Skip to content

สู่วิถีอสุรา 1238

ตอนที่ 1238 เคยผ่านไปอีกฤดูใบไม้ร่วงในความฝัน

‘พระชายาหมาน…’

‘คารวะพระชายาหมาน…’

‘พระชายาหมานที่เคารพ ประมุขแห่งเผ่าหมาน…’ นี่คือความทรงจำปะปนกัน เมื่อซูหมิงขยายจิตสัมผัสออกอย่างรวดเร็วโดยมีเกาะศักดิ์สิทธิ์เป็นใจกลาง หลังปกคลุมทั้งโลกหมานในชั่วพริบตาเดียวแล้ว ภายใต้ผู้ฝึกฌานหมานทั้งเผ่าหมานถูกดวงจิตซูหมิงปกคลุม เขาเลยได้รู้ความทรงจำเกือบทั้งหมดเกี่ยวกับพระชายาหมาน

เพียงแต่ว่าความทรงจำนี้ไม่ครบถ้วน เป็นเพียงเศษ เว้นแต่ซูหมิงจะเพิ่มจิตสัมผัส แบบนั้นเขาจะได้คำตอบทุกอย่าง เพียงแต่ราคาต้องจ่ายคือ…ผู้ฝึกฌานเผ่าหมานแทบมากกว่าครึ่งจะจิตสัมผัสระเบิดและตายลง

ผ่านไปนานตอนที่เสียงพิณโบราณดังก้องอีกครั้ง ซูหมิงดึงจิตสัมผัสกลับมา เขาเห็นความทรงจำของคนจำนวนมาก แทบทุกคนในนั้นให้ความรู้สึกที่รักใคร่ พระชายาหมาน

นั่นคือสัญลักษณ์ เป็นสัญลักษณ์ทางจิตใจของเผ่าหมาน ซูหมิงมองจากความเคารพต่อพระชายาหมานในจิตใจผู้ฝึกฌานหมานว่า พันปีมานี้ หากไม่ใช่เพราะมี ฟางชางหลันอยู่ เกรงว่าเผ่าหมานที่กระจัดกระจายกันคงตายตกไปจากการสังหารกันเองนานแล้ว

ซูหมิงเงียบ เขาไม่ได้คำตอบอย่างแท้จริง แต่ขณะเดียวกันก็ได้คำตอบมาบางส่วน เขามองฟางชางหลันที่อยู่ข้างพิณโบราณและกำลังดีดเพลงบรรยายความเหงาโดยไม่ต้องใช้คำพูดอย่างละอายใจ ก่อนยกมือขวาโบกไปรอบๆ

เพียงโบกไป กาลเวลาในดวงจิตเขาพลันย้อนกลับ

สิบปีก่อน…ฟางชางหลันนั่งอยู่ข้างหน้าต่าง มองตะวันลาลับอยู่ไกลๆ ตัวนางอยู่ท่ามกลางความเหงา แฝงไว้ด้วยความหดหู่ ข้างหลังนางมีผู้ฝึกฌานชะตาชีวิตเอ่ย เสียงต่ำถึงเรื่องเผ่าหมาน

ยี่สิบปีก่อน…ฟางชางหลันดีดพิณโบราณ ใบหน้างดงามดั่งรูปปั้น บางทีนางอาจเป็นรูปปั้นที่มีชีวิตจริงๆ

สามสิบปีก่อน…ทุกเกาะเผ่าหมานส่งตัวแทนมาเซ่นไหว้หมาน บนเกาะ แดนศักดิ์สิทธิ์มีชาวเผ่าหมานเกือบหลายหมื่นคนคารวะฟางชางหลัน เสียงเรียก พระชายาหมานดังกึกก้อง ข้ามผ่านมาถึงหูซูหมิง

สี่สิบปีก่อน…

ห้าสิบปีก่อน…จนกระทั่งร้อยปี ชีวิตของนางนอกจากทุกช่วงเวลาจะไปปรากฏตัวต่อหน้าผู้ฝึกฌานเผ่าหมานแล้ว เวลาส่วนใหญ่จะอยู่ในพระราชวัง ดีดพิณโบราณเงียบๆ มองฟ้านอกหน้าต่างเงียบๆ

สองร้อยปีก่อน สายฝนข้างนอกยามค่ำคืนรวมกับแสงจันทร์ ตอนที่สาดลงมาบนทะเลก็เหมือนว่าแสงจันทร์กลายเป็นผลึกวาววับตกลงมา ฟางชางหลันอยู่ข้างหน้าต่าง ร่างเงาบอบบางปล่อยให้พายุสายฝนนอกหน้าต่างพัดเข้ามาชโลมกาย

หนึ่งคืนฝนตก…

สามร้อยปีก่อน ฟางชางหลันคนที่สงบนิ่งดังอดีตไม่อยู่แล้ว นางมักจะมีสีหน้าดิ้นรน เห็นถึงความลังเล เห็นความจำใจยอมรับ มีเพียงพิณโบราณที่อยู่เป็นเพื่อน เหมือนว่ามันจะทำให้นางสงบลงได้ ไม่ว่าจะหิมะตกหรือฝนตกก็ต้องผ่านไปเงียบๆ อยู่ในกรงขังที่ไม่ใช่กรง

สี่ร้อยปีก่อน…

ห้าร้อยปีก่อน…ซูหมิงเห็นทุกช่วงเวลาที่ฟางชางหลันอยู่ในพระราชวัง เขาเห็นตั้งแต่นางต่อสู้ดิ้นรนไปจนสงบนิ่ง จากสงบนิ่งเป็นชินชา จากเคยชินค่อยๆ เปลี่ยนเป็นมัวหมอง

นั่นไม่ใช่การปิดด่านนั่งฌาน หากเป็นการปิดด่านนั่งฌาน ในพันปีนี้อาจจะไม่ทรมาน แต่ผ่านไปในพริบตา ทว่าการใช้ชีวิตพันกว่าปีในพระราชวัง เวลานี้มากพอจะทำอันตรายต่อคน โดยเฉพาะนางเป็นเพียงสตรีคนหนึ่ง

หกร้อยปีก่อน…

เจ็ดร้อยปีก่อน…จนกระทั่งย้อนเวลากลับไปพันกว่าปี ซูหมิงได้เห็นการสร้างพระราชวังนี้ เห็นชาวเผ่าหมานตลอดพันกว่าปีมาคารวะ เห็นทั้งเผ่าหมานจากกระจัดกระจายเปลี่ยนเป็นมีชีวิตชีวาภายใต้ความสงบนิ่งของฟางชางหลัน

เขาเข้าใจแล้วว่าเหตุใดโลกหมานถึงมีพลังแห่งกฏชะตาเข้มข้นขนาดนี้ ทุกอย่าง…เป็นเพราะฟางชางหลัน

จนกระทั่งในสายตาซูหมิงมาถึงตอนที่ยังไม่สร้างพระราชวังของยอดเขา แดนศักดิ์สิทธิ์ ตอนที่ที่นี่เป็นเพียงเกาะของเผ่าชะตาชีวิต เขาเห็นหยาหมาน เสวี่ยซา เทียนฉี่และอู๋ซวง ผู้แข็งแกร่งที่เขาเคยแต่งตั้งและมอบพื้นที่ขยายชนเผ่าให้ในตอนนั้น พวกเขากับฟางชางหลันมองทะเลขึ้นลงบนยอดเขานี้เงียบๆ

ข้างกายพวกเขายังมีชายอบอุ่นคนหนึ่ง เขายืนอยู่ตรงนั้นเงียบๆ นั่นคือ…ศิษย์พี่รอง

“ข้าต้องไปแล้ว ต้องออกจากแผ่นดินหมานไปโลกข้างนอก…ไปตามหาศิษย์น้องเล็ก ตามหาเทพหมานของพวกเจ้า”

“ปฏิบัติตามตราประทับของดวงจิตที่นี่ ข้าไม่รู้ว่าหลังจากไปแล้วความทรงจำข้าจะสมบูรณ์หรือไม่ จะหายไปเล็กน้อยหรือไม่ แต่ข้ามีความรู้สึกว่าไปครั้งนี้ ข้าจะลืมเรื่องบางอย่าง…ความทรงจำต่อเผ่าหมานจะเลือนรางมาก นี่คือราคา

ต้องจ่าย เป็นราคาต้องจ่ายที่ถูกดวงจิตที่นี่ประทับตราเพื่อรับพลัง…”

“ตอนนี้ ตอนที่ความทรงจำข้ายังชัดเจน…ข้าคิดว่าเผ่าหมานต้องการสัญลักษณ์ แม้ข้าจะไม่ใช่เผ่าหมาน แต่ศิษย์น้องเล็กข้าเป็นเทพหมาน พวกเจ้า…ต้องมีสัญลักษณ์เพื่อรวมจิตวิญญาณของเผ่า”

“นางจะเป็นพระชายาหมาน มีฐานะพระชายาของเทพหมานรุ่นสี่ อยู่เหนือทุกสิ่ง รวมจิตวิญญาณที่กระจัดกระจายของเผ่าหมาน นี่คือข้อเสนอของข้า”

……………

ภาพแห่งกาลเวลาแตกเป็นเสี่ยงๆ ตรงหน้าซูหมิงราวกับกระจกแตก เศษเหล่านั้นหายไปในอากาศ เหมือนทุกอย่างไม่มีอยู่

เวลากลับมาปัจจุบัน กลับมาตอนที่ซูหมิงเพ่งมองฟางชางหลัน เสียงพิณโบราณข้างหูดังไกลออกไป

เขาเห็นเรื่องราวทุกอย่างในกาลเวลาของนาง เห็นหยดน้ำตาตรงหางตาตอนที่นางนั่งฌานยามค่ำคืน เห็นนางรอคอย เห็นนางยอมจ่ายทุกอย่างเพื่อเผ่าหมาน

นี่คือเด็กสาวที่มีความแน่วแน่มาก เป็นเด็กสาวที่ยอมเสียสละทุกอย่างเพื่อเผ่าหมาน บางที…นางอาจจะไม่ได้ทำเพื่อเผ่าหมานทั้งหมด แต่ที่มากกว่าคือทำเพื่อซูหมิง

เวลาพันกว่าปีอาจไม่ได้ยาวนาน แต่ที่ยาวนานจริงๆ คือเจ้าไม่รู้ว่ามันจะนานอีกเท่าไร ในพระราชวังแห่งนี้ ในกรงขังที่มิใช่กรงขังแห่งนี้ เจ้าต้องรอไปจนถึงเมื่อไร

บางที…อาจเป็นวันที่ทะเลมรณะเหือดแห้ง

ตอนนี้หญิงที่ดูอายุมากขึ้นกว่าตอนนั้นเล็กน้อยในดวงตาตรงหน้าค่อยๆ ซ่อนทับกับร่างเงาที่มองตนจากไปกลางสายลมเงียบๆ บนยอดเขาเกาะบึงใต้

“ข้า…กลับมาแล้ว” ซูหมิงมีสีหน้าอ่อนโยน ความละอายใจมากขึ้นเรื่อยๆ จากพันปีที่ย้อนเวลาไปก่อนหน้านี้ ทำให้ความละอายใจเข้มข้นฝังลึกอยู่กลาง จิตวิญญาณ ไม่อาจลบ ไม่หายไป

ซูหมิงบอกไม่ถูกว่ารู้สึกอย่างไรกับฟางชางหลัน ตอนนั้นก็ดี ตอนนี้ก็ดี หลังกาลเวลาตกตะกอนแล้ว ความรู้สึกนี้ก็กลายเป็นสุราพันปี

เมื่อดื่มสุราไป มีแต่คนที่ลิ้มลองรสชาติด้วยตัวเองเท่านั้นถึงจะรู้รสชาติมัน มันจึงกลายเป็นประโยคนี้ ตอนที่ซูหมิงเอ่ยออกไป แม้เสียงจะนุ่มนวล แต่กลับแหบแห้ง

เสียงพิณโบราณเงียบลง ฟางชางหลันตัวสั่นเบาๆ นางเงยหน้าขึ้น หมุนตัวกลับช้าๆ มามองร่างเงาที่ปรากฏเมื่อใดไม่รู้

หน้าตาร่างเงานั้นแปลกตา กลิ่นอายพลังแปลกตา แต่ดวงตาสองข้าง ความอ่อนโยนในดวงตากลับเป็นดวงตาที่นางฝันถึงไม่รู้กี่ครั้ง

นางมีสีหน้าสงบนิ่ง แต่ภายใต้ความสงบนิ่งกลับมีความตื่นเต้นและซับซ้อนโดยไม่ต้องกล่าว ก่อนกลายเป็นหยดน้ำตาตรงหางตา ไหลมาพันปี…

“ข้ากับเจ้าผูกชะตากันใต้ระฆังเขาหาน…” ซูหมิงพูดพึมพำ ก่อนยกมือขวา ผ่านเส้นผมนาง

“ข้ากับเจ้าพบกันบนยอดเขาลำดับเก้า…” ซูหมิงเอ่ยเสียงต่ำ ฟางชางหลันกัดริมฝีปากเหม่อมองซูหมิง นางพยายามให้ตนสงบนิ่ง พยายามไม่ให้น้ำตาไหล แต่ทำไม่ได้

“เกิดสงครามหมานกับเชมัน เมื่อพบกันอีกครั้งคือผู้คนกระจัดกระจาย…” ซูหมิงลูบผมฟางชางหลันแล้วดึงเข้ามาที่หน้าอกตนอย่างเบามือ ใบหน้างามสั่นไหวตรงหน้าอกเขา เขารู้สึกถึงหัวใจเต้นของนาง รู้สึกถึงความขมขื่นและการรอคอยพันปีที่แฝงอยู่ในน้ำตานาง

“เกาะบึงใต้ เรามองกันและกันอยู่ไกลๆ ตอนที่จากไป ข้าเคยมองเจ้าอยู่ห่างไกลแวบหนึ่ง…” ซูหมิงมองสตรีตรงอ้อมอก ความละอายใจภายในทำให้เขาพูดไม่ออก

ความรักไร้คำพูดแล้ว

เป็นใครที่ต่อความคิดถึงพันปีนี้ให้ยาวนาน เริ่มจากฟ้าดินยังอยู่จนแผ่นดินเป็นเกาะกลางมหาสมุทร…หญิงงามในชั่วพริบตาหนึ่ง ไฉนคือการพบกันครั้งแรก…

การรู้จักกันในอดีตยังคงอยู่เลือนราง แต่จากการเปลี่ยนแปลงพันปี จึงเหมือน ฝุ่นละอองโปรยลงมา หาร่องรอยไม่พบ

แขนเสื้อโบกสะบัดกลางพายุฝนนอกหน้าต่าง แสงจันทร์ส่องลงมาเบาๆ อย่างอดใจไว้มิได้ กาลเวลาทอดถอนใจ ยั่วยุความระทมทุกข์จากการพรากจากว่าเหตุใดถึงต้องเป็นทุกข์กว่าเดิม

เคยผ่านไปอีกหนึ่งฤดูใบไม้ร่วงในความฝัน

ก้มหน้าลงซุกตรงหน้าอก อดีตเลือนราง แยกไม่ออกว่าตอนนี้คือความฝันหรือความเศร้า…

คล้อยตามเสียงถอนหายใจเบา น้ำตาไหลตรงหางตา ในน้ำตาเหมือนสะท้อน ร่างเงากลางสายลมกับบนยอดเขาในอดีต ร่างเงานี้ยืนรอดอกไม้งามอยู่ในกาลเวลา มาตลอด คล้ายกับว่าตอนนี้เสียงถอนหายใจนั้นระบำยความในใจกับนางอย่าง ไร้คำพูดอีกครั้ง

เพียงแต่เสียงถอนหายใจนี้ หากสองฝ่ายแค่ผ่านทางมาในชีวิต หัวใจก็คงไม่เจ็บปวด แค่เสียงถอนหายใจชั่วพริบตาเดียว ไม่เกินสามลมหายใจ…หากชีวิตคนเราเกิดใหม่ได้ เช่นนั้นหากไม่รู้จักกัน บางทีก็อาจจะไม่รู้จักกันได้

หากไม่เคยพบกัน หรือต่างฝ่ายต่างไม่ติดหนี้บุญคุณกัน ก็คงเหมือนกับ ดอกกล้วยไม้กลางหุบเขา มองฟ้าดิน ทะเลเหือดแห้งหินผุกร่อน สายลมอ่อนผ่านไปเบาๆ อยู่กับพิณโบราณ อยู่ใต้แสงจันทร์ยามค่ำคืน ส่งเสียงหัวเราะ หลับตานอนกลางวัน หลอกฝันกลางวัน และก็หลอกความรักของตัวเอง…

เส้นผมยาวส่งกลิ่นหอม แขนเสื้อสีขาว ใบหน้าสะอาด ไม่ถามถึงภพก่อนภพนี้หรือภพหน้า ไม่อ้อนวอน จิตใจสงบ…ก็จะไม่เจ็บปวด

ซูหมิงกอดฟางชางหลันในอ้อมอก ร่างกายอ่อนแอนั้นทำให้ซูหมิงปวดใจ ความเจ็บปวดนี้หยั่งลึกมาก แต่กลับช้าไปพันปี ตอนนี้หญิงในอ้อมกอดไม่ใช่สายลมบริสุทธิ์ที่เคยพัดผ่านข้างกายเมื่อพันกว่าปีก่อนอีก แต่สัมผัสเข้าไปถึงก้นบึ้งหัวใจกลายเป็นนิจนิรันดร์

ซูหมิงมองไม่เห็นดวงตานางตรงอ้อมอกตนที่กำลังมองไปยังหน้าต่างของพระราชวัง มองสีฤดูใบไม้ร่วงยามโพล้เพล้ที่ไม่หายไปข้างนอก แสงตะวันของฤดูใบไม้ร่วงประหนึ่งข้ามผ่านความคิดถึงที่เกาะกุมอยู่ชั่วกาลนาน เขาพึมพำประโยคหนึ่งที่ตอนนั้นพูดไม่ออก มันฝังอยู่ในก้นบึ้งหัวใจนาง

“ข้าลืมสิ่งต่างๆ ที่เปลี่ยนแปลงไปมากมาย ลืมผู้คนมากมาย ลืมแม้ตัวเอง แต่กลับไม่อาจลืมเจ้า…”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version