่นนี้ ในเวลาสองปีหลังซูหมิงหายตัวไป สามขุมอำนาจใหญ่ในโลกแท้จริงดาราสัจธรรมล้วนขยายอำนาจช้าๆ ภายใต้การจำกัดสมดุล จึงเกิดสมดุลกันอย่างหาได้ยาก

เพียงแต่ว่าสมดุลนี้อ่อนแอยิ่ง หากไม่ระวังจะถูกตีแตกได้ หากแตกออก สามขุมอำนาจจะเข่นฆ่ากัน อีกทั้งทุกขุมอำนาจล้วนมีไพ่ตายของตัวเอง

ยอดเขาลำดับเก้าไม่รู้ไพ่ตายของพันธมิตรใต้และสัจธรรมใหม่ ก็เหมือนกับอีก สองขุมอำนาจที่ไม่รู้ไพ่ตายของยอดเขาลำดับเก้า นั่นคือนอกจากซูหมิงกลับมาแล้ว ยังมีวงแหวนอาคมเคลื่อนย้ายของสำนักดาราสัจธรรมที่กำลังแก้อยู่

หากแก้วงแหวนอาคมเคลื่อนย้ายได้ คนยอดเขาลำดับเก้าจะยึดครองสำนักดาราสัจธรรม ถึงสำนักนี้จะเป็นซากปรักหักพังไปแล้ว แต่ที่นั่นก็ทำให้ยอดเขาลำดับเก้าแกร่งขึ้นได้ ถึงขั้นมองข้ามพายุหมุนข้างนอกไป ใช้ประโยชน์จากวงแหวนอาคมเคลื่อนย้ายหนึ่งร้อยกว่าแห่งไปปรากฏตามที่ต่างๆ ได้ในพริบตา

เวลาผ่านไป ไม่นานก็ผ่านไปสี่ปี สี่ปีนี้ การกระทบกันของสามขุมอำนาจค่อยๆ รุนแรงขึ้น เหมือนจะถึงระดับที่ยากจะควบคุมแล้ว

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version