Skip to content

สู่วิถีอสุรา 1182

ตอนที่ 1182 วิหารเหล่าเทพ 4

“จะ จะ….เจ้ามองเห็นข้า!” ตอนนี้ในใจร่างแยกกลืนนภาปั่นป่วนไปหมด เขาไม่นึกเลยว่าซูหมิงจะมองเห็นรอบๆ ชัดเจนในโลกมืดมิดของยันต์กดตะวัน

จุดนี้ ร่างแยกกลืนนภายอมรับว่ามองไม่พลาดแน่ ซูหมิงมองเห็นรอบๆ อย่างชัดเจนจริงๆ เป็นที่รู้ว่าที่ร่างแยกกลืนนภาสังเกตเห็นซูหมิงไม่ใช่เพราะเขามองเห็น แต่เป็นปฏิกริยาโต้ตอบต่อร่างจริง ทำให้ซูหมิงเป็นดั่งเปลวเพลิงกลุ่มยักษ์ ในดวงตาเขา และที่ซูหมิงใช้ปฏิกิริยาโต้ตอบนี้เพื่อหาร่างแยกกลืนนภาไม่ได้ ก็เป็นเพราะความเล็กใหญ่ อย่างเช่นความเล็ก เพราะมันเล็กดังนั้นจึงไม่ง่ายที่จะถูกพบ แต่ความใหญ่ ด้วยความที่มันใหญ่ ในสายตาความเล็กจึงเด่นตายิ่ง

ตอนนี้ร่างแยกกลืนนภาวิญญาณแทบจะออกจากร่าง ขณะห้อะยานถอยหนีไป ซูหมิงยิ้มมุมปากพลางไล่ตามไป

“ครั้งนี้ข้าอยากรู้นักว่าเจ้าจะหนีอย่างไร!” คำพูดซูหมิงทะมึนซึ่งมาพร้อมกับ แรงกดดันที่ทำให้ร่างแยกกลืนนภาใจสั่น ขณะถอยร่นร่างแยกกลืนนภายังกัดฟัน ร้องตะโกน ใช้วิชาต้องห้ามกระดูกอยู่ข้างนอกเนื้ออยู่ข้างในเพื่อกระตุ้นศักยภาพในร่างกายอีกครั้ง ทำให้ความเร็วเพิ่มขึ้นในพริบตา ช่วงที่ซูหมิงคว้ามือขวามาเขาจึงหลบไปได้อย่างหวุดหวิด ก่อนหนีไปอย่างบ้าคลั่ง

ซูหมิงแค่นเสียงขึ้นจมูกทีหนึ่งแล้วยกมือขวากำหมัดไปข้างหน้า ทันใดนั้น เกิดเสียงดังสนั่นฟ้ารอบตัว นั่นคือแหวนสีขาวที่เขาปล่อยไปก่อนหน้านี้บีบตัวเข้ามาจากข้างนอกไม่หยุดจนเข้ามาในโลกสีดำแล้ว ระลอกคลื่นจากแหวนนี้ ขณะบีบตัวเข้ามายังเหมือนกับปราการที่ไม่อาจสั่นคลอนวงหนึ่ง ภายใต้การหดตัว ร่างแยกกลืนนภาจึงหนีไปไม่ได้ ทำได้เพียงรอถูกจับเท่านั้น

ทุกอย่างเสร็จสิ้นในเสี้ยวพริบตา ซูหมิงเดินหน้าไล่ตามร่างแยกกลืนนภาไป ตอนนี้ร่างแยกกลืนนภารวดเร็วมากก็จริง แต่วิชานี้คือวิชาต้องห้าม แน่นอนว่าย่อมมีข้อเสีย จะใช้นานไม่ได้ โดยเฉพาะการใช้ติดกันสองครั้ง สำหรับร่างแยกกลืนนภาแล้วใช้ได้อีกไม่ถึงครึ่งก้านธูป เมื่อเวลาผ่านไป ไม่เพียงแต่ความเร็วจะลดลงเท่านั้น แต่ยังบาดเจ็บหนักในร่างกายด้วย

แต่ไม่ทำแบบนี้เขาจะทำอย่างไรได้อีก ตอนนี้ขณะกัดฟันห้อเหยียด โลหิตไหลจากมุมปากไม่หยุด เขามุ่งหน้าไปยังใจกลางโลกมืดมิดโดยไม่สนสิ่งใด มีแต่ที่นั่นเท่านั้นที่บางทีอาจจะไม่ชีวิตรอด

แต่โลกภายนอก ตอนนี้เกิดเสียงอึกทึกกึกก้อง นั่นคือเสียงระลอกคลื่นจากแหวนหดตัวเข้ามา นั่นหมายถึงทางตัน มีแค่ตรงยันต์กดตะวันเท่านั้นที่พลังสองฝ่ายจะถูกจำกัดถึงจุดสูงสุด ในสายตาร่างแยกกลืนนภา บางทีอาจมีทางรอด ดังนั้นเขาจึงใช้ความเร็วทั้งหมดมุ่งหน้าไป อีกครึ่งก้านธูป เขามั่นใจว่าต้องถึงที่นั่นแน่ เพียงแต่ว่า เขาไม่เห็นซูหมิงตามมาข้างหลัง จึงยิ้มเยาะมุมปาก

‘นี่เป็นจิตสำนึกที่เกิดขึ้นเพราะวงแหวนอาคมธูปสวรรค์ แม้จะเหมือนข้ามาก แต่มีความลนลานเพิ่มมาเล็กน้อย ขาดความตื่นตัวไปเล็กน้อย หากเจออันตรายเป็นตายแบบนี้ก็จะจิตใจปั่นป่วน หนี…อย่างมากสุดสิบกว่าลมหายใจ ข้าอยากรู้นักว่าเจ้าจะหนีต่อไปอย่างไร’ ซูหมิงไล่ตามหลังแบบไม่ช้าไม่เร็ว เขาสัมผัสได้ว่าพลังถูกกดลงจากขั้นกุม อีกทั้งขั้นภัยพิบัติตะวันก็ยังไม่เสถียร จนกระทั่งไปถึงภัยพิบัติจันทราแล้วก็อ่อนแอลงไปจนถึงเจ้าปกครองโลกสมบูรณ์

แต่เวลาเพียงแค่สิบหกลมหายใจ

ร่างแยกกลืนนภาในยามนี้กระอักเลือดคำใหญ่ ร่างกายสั่นเทา เดิมทีเขาคิดว่าจะยืนหยัดใช้วิชาต้องห้ามได้อีกครึ่งก้านธูป ทว่าเวลากลับลดน้อยลงอย่างรวดเร็ว เมื่อถึงลมหายใจที่สิบแปด เขาตัวสั่น วิชาต้องห้ามหายไป ความรู้สึกอ่อนแอผุดขึ้นมาในใจ กลายเป็นการฝืนยิ้มมุมปากด้วยความปวดร้าว

เขามองข้ามการจำกัดพลังไป ต่อให้ร่างกายจะถูกกดอัดเล็กน้อย แต่ก็อยู่ในขอบเขตถูกจำกัดเช่นกัน โดยเฉพาะเขากำลังมุ่งหน้าไปยังยันต์กดตะวัน ซ้ำแล้วยังใช้วิชาต้องห้ามอีก จึงทำให้ร่างกายที่เดิมทีอ่อนแออยู่แล้วถูกจำกัดมากขึ้นหลายเท่า

และยังทำให้เวลาในการใช้วิชาต้องห้ามที่ควรจะถึงครึ่งก้านธูปเปลี่ยนเป็น สิบแปดลมหายใจ

แทบเป็นทันทีที่เขาช้าลง ซูหมิงก้าวเดินเข้ามาปรากฏตัวอยู่ข้างเขา ยกมือขวาขึ้นกดตรงศีรษะร่างแยกกลืนนภาด้วยแรงมหาศาล ขณะเดียวกันจิตสำนึกซูหมิงไหลผ่านมือขวาเข้าไปในร่างกายร่างแยกกลืนนภา หมายจะทำการยึดร่างครั้งที่สอง

ความหวาดกลัวต่อความเป็นตายกระตุ้นร่างแยกกลืนนภา ความกระหายในการมีชีวิตอันแรงกล้าทำให้เขาเปล่งเสียงคำรามแหลม ชั่วพริบตาที่ซูหมิงเลือกยึดร่าง เขาพลันตัวสั่น ตรงระหว่างคิ้วปรากฏรอยแยกเส้นหนึ่งขึ้น ต่อมา แทบเป็นช่วงที่ จิตแรกซูหมิงอัดแน่นอยู่ทั่วตัวร่างแยกกลืนนภา ภายในรอยแยกตรงระหว่างคิ้ว ร่างแยกกลืนนภามีคนเล็กมุดออกมา จากนั้นหนีไปอย่างคลุ้มคลั่ง

คนเล็กนั้นก็คือจิตสำนึกที่เกิดขึ้นเองในตัวร่างแยกกลืนนภาจากวงแหวนอาคม ธูปสวรรค์ พูดได้ว่ามันคือวิญญาณ และก็เรียกได้ว่าจิตแรก ตอนนี้พอเขาบินออกมาแล้วก็พุ่งไปยังยันต์กดตะวันด้วยความเร็วที่มากขึ้นไม่น้อย

ร่างแยกกลืนนภาที่ไม่มีจิตสำนึกกับวิญญาณ สำหรับซูหมิงไม่จำเป็นต้องยึดร่างแล้ว เพราะนั่นคือร่างกายว่างเปล่า จิตแรกเขาพลันหลอมรวมเข้าไปในร่างก็ได้คืนมา อย่างรวดเร็ว หลังเก็บร่างแยกกลืนนภาเข้าไปในถุงเก็บวัตถุแล้ว ซูหมิงเงยหน้ามองยันต์ยักษ์ยาวแผ่นหนึ่งในม่านแสนสีเทามหึมาไกลๆ ที่ตนมองเห็นชัด

และยามนี้วิญญาณของร่างแยกกลืนนภากำลังมุ่งหน้าไปที่ยันต์นั้น

“ไม่มีวิญญาณเจ้าก็ยึดร่างไม่ได้ และก็จะยึดร่างครั้งที่สองไม่ได้ ไม่รู้ว่าหาก ยึดสองครั้งแล้วจะเป็นอย่างไร ข้าอยากรู้มากจริงๆ” ซูหมิงหรี่ตาลง ที่เขายึดมั่น ล่าสังหารร่างแยกกลืนนภาขนาดนี้ นอกจากจะเอาร่างแยกกลับมาแล้ว ที่สำคัญที่สุดคือเขาอยากรู้ว่าหากยึดร่างแยกสองครั้งจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างไร

เมื่อคิดได้ดังนั้น เขาจะไปยอมให้ร่างแยกกลืนนภาที่เกิดจิตสำนึกขึ้นเองอย่างพบเห็นได้ยากเช่นนี้หนีไปได้อย่างไร เขาทำเสียงหึขึ้นจมูกพร้อมขยับตัวพุ่งไปยังวิญญาณของร่างแยกกลืนนภา

สองคนใกล้กับยันต์กดตะวันมาก ตอนนี้ขณะไล่ตาม วิญญาณร่างแยกกลืนนภาไปอยู่ข้างยันต์กดตะวันแล้ว แทบเป็นทันทีที่มาถึง วิญญาณเขาพลันสั่นไหว เกิดการเลือนรางขึ้น ราวกับจะสลายไปเพราะรับแรงกดดันบางอย่าง

ซูหมิงเองก็รู้สึกถึงการจำกัดพลังอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ระหว่างที่เข้าไปใกล้ พลังเขาอ่อนแอลงอย่างต่อเนื่อง จากเจ้าปกครองโลกสมบูรณ์มาเป็นเจ้าปกครองโลกตอนปลาย เป็นตอนกลาง จนกระทั่งถึงตอนต้นแล้ว ตอนที่เข้าไปใกล้พลังลดต่ำลง จากระดับฟ้าลงไปสู่ระดับดิน

นั่นคือความรู้สึกที่เขาไม่ได้สัมผัสมานานมาก นั่นคือพลังตอนที่เขาถูกส่งจาก เผ่าหมานไปยังทะเลดาราต้นกำเนิดจิต แต่ถึงจะเป็นเช่นนี้ ด้วยสติปัญญาและประสบการณ์หลายปี เขาจึงหน้าไม่หน้าเปลี่ยนสีแม้แต่น้อย แม้ความเร็วจะลดลงมาก แต่กลับไล่ตามไปจนถึงข้างยันต์กดตะวันอย่างไม่ลังเล ในเวลาเดียวกันโดยรอบเกิดเสียงครึกโครม แทบเป็นขณะเดียวกับที่ซูหมิงเข้ามาใกล้ยันต์กดตะวัน ระลอกคลื่นจากแหวนสีขาวรอบตัวเขาหดเข้ามาปกคลุมยันต์กดตะวันแล้ว

“เหตุใดเจ้าต้องล่าสังหารกันขนาดนี้ด้วย ข้ามอบร่างคืนให้เจ้าแล้ว เจ้า…” วิญญาณร่างแยกกลืนนภาที่ร่างเหมือนใกล้จะสลายไปมองแหวนสีขาวผนึกโดยรอบเอาไว้อย่างหนาแน่น มองซูหมิงกำลังเดินเข้ามา เขาพลันมีสีหน้าตื่นกลัวและลนลานอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ทั้งยังกล่าวเสียงเล็ก

“ร่างกายของเจ้ารึ?” ซูหมิงยิ้มเยาะ เขาไม่พูดกับวิญญาณร่างแยกกลืนนภามากนัก แต่พุ่งตรงไปหาอีกฝ่าย ยกมือขวาคว้าไป ขณะคว้ามือไป วิญญาณร่างแยกกลืนนภามีสีหน้าสิ้นหวัง เขาไม่มีแรงต่อต้านแล้ว ถึงตอนนี้พลังซูหมิงจะเป็นเพียงระดับดินก็ตาม แต่เขาก็ยังดิ้นรนไม่ได้

ขณะอยู่ในความสิ้นหวัง เขาก็มีสีหน้าคลุ้มคลั่งขึ้นมา จังหวะที่ซูหมิงคว้ามือมา เขาหลับตาลงและลืมตาขึ้น กลิ่นอายพลังระเบิดตัวเองแผ่กระจายออกอย่างเด่นชัด เขารู้ว่าการระเบิดตัวเองคงไม่มีผลใดๆ เขารู้ว่าซูหมิงเชี่ยวชาญการย้อนเวลา แต่…หากไม่ระเบิดตัวเอง หากแค่ปล่อยให้อีกฝ่ายสังหาร เขาก็ไม่ยอม

ดังนั้นถึงรู้ว่าไม่มีประโยชน์เขาก็ยังจะระเบิดตัวเองอย่างบ้าคลั่ง แต่เป็นอย่างที่เขารู้ การระเบิดตัวเองต่อหน้าซูหมิงไม่มีประโยชน์

พลังการย้อนเวลาผ่านมา มือขวาซูหมิงคว้าวิญญาณร่างแยกกลืนนภาเอาไว้แล้วบีบมือ หลังผนึกเอาไว้หลายชั้นแล้วก็ใส่เข้าไปในถุงเก็บวัตถุ รอออกจากที่นี่ก่อน รอจนพลังไม่ถูกยับยั้งอีก เขาจะให้วิญญาณนี้เข้าร่างแยกกลืนนภาก่อนทำการยึดร่างครั้งที่สอง

ครั้นผนึกวิญญาณร่างแยกกลืนนภาแล้ว เขาเงยหน้าขึ้นมองยันต์กดตะวันยักษ์ตรงหน้า แสงสว่างสีเทาส่องไปหมื่นจั้ง ด้านบนยังมีตัวอักษรใหญ่สามตัว เพียงแต่ว่าเขาไม่รู้จักอักษรเหล่านี้ มันวาดไว้คร่าวๆ บนยันต์ กระทั่งตอนที่เขามองไปยังรู้สึกว่าในยันต์แฝงไว้ด้วยพลังป่าเถื่อนยุคโบราณ

ความรู้สึกโบราณนั้นทำให้เขานึกถึงเทพบรรพชนที่เผ่าประหลาดในทะเลดารา ต้นกำเนิดจิตกราบไหว้ ถึงขั้นในความรู้สึกเขา พลังน่ากลัวที่แฝงอยู่ในยันต์นี้ ยังเหนือกว่าแหวนสีขาวเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าเป็นสมบัติล้ำค่าของผู้แข็งแกร่ง ขั้นไม่อาจกล่าว

ซูหมิงไม่ได้อยู่ที่นี่นานนัก ตอนนี้พลังเขาถูกกดจนแม้แต่ระดับดินยังไม่เสถียร จึงหมุนตัวกลับทันทีหมายจะออกจากที่นี่ กลับไปรวมกับพวกศิษย์พี่ข้างนอก แต่ทันทีที่เขายกเท้าขึ้นจะออกไปนั้น ยันต์กดตะวันพลันสั่นไหว

“กลิ่นอายพลังของเซ่นไหว้…เปิดวิหารเหล่าเทพ…เซ่นไหว้ของเซ่น…สามารถเข้าวิหารเหล่าเทพ…เซ่นไหว้ของเซ่น…สามารถเข้าวิหารเหล่าเทพ…” เสียงอื้ออึงดังก้องไปรอบๆ มาจากในยันต์กดตะวัน ขณะซูหมิงใจสั่นไหว กลับมีแรงดูดรุนแรงส่งมาจากในยันต์ แรงดูดนี้ปกคลุมร่างเขาแล้วกระชากอย่างแรง เหมือนอยากจะกระชากเข้าไปในยันต์

“ไม่มีของเซ่นไหว้…ก็เซ่นไหว้ตัวเอง…” ท่ามกลางเสียงดังอื้ออึง ซูหมิงหน้าเปลี่ยนสีอย่างเด่นชัด แรงดูดพลันเพิ่มขึ้นไม่รู้กี่เท่า ขณะที่จะดูดเขาเข้าไปในยันต์นั้น เขายกมือขวาชี้แหวนสีขาว แหวนพลันหดเล็กลงอย่างเร็วไวเข้ามาสวมที่นิ้วมือขวาเขา ก่อนจะดึงตัวเขาออกไปข้างนอก

ระหว่างที่ซูหมิงจะหลุดออกจากพื้นที่แรงดูดนั้น ยันต์กดตะวันขยับแสงวูบวาบ ปรากฏพลังแห่งการเคลื่อนย้ายขึ้น ขณะที่ซูหมิงเบิกตากว้างและยิ้มเฝื่อนนั้น แสงขยายออกไปข้างนอก แม้แสงนี้จะหายไปในพริบตา แต่เมื่อมันหายไปแล้ว ซูหมิงก็หายตามไปด้วย

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version