ตอนที่ 1164 โม่!
‘โจวเถียนเฟิงสมควรตาย ครั้งนี้ข้าจะให้เจ้าตายแบบไม่ต้องมีที่ฝัง!’ จิตสังหารในดวงตาเต้าจงขยับประกายวาว ทว่ายามที่มองร่างแยกซูหมิงสีเทาข้างกายกลับเปลี่ยนเป็นสีหน้าเคารพโดยพลัน เมื่อคารวะลงลึกๆ แล้วก็กลายเป็นสายรุ้งยาวขยับวูบไป ส่วนร่างแยกเอ้อชางซูหมิงเดินหน้าห้อเหยียดหายไปในพายุหมุนภายใต้การนำของเต้าจง
‘สิ่งนี้น่าสนใจเล็กน้อย นี่คือไข่แมลง แต่ภายในมีเสี้ยวพลังโลก เหมือนว่า…ไม่ใช่ของจากโลกนี้’ ซูหมิงมองลูกกลมสีขาวในมือพลางขยายจิตสัมผัสเข้าไปภายในเพื่อตรวจสอบอย่างละเอียด เมื่อส่งจิตสัมผัสเข้าไป ลูกกลมสีขาวสั่นไหวในมือ เหมือนพยายามจะดิ้นรน แต่มือซูหมิงกลับผนึกมันเอาไว้แน่น
ณ โลกแท้จริงดาราสัจธรรม กลางฟ้ามีสายรุ้งยาวกำลังห้อเหยียด ตรงหน้าพวกเขากลางพายุหมุนเห็นรางๆ ว่ามีแผ่นดินใหญ่ผุพังแห่งหนึ่ง แผ่นดินนี้ขนาดไม่ใหญ่ มีลักษณะเป็นซากผุพัง ตรงกลางถูกพายุหมุนแยกออก
“นายท่าน ที่นี่แหละ! ที่นี่คือกองกำลังขนาดเล็กของสำนักดาราสัจธรรมในอดีต ข้างในมียอดฝีมือสามคน…” ชายชราแซ่เหมียวชี้ไปยังแผ่นดินใหญ่กลางพายุหมุนพลางกล่าวอย่างเคารพกับร่างแยกกลืนนภาข้างๆ
ร่างแยกกลืนนภาซูหมิงมีสีหน้าสงบนิ่ง เขามองแผ่นดินใหญ่กลางพายุแวบหนึ่งก่อนขยับวูบไหวเดินออกจากระลอกคลื่นสีขาวเข้าไปในพายุหมุน จากนั้นกลายเป็นสายรุ้งยาวสายหนึ่งพุ่งทะยานไปยังแผ่นดินพร้อมด้วยเสียงครึกโครมสะเทือนฟ้า ชายชราแซ่เหมียวตามอยู่ข้างหลัง พอเห็นร่างแยกซูหมิงเดินไปในพายุหมุน ก็ยิ่งเกิดความกลัวต่อเขามากกว่าเดิม
ร่างแยกกลืนนภาของซูหมิงไม่ได้คิจะปิดบังตัวเองแม้แต้น้อย ตอนที่เกิดเสียงลากยาวดังสนั่นก็เข้าไปบนแผ่นดินแล้ว เพียงไม่กี่ลมหายใจ มีสายรุ้งสายหนึ่งพลันบินขึ้นจากพื้นดิน
“เฮอะๆ ผู้มาหยุดก่อน ที่นี่คือพื้นที่ของสำนักดาราสัจธรรม ใครบุกเข้ามาต้องตาย!” ผู้กล่าวคือชายวัยกลางคนจมูกงอเหมือนเหยี่ยว เขาสวมเสื้อคลุมทอง สีหน้ามีความโอหังเสี้ยวหนึ่ง คำพูดดังก้องไปรอบๆ ฟ้า
ในตัวเขายังมีพลังจากขั้นกุมแผ่กระจายออกมา เพียงแต่ขั้นพลังยุ่งเหยิงเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าเขาเพิ่งทะลวงขั้นกุมได้ไม่นาน แต่ความโอหังกลับเข้มข้นกว่าพลังมาก
จะเห็นได้ว่าเขาเป็นยอดฝีมือได้ไม่นานก็มีความโอหังสูงส่ง ไม่ใช่คนจำพวกเจนจัดสงคราม เขาดูเหมือนหยิ่งยโส แต่ความจริงในใจตื่นตัว
สิ่งที่ตอบกลับเขาคือหนึ่งหมัดของร่างแยกกลืนนภาในสายรุ้งยาว!
หนึ่งหมัดนี้ห่างไปราวหลายหมื่นจั้ง แต่เมื่อชกออกไปกลับเกิดการสะเทือนฟ้าดิน ทำให้จักรวาลเกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว แผ่นดินสั่นสะเทือน พายุหมุนโดยรอบยังหยุดชะงักครู่หนึ่งในพริบตา
เพิ่งชกหมัดไปก็กลายเป็นเงามายาบนฟ้า เงามายานั้นมีขนาดร้อยจั้ง พอเข้าไปใกล้ก็ขยายใหญ่อีกจนมีขนาดพันจั้ง พุ่งตรงไปยังชายวัยกลางคนผู้โอหัง
ชายวัยกลางคนหน้าเปลี่ยนสีในทันใด เขาถอยร่นไปอย่างไม่ลังเลก่อนยกสองมือขึ้น ปากบริกรรมคาถา ซ้ำยังประสานมุทราด้วยสองมือกดไปข้างหน้าต่อเนื่องกันหลายครั้ง ทันใดนั้นมีแสงล้ำค่าปรากฏขึ้นจากตัวเขาอย่างรวดเร็ว วูบเดียวก็กลายเป็นโล่ขนาดหลายจั้งตรงหน้า บนโล่ยังมีภาพงูเหลือมสองตัว ตอนนี้งูเหลือมสองตัวบินออกมาอย่างเร็วไวดุจดั่งมีชีวิต แล้วพันรอบชายวัยกลางคนรวมขึ้นเป็นพายุหมุนเข้าปะทะกับหมัดที่ตรงเข้ามา
เกิดเสียงดังสนั่นฟ้า งูเหลือมสองตัวนั้นยังไม่ทันร้องก็สลายเป็นเถ้าธุลี ส่วนโล่ก็หายไปในพริบตา ทำให้หมัดพุ่งอัดใส่ร่างชายวัยกลางคน
ชายวัยกลางคนหน้าซีดขาว มีสีหน้าตื่นกลัวในความเหลือเชื่อ แต่ถึงอย่างไรเขาก็เป็นยอดฝีมือ ถึงจะหนีไม่ทัน แต่กลับกัดลิ้น อาศัยความเจ็บปวดกระตุ้นจิตแรก ทำให้ทันทีที่ร่างกายปะทะกับเงามายาหมัดนั้น จิตแรกเขาพลันพุ่งออกจากร่าง
โครม!
มองจากกลางฟ้า ร่างชายวัยกลางคนกลายเป็นปุยฝ้ายเนื้อ แต่ก็ถูกหมัดกิน ไปในฉับพลัน ท่ามกลางเสียงครึกโครม หมัดชกลงบนพื้นดินจนเกิดเสียงดังสนั่น จากนั้นแผ่นดินสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง คลื่นลมม้วนตลบออกไปรอบๆ อย่าง บ้าคลั่งปานคลื่นทะเล ทำให้ผู้ฝึกฌานหมื่นกว่าคนบนแผ่นดินพากันตกใจกลัว ส่วนใหญ่บินออกมาอย่างว่องไวแล้วมองฟ้าด้วยความตื่นกลัว
“ยอดเขาลำดับเก้าถือกำเนิดแล้ว ผู้ใดยอมเข้าสำนักจงเซ่นไหว้วิญญาณ ผู้ใดปฏิเสธ…ก็คงไม่มีความจำเป็นต้องมีชีวิตต่อไป” ร่างแยกกลืนนภาซูหมิงเผยตัวเด่นชัดบนฟ้า เขาสะบัดแขนเสื้อแล้วกล่าวขึ้นเรียบๆ
บนพื้นดิน ตรงกลางคลื่นลมกระจายออกเกิดหลุมลึกยักษ์แห่งหนึ่ง หลุมลึกนี้…ทะลวงผ่านแผ่นดินไปจนเห็นฟ้ากระจ่างดาวข้างล่าง ซ้ำยังมีพายุหมุนทะลวงผ่านเข้ามา กลายเป็นน้ำวนพายุหมุนเชื่อมฟ้าสองฝั่ง
รอยแยกถี่ยิบจำนวนมากลุกลามออกจากรอบขอบหลุมลึกพร้อมด้วยเสียงดังกึกๆ ความน่าตกใจที่เกิดขึ้นมากพอจะทำให้ผู้ฝึกฌานทุกคนที่นี่เกิดความหวาดกลัว
สายรุ้งยาวสองสายบินขึ้นมาจากพื้นดินด้วยความเร็วจนมายืนอยู่กลางอากาศ มองร่างแยกกลืนนภาซูหมิงบนฟ้าด้วยสีหน้าจริงจังยิ่ง และยังมองชายชราแซ่เหมียวข้างหลังซูหมิงที่เพิ่งตามมาถึงที่นี่
“เจ้าหมายความว่าอย่างไร คิดจะรังแกพวกเราที่ขาดการเชื่อมต่อกับสำนัก ดาราสัจธรรมอย่างนั้นรึ! เจ้าไม่กลัวเพลิงโทสะของสำนักดาราสัจธรรมหลังพายุหมุนหายไปรึ!” ผู้ฝึกฌานสองคนนั้นเป็นชายชรา ตอนนี้หนึ่งในนั้นกล่าวด้วยเสียงต่ำ
“สำนักดาราสัจธรรมกลายเป็นซากปรักหักพังไปแล้ว พันธมิตรเผ่าเซียนก็ว่างเปล่า ทั้งโลกแท้จริงดาราสัจธรรมเหลือผู้ฝึกฌานรอดหนึ่งในร้อยส่วน พวกเจ้าเป็นกลุ่ม ไร้รากฐาน ถึงจะยืนหยัดไปได้อีกหลายปีจนพายุหมุนหายไป แต่สิ่งที่พวกเจ้าต้องเจอไม่ใช่ความสงบอย่างในอดีต แต่เป็นมหันตภัยที่รุนแรงกว่าพายุหมุนนี้อีกหมื่นเท่า
เข้าร่วมยอดเขาลำดับเก้า ปกครองโลกดาราสัจธรรม กลายเป็นเจ้าแห่งโลก ดาราสัจธรรม นี่คือทางเลือกเดียวของพวกเจ้า” ร่างแยกกลืนนภาซูหมิงตอบกลับเสียงราบเรียบ
“พูดจาเหลวไหล สำนักดาราสัจธรรมแข็งแกร่ง จะไปถูกทำลายกลางพายุหมุน ได้อย่าง เรื่องนี้เจ้าเอาอะไร…”
“ข้าผ่านพายุหมุนได้ และข้าพาพวกเจ้าผ่านได้เช่นกัน!” ซูหมิงตอบกลับอย่างเรียบนิ่ง
“ตกลงหรือไม่ตกลง!” นัยน์ตาเขาขยับประกายวาว ก่อนเอ่ยประโยคสุดท้าย
ประกายเย็นชาในแววตาคนที่กล่าวก่อนหน้านี้มีจิตสังหารขยับวูบ ทว่ายามนี้เองร่างแยกกลืนนภาซูหมิงยิ้มเยาะมุมปาก เขายกมือขวาคว้าไปยังหลุมลึกที่ถูกเขาต่อยลงมาเมื่อครู่ น้ำวนที่เกิดจากพายุหมุนในนั้นพลันสั่นสะเทือนเหมือนถูกแผ่นดินสูบไป ท่ามกลางสายตาเบิกกว้างอ้าปากค้างของทุกคน น้ำวนนั้นพุ่งมาหาซูหมิงราวกับถูก ตัดขาดออก จนมาวอนเวียนรอบตัวเขา ก่อนถูกชกหมัดใส่ทีหนึ่ง เกิดเสียงดังสนั่นฟ้า น้ำวนพายุหมุนนั้นพังทลายลงพร้อมกัน ซ้ำยังม้วนถอยไปอยู่กลางพายุหมุนบนฟ้านอกแผ่นดินที่ทุกคนเห็นอยู่ จากนั้นเกิดเสียงครึกโครมดังกึกก้องต่อเนื่องกัน ก่อนปรากฏช่องโหว่ขนาดยาวหมื่นจั้งสายหนึ่งกลางพายุหมุน
ช่องโหว่นี้เกิดจากการที่ซูหมิงชกหมัดอย่างสุดกำลัง พายุหมุนภายในแตกละเอียด พลังโลกม้วนถอยไป ช่องโหว่นี้ทำให้ชายชราที่เผยจิตสังหารในแววตาคนนั้นใจ สั่นสะท้าน จิตสังหารในแววตาผันเปลี่ยนเป็นความหวาดกลัว
“จะ…เจ้ามีขั้นพลังระดับใด!” เขาเพิ่งพูดจบ ชายชราอีกคนข้างๆ ลอบถอนหายใจ ก่อนประสานมือคารวะซูหมิงลงลึกด้วยสีหน้าเด็ดขาด
“ข้ายอมเข้าร่วมกับยอดเขาลำดับเก้า!” ขณะกล่าว ตรงระหว่างคิ้วขยับแสงตราประทับวิญญาณวูบวาบ เมื่อลอยออกมาแล้วก็พุ่งจากระหว่างคิ้วตรงไปหาซูหมิง จนเมื่อหลอมรวมเข้าไปในทันใดแล้ว ทั้งตัวเขาผ่อนคลายลง ความแกร่งของซูหมิงสร้างความตื่นตกใจแก่เขา และที่น่าตะลึงกว่านั้นคือเขาที่มีขั้นชะตามองคนตรงหน้าออกว่า…เป็นเพียงร่างแยก!
เทียบกับร่างแยกกลืนนภาที่ผ่านไปอย่างราบรื่นแล้ว ร่างแยกเอ้อชางที่แฝงไว้ด้วยสีเทาแห่งนิสัยซูหมิงซึ่งตอนนี้ยังไม่อาจรวมเป็นร่างแก่นแท้ออกมาได้ เพราะสอง ร่างแยกตอนถูกส่งออกไปได้รับนิสัยต่างกัน ดังนั้นจึงมีฉากจบต่างกัน
“ผู้เชื่อฟังเจริญรุ่งเรือง ผู้ปฏิเสธตาย” เสียงแหบแห้งอึมครึมดังมาจากปาก ร่างแยกเอ้อชางซูหมิงผมเทาแต่ใบหน้าเลือนราง บนมือขวาเขาถือศีรษะชุ่มโลหิต หนึ่งหัว สีหน้าของศีรษะนั้นยังมีความเหลือเชื่อ เหมือนก่อนตายไม่กล้าเชื่อว่าตนจะถูกสังหารแบบนี้
ขณะกล่าว ร่างแยกเอ้อชางยังโยนหัวไปข้างหน้า ไปตกรวมอยู่บนหอคอยศีรษะนับพันคน
ข้างหลังหอคอยศีรษะ ผู้ฝึกฌานหลายพันคนบนดาวนี้ต่างหน้าซีดขาว โดยเฉพาะชายร่างกำยำสองคนตรงหน้าสุด พวกเขามองศีรษะสองหัวกลางกองศีรษะหลายร้อยด้วยอาการใจสั่น
นั่นคือยอดฝีมือที่มีขั้นพลังพอๆ กับพวกเขาซึ่งก่อนหน้านี้ยังเป็นสหายกันอยู่ แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าร่างเงาเลือนรางที่แผ่กลิ่นอายชั่วร้ายทั่วร่างแล้ว ยอดฝีมือสองคนนี้ยืนหยัดได้ไม่ถึงหนึ่งก้านธูปก็ถูกสังหารลง
“เจ้าเป็นใคร!” หนึ่งในชายร่างกำยำสองคนตะโกนเหมือนเกือบจะบ้าคลั่งแล้ว ทว่าทันทีที่ตะโกนออกไป ร่างแยกเอ้อชางก้มหน้าลง ดวงตาขยับประกายโลหิต ทั่วร่างพลันขยายใหญ่จนกลายเป็นต้นไม้สวรรค์ยักษ์กลางฟ้าดิน ความชั่วร้ายเหลือล้นที่ทำให้คนหายใจติดขัดพลันปกคลุมในใจผู้ฝึกฌานหลายพันคนบนดาวนี้
“เจ้าเรียกข้าว่าโม่ซูก็ได้ หรือไม่ก็เรียกข้าว่า…โม่!” ร่างแยกเอ้อชางเอ่ยเสียงแหบ
“โม่…” ชายร่างกำยำตัวสั่น เขาก้มหน้าลงประสานมือคารวะร่างแยกเอ้อชางด้วยความขมขื่น
ยอดฝีมืออีกคนข้างๆ ก็ต้องก้มหน้าลงคารวะเช่นกัน
เมื่อสองคนนี้ยอมศิโรราบ ผู้ฝึกฌานหลายพันคนต่างคุกเข่าคารวะกันอย่างไม่ลังเล
“พวกเรายินยอมเข้าร่วมยอดเขาลำดับเก้า คารวะบรรพบุรุษโม่!”
หลังจากที่พวกเขาคารวะ ตรงระหว่างคิ้วผู้ฝึกฌานทุกคนปรากฏตราประทับวิญญาณขึ้น ตราประทับวิญญาณเหล่านี้รวมเข้าด้วยกันและพุ่งมาหาร่างแยกเอ้อชาง จนหลอมรวมเข้าไปแล้ว ร่างกายเขาเหมือนสมจริงขึ้นมาเล็กน้อย ขณะเดียวกันซูหมิงยังเห็นว่าในตัวผู้ฝึกฌานหลายพันคนมีพลังแห่งกฏชะตาอยู่ ต่อมาพลังแห่งกฏชะตาเหล่านี้ก็เหมือนจะตอบสนองกับซูหมิง มีกฎชะตาของตัวเองผลุบๆ โผล่ๆ ขึ้นในตัว ร่างแยกเอ้อชาง