Skip to content

สู่วิถีอสุรา 1259

ตอนที่ 1259 เจตนาเดิมของสามรกร้าง

‘เหตุใดถึงไม่มีกระพริบครั้งที่เจ็ด ตั้งแต่โบราณมา จากปากเทพบรรพชนเหล่านั้นในตอนนั้น พวกเขาเคยพูดว่ามีภัยพิบัตินามว่าหกกระพริบ เคราะห์ภัยนี้กระพริบเพียงหกครั้งและจะไม่มีมากกว่านี้อีก!

แต่ว่า…นี่เป็นเพราะเหตุใด?’ ชายชราวิญญาณสวรรค์มองภัยพิบัติหกกระพริบที่ค่อยๆ หายในจากน้ำวนมรณะหยิน ในความคิดลอยขึ้นมาเป็นความคิดแบบนี้

“ซูหมิง อายุขัยเจ้ายังเหลืออีกกี่ส่วน?” ชายชราวิญญาณสวรรค์พลันถามขึ้น น้ำเสียงมีความตื่นเต้นที่เหมือนสังเกตเห็นความลับบางอย่าง

ซูหมิงที่อยู่กลางอากาศมองภัยพิบัติหกกระพริบหายไป ความจริงในความคิดเขาก็มีคำถามแบบนี้เช่นกัน แม้สิ่งที่เขารู้จะไม่มากเท่าชายชราวิญญาณสวรรค์ แต่เขาสัมผัสด้วยตัวเองและเข้าใจแจ่มชัดว่าหากมีการกระพริบครั้งที่เจ็ด เช่นนั้นต่อให้ตนมีร่างแยกโลกแท้จริงก็จะสิ้นอายุขัยทั้งหมดในการกระพริบ

ครั้งที่เจ็ด จากนั้นโลกแท้จริงจะเสื่อมสภาพลง นับจากนี้มหาโลกสามรกร้างจะเหลือเพียงสามโลก!

ฉะนั้นหลังจากชายชราวิญญาณสวรรค์ถามขึ้น ดวงตาซูหมิงพลันวาววับ ก่อนมองไปทางชายชราวิญญาณสวรรค์แล้วตอบกลับช้าๆ

“เก้าส่วน!” ซูหมิงไม่ได้ปิดบังชายชราวิญญาณสวรรค์มากนัก อีกทั้งเรื่องนี้ก็ไม่จำเป็นต้องปิดบัง หากชายชราวิญญาณสวรรค์อยากรู้ก็ต้องมีวิธีแน่

“เก้าส่วน…เก้าส่วน หากมีการกระพริบครั้งที่เจ็ด ต่อให้เป็นอายุขัยของโลกแท้จริงก็ไม่อาจรอดจากภัยพิบัตินี้ โลกแท้จริงจะเสื่อมลง ดังนั้น…ไม่ใช่ว่าไม่มีการกระพริบครั้งที่เจ็ด แต่จะมีครั้งที่เจ็ดไม่ได้!” ขณะชายชราวิญญาณสวรรค์พึมพำ ภายในดวงตาเปล่งประกาย

“ดวงจิตที่ลงมาเยือนในภัยพิบัติบรรพชนวิญญาณไม่สนใจความเป็นตายของชีวิตได้ ไม่สนใจการเปลี่ยนแปลงของจักรวาลได้ แต่มันกลับสนใจว่าโลกแท้จริงจะเสื่อมสภาพหรือไม่…เรื่องนี้…

เป็นอย่างที่ข้าคาดเดาไว้จริงๆ ผู้มาเยือนในภัยพิบัติบรรพชนวิญญาณไม่ใช่ใครอื่น มันคือ…ดวงจิตของมหาโลกสามรกร้าง! เป็นมัน มันก็คือเคราะห์ภัย!

มันกำลังหลับใหล มันที่หลับใหล ดวงจิตมันจะเป็นภัยพิบัติบรรพชนวิญญาณ มันไม่ยอมให้มีบรรพชนวิญญาณ ดังนั้นเลยต้องเป็นภัยพิบัติเพื่อลบส่วนบรรพชนวิญญาณที่ถูกผนึกเหล่านั้น บางที…อาจเป็นเพราะมีสิ่งที่มันต้องการอยู่เลยถูกควบคุมเหมือนเลี้ยงในคอก!

และที่มันต้องลบบรรพชนวิญญาณก็เพราะว่า…” ชายชราวิญญาณสวรรค์มีสีหน้าตื่นเต้น นี่เป็นครั้งแรกที่เขาบอกการคาดเดากับซูหมิง พอพูดถึงตรงนี้แล้วก็เงียบไป ชั่วครู่ ทว่าซูหมิงกลับพูดต่อ

“เป็นเพราะว่ามันต้องการขวางไม่ให้มีใครยึดร่างมันได้ เพราะมีแต่เป็น บรรพชนวิญญาณเท่านั้นถึงจะมีคุณสมบัติยึดร่างดวงจิตสามรกร้าง!” ซูหมิงใจ สั่นสะท้านแล้วเอ่ยช้าๆ

“ไม่ผิด เป็นเช่นนี้!” ชายชราวิญญาณสวรรค์มีสีหน้าตื่นเต้น ลมหายใจกระชั้นเล็กน้อย นี่ไม่ใช่ว่าเขาไม่มีความเสถียรภาพ ด้วยขั้นพลังเขา ในโลกนี้มีน้อยเรื่องมากที่จะทำให้เขาตื่นเต้นแบบนี้ หากบอกว่ามีจริงๆ ก็คงเป็นการคาดเดาเกี่ยวภัยพิบัติ บรรพชนวิญญาณและการคาดเดาต่อดวงจิตสามรกร้าง

“ยามหลับใหล มันจะลบบรรพชนวิญญาณ แต่ก็จะผนึกบรรพชนวิญญาณด้วยเช่นกัน…นี่อธิบายได้ว่าขณะเดียวกับที่มันขวางไม่ให้เกิดอันตราย ก็ยังต้องการให้บรรพชนวิญญาณบางส่วนมาช่วยมัน ถ้าอย่างนั้น…หลังจากที่มันตื่นล่ะ?” ซูหมิงพลันถามขึ้น

“หลังจากตื่นขึ้น…” ชายชราวิญญาณสวรรค์เงียบ แต่นัยน์ตาฉายแววหวาดกลัวกลับทำให้ซูหมิงเข้าใจคำตอบที่อีกฝ่ายไม่ต้องพูดออกมา

เขานึกไปถึงตอนที่ยกระดับวิญญาณครั้งแรก ในความทรงจำส่วนนั้นที่ได้มา ก่อนหน้ายุคสมัยนี้ ในช่วงปลายของอีกยุคสมัยหนึ่ง ชายชราชุดคลุมขาวคนนั้นกำลังมองฟ้าพลางพูดมาประโยคหนึ่ง

‘มันมาแล้ว…’

ซูหมิงหรี่ตาลง ชายชราในตอนนั้น นอกจากพูดประโยคนี้แล้วยังพูดอีกว่าหากให้เวลาเขาอีกเล็กน้อย เขาจะบรรลุถึงขอบเขตพลังบางอย่าง สิ่งเหล่านี้อยู่ในใจซูหมิงมาตลอด ทำให้ยามที่เขาคาดเดาจะจับต้นชนปลายไม่ได้อยู่บ้าง

แต่ยามนี้พอได้ยินคำพูดชายชราวิญญาณสวรรค์ เขาพลันเกิดการคาดเดา อย่างหนึ่งในความคิด

‘ตอนที่ดวงจิตสามรกร้างหลับใหล มันจะลบบรรพชนวิญญาณเพื่อขวางการถูกยึดร่าง ตอนที่มันตื่น…มันจะทำลายล้างทั้งสามรกร้าง ให้มหาโลกสามรกร้างไม่มีสิ่งมีชีวิตและอารยธรรม ให้มหาโลกสามรกร้างเริ่มใหม่

มันทำแบบนี้เพื่ออะไรกัน…จากคำพูดชายชราวิญญาณสวรรค์ จะเข้าใจแบบนี้ได้หรือไม่ว่าหลังดวงจิตสามรกร้างตื่นขึ้นก็จะกลายเป็นภัยพิบัติรกร้างทำลายทุกอย่างเพื่อตามหา…

ตามหาสิ่งมีชีวิตที่บรรลุถึงขอบเขตพลังบางอย่างในยุคสมัยนี้ ไม่รู้กี่ยุคสมัยมานี้ มันตามหามาตลอด ทำลายไปอย่างต่อเนื่อง บางทีอาจไม่เคยหาพบเลย…’ ซูหมิงใจ สั่นสะท้าน เขามองชายชราวิญญาณสวรรค์ ทว่าก็ไม่ได้เล่าการคาดเดาของตนออกไป แต่เกิดความสงสัยขึ้นอีกข้อหนึ่ง

“เพราะเหตุใดที่นี่ ดวงจิตสามรกร้างถึงถูกลดกำลังลง?” ซูหมิงถามขึ้นช้าๆ

“ก่อนที่จะมาที่นี่ ข้าคิดมาตลอดว่าทุกสิ่งมีชีวิตในโลกนี้ล้วนมีศัตรูทางธรรมชาติ ไม่มีทางคงอยู่นิรันดร์ ต่อให้เป็นภัยพิบัติรกร้างก็เช่นกัน

แต่ข้าหาศัตรูทางธรรมชาติของดวงจิตสามรกร้างไม่พบ…จนกระทั่งมาถึงที่นี่แล้ว ข้ารู้สึกชัดว่าที่นี่ต่างออกไป โดยเฉพาะส่วนลึกของน้ำวนมรณะหยิน ข้ารู้สึกถึง ดวงจิตหนึ่งที่คงอยู่แบบเดียวกัน

ทว่าดวงจิตนี้ไม่ได้หลับใหล แต่แตกสลาย กระทั่งข้ายังรู้สึกถึงเสี้ยวดวงจิตนั้น ในตัวเจ้า…ดวงจิตนี้ทำให้ใจข้าสงบนิ่งอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน แต่ถึงจะเป็นอย่างนี้ ข้าก็ไม่ได้คิดอะไรมาก ต่อให้สามดวงจิตโบราณที่เรียกตัวเองว่าผู้รับใช้ซางจะทำให้ข้ารู้สึกเด่นชัดขึ้น แต่ข้าก็ยังไม่ได้คิดอะไรมากนัก

จนกระทั่ง…ตอนที่เจ้านำทั้งเผ่าหมานออกจากน้ำวนมรณะหยิน ภัยพิบัติ บรรพชนวิญญาณของเจ้ามาเยือน ข้าถึงได้เข้าใจทันทีว่าความจริงแล้วภัยพิบัติ บรรพชนวิญญาณของเจ้าควรจะมาถึงก่อนเวลาอีกเล็กน้อย แต่เจ้าอยู่น้ำวน มรณะหยินเลยยังไม่ปรากฏ

ตอนนั้นข้าคิดว่าดวงจิตแตกสลายตรงส่วนลึกนั้นมีพลังมหัศจรรย์บางอย่าง จนกระทั่ง…พวกเรากลับเข้าไปในน้ำวนมรณะหยินอีกครั้ง ภัยพิบัติบรรพชนวิญญาณก็มาถึง โลกข้างนอกของสามรกร้างอยู่ในความนิรันดร์แห่งการดับสูญ แต่ในน้ำวนมรณะหยินกลับปกติทุกอย่าง

ตอนนั้นข้าเข้าใจว่าบางที…..ศัตรูทางธรรมชาติของดวงจิตสามรกร้างคงอยู่ที่นี่!” นัยน์ตาชายชราวิญญาณสวรรค์เป็นประกายตื่นเต้น เขามองซูหมิง แล้วก็มองส่วนลึกน้ำวนมรณะหยินที่มืดมิดดั่งเหวลึก

“ข้าเองก็มองความลับที่นั่นไม่ออก ที่นั่นมีพลังขัดขวางรุนแรงยิ่ง ก่อนหน้านี้ ข้าเคยลองตรวจสอบมาแล้ว แต่ยากจะเข้าไปได้ มีแต่เจ้าเท่านั้น!

มีแต่เจ้าที่ต่างออกไป แรงขวางที่เจ้าต้องเจอมีน้อยมากๆ ข้าเลยคาดการณ์ว่า เจ้าจะต้องมีความเกี่ยวข้องบางอย่างกับดวงจิตแตกสลายที่นั่นแน่

และก็มีเพียงเจ้าเท่านั้น…ที่เข้าไปในส่วนลึกน้ำวนมรณะหยินได้จริงๆ เพื่อไขคำถามข้อนี้!” ชายชราวิญญาณสวรรค์ลมหายใจกระชั้น ขณะเสียงดังก้อง ซูหมิงใจสั่นไหว ตอนนี้เองข้างบนน้ำวนมรณะหยินเกิดเสียงดังสนั่นกึกก้อง ภัยพิบัติบรรพชนวิญญาณที่สี่พลันมาถึง

“มีภัยพิบัติที่สี่จริงๆ ดูท่าภัยพิบัติบรรพชนวิญญาณที่เจ้าต้องเจอไม่ใช่ธรรมดาแล้ว แต่เป็น…ภัยพิบัติสังหารฟ้าดินมนุษย์สามฝ่าย! มหันตภัยแรกคือภัยพิบัติมนุษย์ ต่อมาคือ ภัยพิบัติดินและสุดท้ายคือ…ภัยพิบัติฟ้า!

อีกอย่างตามที่ข้าเข้าใจคือเมื่อปรากฏภัยพิบัติดิน มันจะไม่เผยมาทีละอย่างเหมือนภัยพิบัติมนุษย์ แต่ภัยพิบัติจะมาต่อเนื่องกันสามครั้ง ดังนั้นถึงเรียกว่า ภัยพิบัติดินที่เหนือกว่าภัยพิบัติมนุษย์!” ชายชราวิญญาณสวรรค์เอ่ยพร้อมเงยหน้าขึ้นสะบัดแขนเสื้อ ดวงตาเผยประกายสว่างวูบ

“ผู้อาวุโสรู้หรือไม่ว่าภัยพิบัติดินมีอะไรบ้าง?” ซูหมิงจ้องที่มาของเสียงครึกโครมข้างบนน้ำวนพลางถามขึ้น

“ภัยพิบัติที่สี่ ภัยพิบัติเก้ามรณะ ภัยพิบัติที่ห้า ปฐพีระแหงห้ามาร และยังมี ภัยพิบัติที่หก…ภัยพิบัติอากาศธาตุ! สามเคราะห์ภัยนี้ไม่ใช่สิ่งที่เจ้าจะต่อต้านไหวแล้ว นี่ต้องเป็นคนที่ยกระดับวิญญาณถึงหกครั้งก่อนถึงจะรับมือได้!

เจ้าลองสัมผัสดูก่อนก็ได้ หากดูแล้วไม่ไหว ข้าจะลงมือช่วยทันที” ชายชราวิญญาณสวรรค์พูดขึ้นเนิบช้า หากเป็นก่อนหน้านี้เขาอาจจะลงมือช่วยทันที แต่ซูหมิงที่เป็นผู้สำเร็จในภายภาคหน้าทำให้เขาอยากช่วยอีกครั้ง ให้ซูหมิงสัมผัสถึงขีดสุดก่อน ดังนั้นแล้ว จะมีประโยชน์ต่อภายภาคหน้าอย่างยิ่ง

เพราะชายชราวิญญาณสวรรค์รู้ว่าครั้งนี้…เขาก็อาจจะตายตกไปในภัยพิบัตินี้ หากไม่ตายจะดีที่สุด แต่ก็เตรียมตัวตายเอาไว้แล้ว ทว่าซูหมิงเป็นจุดรวมความหวังของเขาที่สุดท้ายสักวันหนึ่งจะต่อต้านสามรกร้างได้

ดังนั้นแล้วชายชราวิญญาณสวรรค์จึงไม่ขี้เหนียวจะที่จะให้ซูหมิงเติบโตเร็วขึ้นอีก

“ซูหมิง หากเจ้าผ่านภัยพิบัติเหล่านี้ไปด้วยพลังของตัวเองได้ เจ้าจะยกระดับวิญญาณโดยที่ไม่มีภัยพิบัติบรรพชนวิญญาณมาเยือนได้อีกหลายครั้ง โอกาสนี้ หายากยิ่ง เจ้าต้องใช้พลังทั้งหมดของเจ้าคว้าโชควาสนาในภัยครั้งนี้!” ชายชราวิญญาณสวรรค์มองซูหมิงด้วยแววตาให้กำลังใจและเฝ้ารอคอย ซ้ำยังมีสีหน้าจริงใจ

นี่เป็นครั้งแรกที่เขามีสีหน้าจริงใจเช่นนี้กับซูหมิง ซูหมิงเห็นในแววตาจึงพยักหน้า เขารู้ว่าชายชราวิญญาณสวรรค์ไม่พูดโกหก เขาผ่านมาสามภัยพิบัติแล้ว ตอนนี้จึงยกระดับวิญญาณครั้งที่สามได้ ตามหลักการแล้ว หากเขาผ่านภัยพิบัติที่สี่ เขาจะยกระดับวิญญาณครั้งที่สี่ได้!

ทันทีที่ซูหมิงมองข้างบนน้ำวน ทันใดนั้นมีดวงจิตมหึมายากจะบรรยายลงมาเยือนจากข้างบนน้ำวนมรณะหยิน ดวงจิตนี้มาพร้อมความบ้าอำนาจ มาพร้อมกับความน่าเกรงขาม ตอนที่มาเยือนยังเหมือนทำลายล้างทุกสิ่งมาตลอดทาง ทำให้หมอกที่บดบังน้ำวนหายไปทั้งหมด

ช่วงที่ลงมาเยือน ดวงจิตนี้ไม่ได้กลายเป็นของจริง แต่เป็นมายา ทว่าชั่วพริบตาที่อัดแน่นน้ำวนมรณะหยินก็อบอวลอยู่รอบตัวซูหมิง

เสียงพึมพำดังก้องในดวงจิตนี้ เสียงนี้เหมือนกับเสียงอู้อี้ในความฝันคน ตอนที่ ดังก้องยังมาพร้อมกับกลิ่นอายพลังยากจะบรรยายบางอย่าง ราวกับว่าคำพูดในเสียงนี้มีพลังมหัศจรรย์บางอย่าง ทำให้ทุกอย่าง…กลายเป็นจริงได้!

“มือ….เท้า…..สี……เขียว…..”

นี่คือคำพูดแรกจากในเสียงนั้น ทันทีที่คำพูดนี้ดังก้องข้างหูซูหมิง สองมือ สองเท้าพลันกลายเป็นสีเขียว!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version