ตอนที่ 1204 เผ่าวิญญาณสวรรค์ยุคโบราณ
“มิเช่นนั้นแล้วด้วยพลังของผู้อาวุโส เกรงว่าตอนนี้ใช้ไปเพียงห้าส่วนเท่านั้น พลังแก่กล้าระดับนี้ บางทีอาจเพราะความประหลาดของสัตว์รกร้างเหล่านั้นเลยสังหารพวกมันให้สิ้นไปไม่ได้ แต่การจะให้พวกมันหายไปชั่วคราวก็ง่ายนิดเดียว” ซูหมิงเดินออกมาพร้อมเอ่ยช้าๆ ด้วยสีหน้าสงบนิ่ง ไม่มีความโกรธใดๆ เลย ราบเรียบราวน้ำ
ชายชราเผ่าวิญญาณสวรรค์มองซูหมิงแวบหนึ่ง ลูกตาที่เพิ่มมาในดวงตาหายไปแล้ว เมื่อกลับมาสภาพเดิมแล้วก็ยิ้มเล็กน้อย
“คนวิญญาณสวรรค์ชำนาญในด้านการวางแผน จุดนี้สู้ความตรงไปตรงมาของเผ่าหมานใหญ่ไม่ได้ ก่อนหน้านี้ที่ข้าไม่ได้ลงมืออย่างสุดกำลังคงจะเป็นเงื่อนงำ เลยเดาว่าข้าจงใจสร้างภัยพิบัติรกร้างให้ เรื่องนี้สอดคล้องกับนิสัยของเผ่ายมโลกใหญ่” คำพูดชายชราสงบนิ่ง เหมือนไม่สนใจคำพูดซูหมิงแม้แต่น้อย
“ในเมื่อเจ้าชอบการคาดเดา เช่นนั้นพวกเรามาแข่งกันอีกครั้งดีหรือไม่ หากเจ้ามั่นใจว่าข้าจงใจให้เจ้าต้องเจอกับภัยพิบัติรกร้าง เช่นนั้นเจ้าบอกข้าทีว่านี่มีประโยชน์กับข้าอย่างไร?” ชายชราเผ่าวิญญาณสวรรค์เอ่ยราบเรียบ สายตามองซูหมิงด้วยรอยยิ้มทีเล่นทีจริง
“เป็นผู้เยาว์บุ่มบ่ามไปเอง ใช่ก็ดี ไม่ใช่ก็ดี ไม้กลายเป็นเรือแล้ว (มาถึงขั้นเปลี่ยนไม่ได้แล้ว) ไม่มีความหมายอะไร แต่ก็ต้องขอบคุณผู้อาวุโสที่ช่วย” ซูหมิงเอ่ยขึ้นเรียบๆ มองชายชราแล้วประสานมือคารวะ
“ถึงเวลาทำตามข้อตกลงของผู้อาวุโสแล้ว” ซูหมิงไม่ได้ยกระดับวิญญาณครั้งที่สอง แม้เขาจะรู้ลำดับการยกระดับวิญญาณหกครั้ง แต่ร่างกายเขายามนี้ถึงขีดจำกัดแล้ว หากยกระดับวิญญาณต่อ จะได้เพียงวิญญาณยกระดับขึ้น แต่ในด้านอื่นๆ ยากจะพัฒนาไปได้มาก
เขาต้องใช้เวลาสักระยะให้การยกระดับวิญญาณครั้งแรกเสถียรก่อนถึงดำเนินการต่อ นอกจากนี้เขายังมีอีกความคิดหนึ่งวนเวียนอยู่ในหัวตลอด
‘ในเมื่อข้ามีกลิ่นอายพลังของเผ่าหมานใหญ่และเผ่ายมโลกใหญ่รวมถึง เผ่าวิญญาณเงามืดรุ่งอรุณ เช่นนั้นไม่รู้ว่าจะ
ยกระดับวิญญาณที่เผ่ายมโลกใหญ่ได้หรือไม่ รวมถึงของเผ่าวิญญาณเงามืดรุ่งอรุณ…เรื่องนี้ต้องตรึกตรองอย่างถี่ถ้วน’
ระหว่างสนทนากับชายชรา ซูหมิงเงยหน้ามองฟ้า ฟ้าดินที่นี่ยังคงถูกหมอก ปกคลุม แต่เขาในยามนี้มองฟ้าและมีความรู้สึกว่าหากตนอยากจะออกจากที่นี่ เพียงแค่เดินไปยังอากาศก็ออกจากโลกแห่งวิหารเหล่าเทพได้แล้ว
เพราะตอนนี้เขาคือบรรพชนวิญญาณ ได้รับโชควาสนาจากวิหารเหล่าเทพ จะเข้าจะออกได้ตามใจชอบ สำหรับเขาแล้ว ร่างเงาสีแดงเหล่านั้นก็ดี โครงกระดูกถือ หอกกระดูกเหล่านั้นก็ดี สิ่งเหล่านี้ไม่มีอำนาจคุกคามต่อเขาอีก
ตอนนี้เขาไม่ได้จากไปในทันที แต่จะทำตามสัญญากับชายชราก่อนเพื่อ จบข้อตกลงครั้งนี้ ส่วนเรื่องภัยพิบัติรกร้างก็ไม่ต้องคุยอะไรกันมากกว่านี้อีก ต่อให้ ชายชรายอมรับแล้วอย่างไร ภัยพิบัติรกร้างก็ยังมาอยู่ดี นอกจากนี้เขายังเชื่อมั่นในการตัดสินใจของตัวเอง จึงไม่จำเป็นต้องเสียเวลาเอ่ยออกไป
ในโลกโหดร้ายแบบนี้จำเป็นต้องมีความตื่นตัว นี่คือหลักการที่ซูหมิงเรียนรู้มาหลังผ่านเรื่องราวต่างๆ มากมาย
ชายชราเผ่าวิญญาณสวรรค์มองซูหมิงอย่างลึกซึ้งแวบหนึ่ง เขาเงียบอยู่ครู่หนึ่งแล้วลอบถอนหายใจกับการที่ซูหมิงไม่คาดเดาเรื่องนี้ต่อ
“ข้าต้องการใช้งานเจ้าจริงๆ แต่เจ้าเป็นผู้ถูกเลือกของเผ่าหมานใหญ่ ซ้ำยังเป็นบรรพชนวิญญาณเหมือนกับข้า เจ้ารู้เพียงว่าข้าจะไม่ทำร้ายเจ้าก็พอ
ด้วยพลังของข้าช่วยให้เจ้ากลับไปในอดีตได้ราวสองวัน เจ้าต้องหาตอนที่ข้าข้ามผ่านภัยพิบัติรกร้างให้พบในสองวัน หาว่าเหตุใดข้าถึงเสียสติ เหตุใดข้าถึงสังหาร ชาวเผ่าของข้า
ต่อให้เจ้าหาไม่เจอ แต่เจ้าต้องเล่าความจริงทุกอย่างที่เห็นให้กับข้าฟังหลังจากกลับมาแล้ว อีกอย่างหนึ่งเจ้าจงจำไว้ว่าแม้ข้าจะมีพลังแก่กล้า แต่การจะส่งเจ้ากลับไปในอดีตก็ไม่ใช่เรื่องเล็ก เจ้าห้ามออกห่างจากเผ่าวิญญาณสวรรค์ไปไกลเกินไป และห้ามไปเผ่าอื่นอย่างเผ่าหมานใหญ่และยมโลกใหญ่!
มิเช่นนั้นแล้วมันจะกินพลังข้าอย่างยิ่ง และจะอยู่ได้ไม่ถึงสองวัน กระทั่งมีโอกาสสูงมากที่พริบตาตอนที่เจ้าไปเผ่าอื่น ข้าก็รับพลังย้อนกลับไม่ไหวและตายตกไป หากข้าตาย…
เจ้าก็ต้องหลงอยู่ในเวลาอดีตไปชั่วนิรันดร์ จงจำเอาไว้ นอกจากนี้การย้อนกลับไปอดีตครั้งนี้ วิญญาณเจ้าจะหลอมรวมอยู่ในตัวชาวเผ่าข้าคนหนึ่ง เจ้าจะอยู่ในโลกอดีตจริงๆ
ห้ามทำอะไรที่นั่นเป็นอันขาด ทุกการกระทำของเจ้าจะทำให้เกิดสัญญาณ การเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์ สัญญาณนี้จะทำให้ดวงจิตสามรกร้างสังเกตเห็นทันที ดังนั้นไม่เพียงแต่เปลี่ยนประวัติศาสตร์ไม่ได้เท่านั้น แต่ยังลบข้ากับเจ้าสองคนหายไปด้วย เจ้าห้ามบอกเรื่องที่จะเกิดขึ้นในอนาคตกับข้าตอนนั้น มิเช่นนั้นแล้วผลจะยัง คงเดิม
เจ้าต้องจำเอาไว้ว่าเจ้าคือดวงตา จงมอง นี่คือคำขอจากข้า” ชายชราเผ่าวิญญาณสวรรค์เพ่งมองซูหมิงอย่างจริงจัง จนกระทั่งซูหมิงพยักหน้าแล้วเขาก็สูดลมหายใจ เข้าลึก ก่อนนั่งขัดสมาธิลง ยกมือขวาตบตรงระหว่างคิ้ว ฉับพลันนั้นในดวงตาเขา ทุกดวงปรากฏลูกตาดำแปดลูก ทำให้ดูประหลาดอย่างยิ่ง พร้อมกันนั้นกลิ่นอายพลังและแรงกดดันที่ทำให้ซูหมิงใจสั่นแผ่มาจากตัวชายชราคนนี้
กลิ่นอายพลังนี้เพิ่งกระจายออกก็ถูกเก็บไปในทันใด จากนั้นชายชราเอ่ยคำพูดซับซ้อนเข้าใจยากหลายคำแล้วยกมือซ้ายวาดไปข้างหน้า มวลอากาศเกิดเสียงดังสนั่น เกิดรอยแยกขนาดไม่ใหญ่ขึ้นสายหนึ่ง ภายในรอยแยกมีน้ำวนอยู่นับไม่ถ้วน หมุนวนไปพร้อมด้วยเสียงครืนๆ
ซูหมิงมองรอยแยกนั้นเหมือนเห็นดวงตะวันจันทราและดารา เห็นจักรวาล เห็นการเกิดและดับ นั่นเกิดจากการไหลเวียนของเวลาอย่างรวดเร็ว เพียงแค่เปิด ช่องโหว่ธรรมดาชายชราก็หน้าขาวซีดเล็กน้อย เขาพลันเงยหน้ามองซูหมิง
“รีบเข้าไป!”
ซูหมิงมีสีหน้าเป็นสมาธิ เขาไม่ลังเลอีกแล้ว นี่คือข้อตกลงระหว่างเขากับชายชรา ข้ามเรื่องหลักการที่ยึดถือในคุณธรรมไปก่อน เพียงแค่ความแกร่งจากพลังของชายชราตอนนี้ซูหมิงก็ต่อต้านไม่ไหวแล้ว เขาเลยต้องเข้าไป
แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่ระวังตัว ดวงตาเขาวาววับ ฉายแววเด็ดขาด เขาไม่ได้ส่งวิญญาณเข้าไปในยุคโบราณตามความต้องหารชายชรา แต่เอาร่างหายเข้าไปในรอยแยก ชั่ววูบเดียวก็ถูกแรงมหาศาลม้วนหายเข้าไป
ชายชราวิญญาณสวรรค์เงียบ เขาไม่ขวาง แต่ส่ายศีรษะและหลับตาลงพลางประคองรอยแยกนี้ให้จบสองวัน
ซูหมิงที่เข้ามาในรอยแยกพลันรู้สึกว่าร่างกายถูกแรงมหาศาลม้วนพาไป ดวงตะวันจันทราและดาราวนเวียนรอบตัว จุดเริ่มต้นและดับของฟ้าหมุนวนตรง หน้าเขา เขาเห็นสี่โลกแท้จริงในฟ้ากระจ่างดาว กาลเวลาย้อนกลับไปจนกระทั่ง สี่โลกแท้จริงเล็กลงเรื่อยๆ ในสายตาเขา จนกลายเป็นจุดแสงห้าจุด
จุดแสงห้าจุดนี้ขยับพร่างพราวและเล็กลงเรื่อยๆ สุดท้ายมีจุดแสงสองจุดรวมเข้าด้วยกันกลายเป็นจุดแสงสี่จุดแล้วก็กลายเป็นแสงสว่างจ้าแสบตา
แสงแบบนี้ไม่ใช่สี่จุด แต่เพิ่มมาอีกห้าจุดข้างๆ มีทั้งหมดเก้าจุดวนเวียนอยู่กลางฟ้า หลังแต่ละจุดเปล่งแสงแล้ว ซูหมิงเห็นโลกแท้จริงยักษ์เก้าโลก
กลางโลกแท้จริงเก้าโลกนี้ เขาเห็นเรือโดดเดี่ยวลำหนึ่งกำลังลอยไกลออกไป จากนั้นโลกมหึมาจากจุดแสงเก้าจุดเล็กลงเรื่อยๆ จนกระทั่งหล่อหลอมกันกลายเป็นลูกกลมแสงยักษ์
ลูกกลมแสงนี้ไม่ใช่ลูกเดียว แต่ข้างๆ ยังมีลูกกลมแสงยักษ์ขนาดเท่าๆ กันอีกสองลูก
‘จุดแสงสี่จุดในตอนแรกสุดคือสี่โลกแท้จริง จุดแสงที่ห้าคือแยกออกมาจากในนั้น อีกทั้งโลกแท้จริงจักรพรรดิยมโลกยังเกี่ยวกับโลกแท้จริงที่ห้า นี่อธิบายได้ในจุดนี้พอดี
จุดแสงเก้าจุดที่ปรากฏมาจากนั้นคือเก้าโลกแท้จริงในสมัยก่อน เป็นกาลเวลาในสมัยของซุ่ยเฉินจื่อ เรือโดดเดี่ยวที่ลอยไกลออกไปนั้น…ก็คือ ผู้เฒ่าเมี่ยเซิง!
ในกาลเวลาที่ไกลออกไปยิ่งกว่าจุดแสงเก้าจุดนี้คือกลุ่มแสงที่รวมขึ้นจากพวกมัน และกลุ่มแสงนี้…หากข้าเดาไม่ผิด มันคือ…เว่ยที่หายไป! ส่วนกลุ่มแสงอีกสองกลุ่มข้างๆ คืออู๋และสู่!’
ขณะเดียวกับที่ซูหมิงเกิดความเข้าใจ วิญญาณแห่งเผ่ายมโลกใหญ่ในร่างกายเขาที่มีพรสวรรค์ย้อนเวลา ยามนี้เกิด
ความเข้าใจยิ่งกว่าเดิมขณะอยู่ในอภินิหารของชายชราเผ่าวิญญาณสวรรค์ เหมือนจะเกิดการทะลวงขอบเขต
เวลาผ่านไป ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไร แต่เขารู้สึกว่าร่างกายถูกแรงดูดรุนแรงสูบเข้าไปยังกลุ่มแสงที่รวมจากจุดแสงเก้าจุด ขณะที่เข้าไปใกล้อย่างต่อเนื่อง ทันใดนั้นเกิดเสียงดังอึกทึกในความคิด จนตอนที่เขาได้สติกลับมา เขาหลับตาอยู่ แต่ได้กลิ่นหอมของพืช ข้างหูยังได้ยินเสียงเล่นกันของเด็กน้อย และยังมีทุกเสียงในยามเช้าตรู่ของหนึ่งชนเผ่า
ซูหมิงลืมตาขึ้น เขาเห็นฟ้าสีคราม เห็นแสงตะวันนุ่มนวล เห็นชนเผ่าใหญ่ เห็นชาวเผ่า
นี่คือ ยุคโบราณ
“หานตี๋ เจ้ามาทำอะไรที่นี่ ทุกคนหาเจ้าอยู่นะ” เสียงนุ่มนวลดังแว่วมาจาก ข้างหลังเขา จากนั้นตามด้วยถูกตบศีรษะจากข้างหลัง
ซูหมิงหันไปมองก็เห็นชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังยิ้มมองตนอยู่
“ไปกันเถอะเจ้าบื้อ” ชายหนุ่มคนนั้นลากซูหมิงที่นั่งขัดสมาธิอยู่ให้เดินไปข้างหน้า
“วันนี้เป็นวันใหญ่ ท่านปู่ว่าก่อนยกระดับวิญญาณ เขาอยากจะเล่าเรื่อง เต๋ารกร้างให้กับชาวเผ่าทุกคนฟัง เจ้าเองก็อย่าซุกซนนัก ต้องตั้งใจฟังล่ะ” ชายหนุ่มขยี้หัวซูหมิงแล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
ซูหมิงเหม่อมองชายหนุ่มคนนั้นเงียบๆ ก่อนก้มหน้ามองร่างกายตัวเอง เขาเห็นว่าตนอยู่ในร่างเด็กหนุ่ม ขณะเงียบยังถูกชายหนุ่มคนนั้นลากไปบนลานยักษ์แห่งหนึ่งในเผ่า ตรงกลางลานนั้นมีแท่นสูงอยู่แท่นหนึ่ง ตอนนี้มีชายชรานั่งอยู่คนหนึ่ง กำลังมอง ชาวเผ่ารอบๆ ด้วยความเมตตา
ชาวเผ่าที่นี่มีจำนวนไม่น้อย มีราวๆ หลายพันคน ส่วนใหญ่เป็นเด็กหนุ่ม ต่างกำลังมองชายชราด้วยความเคารพ รอให้ชายชราเล่าเรื่องเต๋ารกร้าง
“หานตี๋มาแล้ว ไปวิ่งเล่นที่ไหนมาอีก” ตอนที่ชายหนุ่มคนนั้นลากซูหมิงเข้ามา ชายชราคนนั้นมองมา พอมองซูหมิงแล้ว รอยยิ้มเขาดูมีเมตตามากกว่าเดิม