Skip to content

สู่วิถีอสุรา 1239

ตอนที่ 1239 เทพหมานกลับมา

วันนั้นท้องฟ้าเป็นสีคราม แสงยามโพล้เพล้ส่องลงทะเล ผิวทะเลไร้คลื่น เขาหมุนตัวจากไป หันหลังให้นาง ร่างเงาอ้างว้างกลางสายลมไกลออกไปช้าๆ …

นางพลันหันไปมอง มีการผ่านโลกมาเนิ่นนานเพิ่มมา เปลี่ยนกาลเวลา แสงยามโพล้เพล้ยังอยู่ น้ำทะเลยังอยู่…สตรีในตอนนั้นยังมองไปเงียบๆ ปล่อยให้พายุฝนพัด เข้ามา วงปีเปลี่ยนไป ไร้ความทุกข์ ไม่เสียใจภายหลัง

ฟางชางหลันกอดซูหมิงเอาไว้แน่นไม่ยอมปล่อย นางกลัวว่าการปล่อยครั้งนี้ จะเป็นอีกพันปี

สองคนกอดกันเงียบๆ ในพระราชวังพระชายาหมาน

“เจ้า…จะไปอีกเมื่อไร?” ผ่านไปนาน ฟางชางหลันถามเสียงเบาด้วยน้ำเสียงอ่อนแรงในพระราชวังเงียบสงบ

“ครั้งนี้ข้ายังต้องไป แต่ตอนที่ข้าไป ข้าจะพาเจ้าไปด้วย พาทั้งเผ่าหมาน… ไปด้วยกัน!” ซูหมิงตอบเสียงเบา เขามองสตรีในอ้อมกอดเงยหน้างามขึ้น สี่ดวงตา มองกันและกัน ไม่นานนางก็เผยรอยยิ้มอบอุ่น

แม้จะไม่งดงามดังก่อน แต่ความงามนั้นเข้าไปอยู่ในความคิดซูหมิงแล้ว เป็นใบหน้าที่งดงามมาก

นางออกจากอ้อมอกซูหมิงแล้วนั่งอยู่ตรงหน้าพิณโบราณเงียบๆ เพลงแห่ง ชางหลันดังก้องในพระราชวังโบราณอีกครั้ง เพียงแต่ครั้งนี้บทเพลงไม่ใช่ความเศร้าและโดดเดี่ยวอีก แต่มีเสียงพิณแห่งความรัก ลอยเข้าสู่มวลอากาศกระจายไปยังมหาสมุทร

ซูหมิงนั่งอยู่ข้างๆ มองฟางชางหลันเงียบๆ มีสุราโผล่มาในมือเขาเมื่อไรไม่รู้ เขาดื่มมันเป็นบางครั้ง ค่อยๆ เมาทีละน้อย เพียงแต่ไม่รู้ว่าเมาบทเพลง สุรา หรือว่ารอยยิ้มมุมปากของเจ้าของพิณโบราณกันแน่

ข้างนอกยังเป็นยามโพล้เพล้ คลื่นทะเลไม่อ่อนแรงลง เหมือนว่าความงดงามในยามนี้กลายเป็นนิจนิรันดร์

นี่คือซูหมิงร่อนเร่อยู่ข้างนอกมาพันกว่าปี และเป็นครั้งแรก…ที่จิตใจสงบในความหมายแท้จริง ตกอยู่ในห้วงบทเพลงนั้น ดื่มด่ำสุรา มีหญิงงามอยู่ข้างกาย ความรู้สึกนี้เหมือนกับสุราพันปีหนึ่งเหยือกจริงๆ ตกตะกอนจนถึงท้ายที่สุดก็กลายเป็นสุราชั้นดีที่แค่ดมก็เมาได้

แต่หากชิมรสชาติ นี่ไม่ใช่สุรา แต่เป็นน้ำจืดที่มีความนุ่มละมุน

หากไป๋หลิงซึ่งเป็นรักแรกของเขายังอยู่ เช่นนั้นความรักนี้ก็เหมือนกับน้ำแร่ มีความหวาน ยากจะลืมเลือน แต่สิ่งที่จำได้มีเพียงความหวานนั้น ยากจะลืมเลือนก็แค่ความชอบตอนที่เอาน้ำแร่นั้นมา

น้ำแร่นี้จะมีวันที่เหือดแห้ง ไม่อาจคงอยู่ได้นาน

หากบอกว่าสวี่ฮุ่ยคือสุรา เช่นนั้นสุรานี้จะลิขิตไว้แล้วว่าเป็นสุราร้อนแรง เมื่อดื่มไปจะร้อนรุ่มตรงก้นบึ้งหัวใจ เผาทั่วกายเป็นดั่งความตื่นเต้นเร้าใจ ทำให้ยากจะลืมเลือน แต่เมื่อดื่มสุรา

ร้อนแรงยามทุกข์ ก็ยิ่งทำให้รู้สึกเร่าร้อนกว่าเดิม แน่นอนว่าอยู่ไม่นานเช่นกัน

อวี่เซวียนคือน้ำค้าง คือหยดน้ำที่จะปรากฏทุกครั้งยามเช้าตรู่ มีความสวยงาม มีความแวววาว และยังมีความเยือกเย็น เงียบเหงาและห่วงใย ยากจะลืม และก็ไม่อยากลืม

ทว่าก็ต่างกับน้ำจืดและนุ่มละมุนอย่างฟางชางหลัน นั่นคือน้ำที่นุ่มละมุน หยดผ่านหินทุกก้อนมาพันปี เพราะมีความนุ่มละมุน ดังนั้นจึงขัดเกลาของแข็ง ทุกอย่างได้ นั่นคือความเข้มแข็งและอดทนในความสงบนิ่ง เป็นเพียงสิ่งเดียวที่เห็นตอนที่หันไปมองอย่างฉับพลัน

ท่ามกลางความเงียบสงบและเมาสุราเล็กน้อย ซูหมิงมองหญิงตรงหน้า เขารู้ว่านางปกป้องที่นี่มาหลายปี ทำให้วิญญาณเผ่าหมานไม่สลายไป ซ้ำยังรวมกันยิ่งกว่าเดิม ดูจากภายนอกเหมือนว่าหมู่เกาะบนทะเลจะกระจายกันเหมือนกับเผ่าหมานแตกแยก แต่ความจริงรวมกันอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

บางทีระหว่างนักรบหมานบนเกาะอาจมีกระทบกระทั่งกัน อาจมีการต่อสู้กันอยู่เล็กน้อย แต่ว่า…หากมีศัตรูภายนอกบุกมา เผ่าหมานตอนนี้จะรวมเป็นหนึ่งเดียว

“ถึงเวลาบอกทุกคนว่าข้ากลับมาแล้ว” ซูหมิงมองยามโพล้เพล้นอกหน้าต่าง ก่อนวางเหยือกสุราลงเบาๆ ทันทีที่เพลงนั้นดังก้อง กลิ่นอายพลังเผ่าหมานในร่าง ซูหมิงปะทุขึ้น

นี่คือกลิ่นอายพลังเผ่าหมาน เป็นพลังของเทพหมาน และเป็นพลังแห่งสายเลือดหมานที่บริสุทธิ์ที่สุดหลังเขาได้รับดวงจิตแห่งบรรพชนวิญญาณเผ่าหมานใหญ่

ตัวเขาตอนี้อัดแน่นไปด้วยพลังของเผ่าหมาน ตอนนี้เองวิญญาณเผ่าหมานใหญ่ร้อยล้านดวงในร่างกายส่งเสียงโห่ร้องไร้เสียงพร้อมกัน เสียงโห่ร้องด้วยความยินดี ดังก้อง เหนี่ยวนำให้กลิ่นอายพลังเผ่าหมานของซูหมิงพุ่งขึ้นฟ้าจากในพระราชวังที่ประทับของพระชายาหมาน ซึ่งความจริงแล้วมันมีนามว่าพระราชวังเทพหมาน

ชั่วพริบตาที่กลิ่นอายพลังเทพหมานปะทุขึ้นและวิญญาณเผ่าหมานร้อยล้านดวงในร่างกายส่งเสียงโห่ร้อง พลันเกิดเหตุการณ์สายเลือดหมานเดือดพล่านขึ้นโดยมี เกาะนี้เป็นใจกลาง

เสียงครึกโครมจากกลิ่นอายพลังเทพหมานทำให้ท้องฟ้าเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ชั้นเมฆม้วนตลบ ผืนฟ้าเหมือนมีสายฟ้าผ่าลงมา เสียงดังสนั่นหวั่นไหวราวกับ อานุภาพสวรรค์มาเยือน เสียงฟ้าผ่าดังกึกก้อง ทำให้ชาวเผ่าหมานบนเกาะทั้งหมดทั้งทะเลมรณะเผ่าหมานใจสั่นสะท้านพร้อมกัน

กลุ่มแรกที่รู้สึกคือผู้ฝึกฌานชะตาชีวิต ทุกคนต่างตัวสั่น สายเลือดเผ่าชะตาชีวิตเดือดพล่านอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ภายใต้การไหลเวียนอย่างรวดเร็วในร่างกายยังเกิดการสั่นสะเทือนจิตใจทีละระลอก พวกเขามีสีหน้าตื่นเต้น รู้สึกชัดเจนถึงพลังที่ทำให้สายเลือดเดือด นั่นคือพลังที่พวกเขาคุ้นเคย เป็นพลังของเทพเจ้าเผ่าชะตาชีวิตจากรูปปั้นบนเกาะเผ่าชะตาชีวิตทุกเกาะ

เกาะเล็กเผ่าชะตาชีวิตทุกแห่ง ผู้ฝึกฌานชะตาชีวิตทุกคนต่างเงยหน้าขึ้น ก่อนบินขึ้นอย่างรวดเร็วด้วยสีหน้าตื่นเต้น ในนั้นมีชายชราที่ผ่านยุคสมัยของซูหมิงมาด้วยตัวเองอีกเล็กน้อย ตอนนี้ตัวสั่นพร้อมตะโกนเสียงที่ดังที่สุดในชีวิต

“ท่านบรรพบุรุษกลับมาแล้ว นี่คือกลิ่นอายพลังของท่านบรรพบุรุษ เป็นพลังของเทพเจ้าเผ่าชะตาชีวิตเรา!”

“คารวะเทพ ผู้ฝึกฌานชะตาชีวิตทั้งหมด ตามกลิ่นอายพลังนี้ไปเข้าเฝ้าเทพเจ้าแห่งเผ่าชะตาชีวิตเรา!”

รูปปั้นของซูหมิงบนเกาะเผ่าชะตาชีวิตทุกเกาะตอนนี้กลายเป็นเหมือนร่างแยกซูหมิง มันปะทุกลิ่นอายพลังซูหมิงออกมารุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ภายใต้การปะทุกลิ่นอายพลัง เทพหมานนี้ ทั่วทั้งเผ่าหมานล้วนถูกปกคลุมไปด้วยดวงจิตแห่งเทพหมาน

ณ ก้นทะเลมรณะ กลางดินเลนตรงเหวลึกไม่มีที่สิ้นสุด พลันมีมือข้างหนึ่งยื่นมาจากในดินเลน มือนั้นเต็มไปด้วยพลังที่เหมือนจะฉีกฟ้า มือนั้นกำหมัดแล้วเห็นได้ว่า สั่นไหวเบาๆ ทันใดนั้นก้นทะเลเกิดเสียงดังอึกทึก ก่อนมีร่างเงาหนึ่งพุ่งออกมาจาก ในดินเลน

เขาเป็นชายชราผมขาวคนหนึ่ง แต่ดวงตากลับแวววาว ร่างเงานี้เพิ่งปรากฏก็เกิดน้ำวนยักษ์ขึ้นทันที จากนั้นเขาเคลื่อนตัวพุ่งออกจากน้ำวนอย่างรวดเร็ว พริบตาเดียวก็ออกจาก

ก้นทะเลมาอยู่บนผิวทะเล ตอนนี้เองเขามีสีหน้าตื่นเต้น หากซูหมิงเห็นเขาจะต้องจำได้อย่างแน่นอน

เขาคือหนานกงเหิน!

จ้าวเผ่าชะตาชีวิต หนานกงเหิน!

“นี่คือกลิ่นอายพลังของซูหมิง เป็นกลิ่นอายพลังของผู้มีพระคุณ เป็นพลังของบรรพบุรุษเผ่าชะตาชีวิต!” หนานกงเหินตัวสั่น เขายิ้มเป็นครั้งแรกในรอบพันกว่าปี มานี้ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาออกฌานในรอบพันปี ทุกอย่างเพียงเพราะกลิ่นอายพลังของซูหมิง

หนานกงเหินขยับวูบไหวตัวไปอย่างไม่ลังเลด้วยความตื่นเต้น กลายเป็นสายรุ้งยาวพุ่งไปยังแดนศักดิ์สิทธิ์เผ่าหมานซึ่งเป็นต้นตอของกลิ่นอายพลังนี้

กลิ่นอายพลังเทพหมานของซูหมิงยังคงขยายออกไป ส่งผลไปถึงเผ่าชะตาชีวิตแล้ว ยังส่งไปถึงชาวเผ่าหมานทั้งหมดบนเกาะทั้งแดนหมาน ต่อให้เป็นเผ่าเชมันก็เช่นกัน หรือเผ่าพันธุ์อื่นๆ ก็ด้วย เพราะไม่ว่าเผ่าพันธุ์ใด ขอเพียงอาศัยอยู่บนแผ่นดินหมาน ดังนั้นบรรพบุรุษรุ่นแรกของพวกเขาล้วนคือ เผ่าหมาน

เมื่อสายเลือดเดือดพล่านราวกับพลังโลหิตเผาไหม้ ชาวหมานทุกคนต่างรู้สึกถึงการเรียกหาอย่างรุนแรง นั่นคือ…การเรียกของเทพหมาน เป็นความรู้สึกที่ต้องไปคารวะจากก้นบึ้งหัวใจและคงอยู่มาตลอดในจิตวิญญาณกับสายเลือดพวกเขา

ร่างเงาแต่ละสายบินขึ้นฟ้าอย่างรวดเร็ว มุ่งหน้าไปตามการชี้นำแห่งสายเลือด ไปตามการเรียกหาของเทพหมาน พวกเขาจะไปคารวะเทพหมาน!

ไม่มีใครสงสัยว่านี่คือของปลอม เพราะสายเลือดร้อนรุ่ม เพราะทุกคนรู้สึกเหมือนกัน นี่จึงมีเพียงคำตอบเดียว

“เทพหมาน…กลับมาแล้ว!” เสียงตะโกนด้วยความตื่นเต้นดังก้อง เสียงส่วนใหญ่จะมาจากคนชรา เพราะพวกเขาเคยประสบเรื่องแบบนี้มาก่อน ดังนั้น…พวกเขาจึง บินขึ้นอย่างรวดเร็วและไม่ลังเล

ณ หมู่เกาะนับไม่ถ้วน ฟางมู่กับเหยียนหลวนกำลังป้อนยาให้เด็กหนุ่มอ่อนแรงคนหนึ่ง แต่ต่อมาพวกเขาสองคนใจสั่นสะท้าน การเรียกหาและความร้อนรุ่มจากสายเลือดทำให้ฟางมู่หมุนตัวกลับอย่างไม่ลังเล ก่อนห้อทะยานไปยังแดนศักดิ์สิทธิ์เป็นครั้งแรก

ณ เกาะบึงใต้ พวกไป๋ฉางไจ้กำลังเงียบอยู่ในวิหารใหญ่ เหมือนรออะไรบางอย่าง เมื่อสายเลือดเดือดพล่านมาถึง พวกเขาทุกคนต่างมีสีหน้าตื่นเต้น ไม่มีใครพูด แต่มีร่างเงาจำนวนมากพุ่งออกจากวิหารใหญ่ มุ่งหน้าไปยังแดนศักดิ์สิทธิ์ด้วยความเร็วทั้งหมด

ขณะเดียวกัน ณ เผ่าเขี้ยวหมานที่อาศัยอยู่บนเกาะแห่งหนึ่ง ชายชราหยาหมานในห้องลับหรือหนึ่งในผู้แข็งแกร่งที่ซูหมิงเคยแต่งตั้งให้ ตอนนี้ไม่มีสีหน้าลังเลอีก แต่ตัวสั่นเล็กน้อย มีสีหน้าตื่นเต้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เขาพุ่งออกจากแดน นั่งฌานอย่างว่องไว บินขึ้นฟ้าท่ามกลางเสียงครึกโครม

“เผ่าหมาน…จะผงาดขึ้นแล้ว เทพหมานกลับมา เทพหมานกลับมาแล้ว!” หยาหมานผู้แก่ชราเหมือนเพิ่งออกมาจากโลงศพสัมผัสถึงสายเลือดเดือดพล่านที่รุนแรงกว่าก่อนหน้านี้ไม่รู้กี่เท่าในร่างกายพร้อมเงยหน้าหัวเราะเสียงดัง

อู่ซวง จ้าวหมานเผ่าภูผาทองคำ ผู้แข็งแกร่งที่ตอนนั้นซูหมิงแต่งตั้งให้ด้วยตัวเองเหมือนกับหยาหมาน ตอนนี้หัวเราะลากเสียงดังบนเกาะที่เขาอาศัย

“เผ่าภูผาทองคำฟังคำสั่ง ตามข้าไปเข้าเฝ้าเทพหมาน เทพหมานของพวกเรา…กลับมาแล้ว!”

เสวี่ยซาจ้าวหมานเผ่าเมฆายักษ์ เทียนฉี่ผู้อาวุโสสูงสุดของสำนักเวไนยสัตว์ ยามนี้ชายชราสองคนก็หัวเราะลากยาวด้วยความตื่นเต้นพร้อมกับพุ่งออกจากแดนนั่งฌานอย่างรวดเร็วเช่นกัน พาชาวเผ่าพวกเขาไปเข้าเฝ้าเทพหมานเหมือนกับตอนนั้น

“เทพหมานกลับมาแล้ว กลิ่นอายพลังนี้เป็นของเทพหมานรุ่นสี่ พวกเจ้าทั้งหลาย ยังไม่รีบตามข้าชื่อเหลยเทียนไปเข้าเฝ้าเทพหมานของเราอีก!”

ทั้งเผ่าหมานเกิดการลุกโชนขึ้นอย่างไร้รูปเพราะการแผ่ขยายกลิ่นอายพลัง เทพหมานของซูหมิง สายเลือดเดือดพล่านและการเรียกหาของเทพหมานกลายเป็นความตื่นเต้นในใจของชาวเผ่าหมานทุกคน

ความตื่นเต้นนี้คือความปรารถนาอย่างแรงกล้า เป็นความปรารถนาที่อยากให้ เผ่าหมานผงาดขึ้น นั่นคือความบ้าคลั่งที่ยอมจ่ายทุกอย่างเพื่อเผ่าหมาน ตอนนี้กลายเป็นสายรุ้งจำนวนมากบนฟ้า บินมาจากรอบทิศ ชาวเผ่าทุกคนที่บินได้ต่างมุ่งหน้าไปยังแดนศักดิ์สิทธิ์เผ่าหมานตามการเรียกหา

สายรุ้งยาวลากผ่านฟ้า เหตุการณ์นี้คือ การไปเข้าเฝ้าเทพหมานที่น่าตื่นตกใจยิ่ง!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version