Skip to content

สู่วิถีอสุรา 1283

Svtasr

ตอนที่ 1283 ยกระดับวิญญาณอีกครั้ง

มหาโลกซางเซียง กลางโลกของวิหารเหล่าเทพ ซูหมิงเงยหน้าคำรามขึ้นฟ้า เสียงคำรามเต็มไปด้วยพลังสะเทือนฟ้ากับความเจ็บปวดยากจะบรรยาย

อีกทั้งท่ามกลางเสียงนี้ พลังในร่างกายซูหมิงปะทุขึ้นอีกครั้ง การปะทุครั้งนี้ทำให้ฟ้าบิดเบี้ยว ทำให้โลกนี้เหมือนรับไม่ไหวจนจะระเบิดออก แต่ก็แค่เหมือนเท่านั้น ยังไม่ระเบิดออกจริงๆ

แต่เหตุการณ์นี้มากพอจะมองออกว่าพลังซูหมิง วิญญาณเขา ระดับชีวิตเขาในตอนนี้กำลังเพิ่มขึ้นอย่างบ้าคลั่งราวกับผลัดเปลี่ยนเมื่อยกระดับวิญญาณสองครั้ง

การเพิ่มขึ้นนี้ หากไม่นับดวงจิตสามโลกแท้จริง ตอนนี้เขากำลังเข้าใกล้ขั้นไม่อาจกล่าวอย่างไม่มีที่สิ้นสุด!

ยกระดับวิญญาณสามครั้ง เทียบเท่าขั้นไม่อาจกล่าว!

แม้นี่จะเป็นการยกระดับวิญญาณสองครั้งของซูหมิง แต่จะให้กล่าวจริงๆ นี่คือครั้งที่สาม!

ซูหมิงรู้สึกถึงความแกร่งของตัวเองอย่างชัดเจนว่ากำลังเพิ่มขึ้นอย่างบ้าคลั่งด้วยด้วยความเร็วไม่อาจบรรยาย ความเร็วในการเพิ่มขึ้นนี้ หากเป็นในมุมมองคนอื่นจะต้องตกใจกลัวแน่

ร่างกายซูหมิงเกิดรอยร้าวขึ้นหลายสาย มีโลหิตสีดำไหลออกมา แต่เมื่อโลหิตเหล่านี้ไหลออก พลังเขากลับแกร่งขึ้นเรื่อยๆ

เทพบรรพชนที่เขาหลอมรวมไปก่อนหน้านี้ เวลานี้ค่อยๆ มัวหมองลง คล้ายว่ามรดกทั้งหมดถูกหลอมรวมเข้าไปในร่างซูหมิง กลายเป็นส่วนหนึ่งที่ไม่อาจแยกออกจากระดับชีวิต อีกทั้งในตอนนี้ ในความความคิดเขาลอยขึ้นมาเป็นความทรงจำที่ไม่ใช่ของเขา นั่นคือความทรงจำของชายชราคนนี้ นั่นไม่ใช่ยุคก่อน…แต่เป็นยุคที่สาม ก่อนหน้านี้!

ยุคนั้นชายชราคนนี้เป็นเจ้าปกครองแคว้น นั่นคืออาณาจักรแห่งการฝึกฝน ไม่มีสำนัก แต่ใช้แคว้นเป็นที่ฝึกฝน สุดท้ายแล้วชายชราคนนี้บรรลุถึงขั้นไม่อาจกล่าว ระดับความแกร่งของเขาคือจุดสูงสุดในยุคที่เขาอยู่

ความทรงจำต่างๆ หยุดอยู่ที่ภัยพิบัติในยุคสมัยนั้นมาเยือน…

ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไร ตอนที่ซูหมิงได้สติมาอีกครั้ง เขาเห็นเทพบรรพชนชายชราตรงหน้าหายไป ดวงตาเขาเผยการผ่านโลกมาเนิ่นนานเด่นชัด เหมือนกับผ่านอายุ คนนอกเหนือจากนี้มา

รอยร้าวบนตัวเขาหายไปแล้ว ความแกร่งของร่างกายบรรลุถึงระดับที่แหวนสมบัติ ล้ำค่าไม่อาจทำอันตรายได้ วิญญาณเขา พลังเขาสั่นคลอนขั้นไม่อาจกล่าวได้แล้ว

ประกอบกับดวงจิตที่ดุดันที่สุดของเขา การกำราบขั้นไม่อาจกล่าวเลยไม่ใช่เรื่องยาก

แต่ว่าสิ่งเหล่านี้…ยังไม่ใช่ขีดจำกัดของซูหมิงตอนนี้ เขาเงยหน้าขึ้น ทันทีที่ เทพบรรพชนชายชราหายไป เขาก็มองเทพบรรพชนลำดับที่สามร้อยเจ็ดสิบเอ็ด ตรงแถวที่สามนับจากข้างล่าง

อีกฝ่ายเป็นชายหนุ่มคนหนึ่ง ใบหน้าขาวซีด เหมือนกับกำลังป่วย เขาหลับตา ดูไม่เด่นตาในเทพบรรพชนหลายร้อยคนในแถวที่สามนับจากข้างล่าง แต่ตอนที่ ซูหมิงมองเขา กลับรู้สึกถึงการเรียกหาของวิญญาณ

“ยกระดับวิญญาณสามครั้ง!” ซูหมิงรู้สึกถึงพลังมหาศาลในร่างกาย เขายกเท้าขึ้นมุ่งหน้าไปสู่การยกระดับวิญญาณครั้งที่สาม ตรงดิ่งไปยังเทพบรรชนลำดับที่ สามร้อยเจ็ดสิบเอ็ดในแถวสามนับจากข้างล่าง

ตอนที่ซูหมิงยกระดับวิญญาณครั้งแรก ตัวเขามีคุณสมบัติไม่พอ ดังนั้นจึงต้องหยุดหลังยกระดับวิญญาณครั้งแรก ยากจะโหมทำรวดเดียว แต่ตอนนี้ต่างออกไป ซูหมิงมีคุณสมบัติยกระดับวิญญาณห้าครั้ง ดังนั้นเขาจะยกระดับวิญญาณต่อเนื่องกันจนถึงขีดจำกัดของตน

เขาขยับไหวตัวเข้าไปสัมผัสกับเทพบรรชนลำดับที่สามร้อยเจ็ดสิบเอ็ดในแถวสามนับจากข้างล่างทันที ชั่วพริบตาเดียวทั่วร่างเขาสั่นสะท้านอย่างรุนแรง นั่นคือร่างกาย วิญญาณรวมถึงขั้นพลังทั้งหมดสั่นไหว อารมณ์ความคิดที่คละปนกันหลั่งไหลเข้าไปในความคิด ขณะเดียวกันร่างกายยังเกิดความเจ็บปวดใกล้จะระเบิดออก

ภายใต้แรงปะทะของอารมณ์ความคิด วิญญาณเขาคล้ายจะฉีกออก ขั้นพลังก็เกิดความปั่นป่วนตามมา เหมือนว่าการยกระดับวิญญาณครั้งนี้ต่างกับทุกครั้ง

ก่อนหน้านี้ซูหมิงได้เตรียมใจมาก่อนแล้ว ชายชราวิญญาณสวรรค์เคยพูดว่า หากการยกระดับวิญญาณสามครั้งเทียบเท่าขั้นไม่อาจกล่าว เช่นนั้นก็จินตนาการได้เลยว่าการยกระดับวิญญาณครั้งที่สามจะต้องยากยิ่งแน่ ขณะเดียวกันยังส่งผลถึงตัวเองถึงที่สุด

แม้จะยาก แต่ซูหมิงมีความมั่นใจว่าจะต้องสูบกินทั้งหมดได้ เพราะเขาไม่ได้ใช้พื้นฐานการยกระดับวิญญาณสองครั้งมายกระดับวิญญาณครั้งที่สาม แต่เดิมทีตัวเขายกระดับวิญญาณครั้งที่สามในยี่สิบครั้งของสองโลกแล้ว!

ดังนั้น ชั่วขณะที่ความเจ็บปวดจากร่างกายทำให้ซูหมิงหน้าบิดเบี้ยวเล็กน้อย ก็เกิดการต่อต้านขึ้น ดวงตาสองข้างเขาเกิดเส้นเลือดฝอย ร่างกายสั่นไหวพร้อมกับกำลังใช้ความเร็วสูงสุดในการเพิ่มความแข็งแกร่ง

เมื่อความเจ็บปวดแล่นเข้ามา ความมั่นใจในตัวเองของเขาก็มากขึ้นเรื่อยๆ ซูหมิงปล่อยให้เวลาผ่านไป เขาใช้พลังทั้งหมดในการสูบรับมรดกทั้งหมดของเทพบรรพชนนี้ วิญญาณก็ดี ขั้นพลังก็ดี การทดสอบแต่ละครั้ง การแยกและรวมของวิญญาณ ประสบการณ์ต่างๆ ยืดยาวเหมือนหมื่นปีในความรู้สึก แต่ความจริงแล้วเพียงแค่ สามชั่วยาม

สามชั่วยามต่อมาเทพบรรพชนตรงหน้าซูหมิงกลายเป็นเหมือนกึ่งโปร่งใสมายา แล้ว ทันทีที่ถูกซูหมิงหลอมรวมทั้งหมด ซูหมิงสูดลมหายใจเข้าลึก ก้มหน้าลงช้าๆ มองมือขวาตัวเองพลางค่อยๆ กำเป็นหมัด

เมื่อกำหมัด ซูหมิงยิ้มมุมปาก รอยยิ้มแฝงไว้ด้วยความเย็นเยียบน่าสะพรึง อีกทั้งยังมีสีหน้ามั่นใจยิ่งกว่าเดิม

‘ที่แท้ความรู้สึกของขั้นไม่อาจกล่าวก็คือ การแยกกับการสร้าง แยกออกนับ ครั้งไม่ถ้วน ทุกชิ้นส่วนสร้างตัวเองให้สมบูรณ์ได้ หรือพูดได้ว่า…ทุกหมัดของข้าจะผ่านการแยกเป็นชิ้นๆ มากมาย ก่อนสร้างใหม่กลายเป็นหนึ่งส่วน ดูเหมือนกำปั้น แต่ความจริงแล้ว…หมัดนี้ ไม่รู้ว่าขั้นไม่อาจกล่าวธรรมดา…จะรับไหวหรือไม่!’ ขณะ ซูหมิงพึมพำ นัยน์ตาเผยความมุ่งมั่นในการต่อสู้ น่าเสียดายรอบตัวเขาไม่มีคู่ต่อสู้ มิเช่นนั้นเขาอยากจะลองทดสอบดูสักเล็กน้อยว่าหมัดของตนในยามนี้จะแกร่งเท่าใด!

‘ขณะเดียวกัน ระดับความแกร่งของร่างกายข้าก็เป็นเช่นนี้ สามารถแยกได้เป็นไม่รู้กี่ส่วนแล้วรวมใหม่ในพริบตา สิ่งนี้เรียกว่า…ร่างอมตะ!

และยังมีพลังข้า ขอเพียงมีอยู่เสี้ยวหนึ่งก็จะสมบูรณ์ในทันที ขั้นพลังนี้สร้างฟ้าดินแม่น้ำภูเขาได้ สร้างจักรวาลหมื่นปีได้ เป็นขั้นไม่อาจกล่าวจริงๆ’ ซูหมิงพึมพำพลางเงยหน้ามองเทพบรรพชนแถวที่สี่นับจากล่างสุด หลังกวาดสายตามองไปแล้ว ก็ไปหยุดอยู่ที่เทพบรรพชนลำดับที่สองร้อยสี่สิบแปด

นั่นคือชายวัยกลางคนสวมชุดคลุมยาวสีดำ ทั้งตัวแผ่ไอหนาวเยือก เทพบรรพชนในแถวนี้ แทบทุกคนแผ่แรงกดดันแก่กล้า หากสัมผัสถึงแรงกดดันของทุกคนดีๆ จะรู้ว่าเหนือกว่าขั้นไม่อาจกล่าว!

“ยกระดับวิญญาณสี่ครั้ง!” ดวงตาซูหมิงขยับประกายวาว เขาขยับไหวตัวไปอย่างไม่ลังเล ชั่ววูบเดียวก็ต้านแสงทองไม่มีสิ้นสุดมาปรากฏอยู่ข้างเทพบรรพชน แถวที่สี่นับจากล่างสุด ก่อนขยับไหวอีกครั้งเข้าไปใกล้เทพบรรพชนลำดับที่ สองร้อยสี่สิบแปด

มรดกของเผ่าหมานใหญ่ฝากไว้หกตัวเลข มันผ่านการยืนยันมาในการทดสอบหลายครั้ง แม้จะมีเพียงหกตัวเลข แต่ก็ช่วยซูหมิงลดอันตรายลงไปได้มาก ซ้ำยังเปิดเป็นเส้นทางใหญ่ให้เดิน

นอกจากนี้ชนเผ่าในสมัยที่สองที่หาหกตัวเลขพบหมือนกับเผ่าหมานใหญ่ ซ้ำยังเป็นมรดกสืบมาอย่างไม่มีผิดความพลาดนับว่าหาได้ยากยิ่ง

ซูหมิงมองเทพบรรพชนตรงหน้า มองชายวัยกลางชุดคลุมดำ ระหว่างที่ยกมือขวาขึ้นไม่มีความลังเลแม้แต่น้อย ฝ่ามือกดไปตรงระหว่างคิ้วเทพบรรพชนคนนี้ ทันทีที่มือเขาสัมผัสกับชายวัยกลางคน ทั่วร่างเขาเกิดความหนาวเยือก ชั่วพริบตาเดียว… บนผิวหนังเขาเกิดไอหนาวจำนวนมาก ไอหนาวเหล่านี้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เพียงไม่กี่ลมหายใจ ร่างกายเขากลายเป็นก้อนน้ำแข็งถูกผนึกอยู่ภายในพร้อมกับเทพบรรพชนคนนั้น

เวลาผ่านไปหนึ่งชั่วยาม ซูหมิงในก้อนน้ำแข็งแน่นิ่ง แต่กลับมีไอหนาวยิ่งกว่าเดิมแผ่มาจากตัว ทำให้ในชั้นน้ำแข็งเกิดเป็นผนึกน้ำแข็งอีกชั้น

เพียงแต่ว่าความต่างคือผนึกน้ำแข็งชั้นนอกมีร่างเทพบรรพชนคนนั้น แต่ในผนึกน้ำแข็งชั้นที่สองข้างในเป็นของซูหมิง

ขณะเดียวกันร่างเทพบรรพชนข้างๆ เริ่มเป็นมายาทีละน้อย เหมือนจะเป็น กึ่งโปร่งใส คล้ายว่ามรดกที่แฝงอยู่ในตัวเขากำลังถูกสูบไปอย่างรวดเร็ว

ที่ถูกสูบไปพร้อมกันยังมีเสี้ยวความจำของเทพบรรพชนคนนี้ นั่นคือเมื่อยุคที่นานยิ่งกว่า ในยุคนั้น ชีวิตของชายวัยกลางคนผู้นี้รุ่งเรือง

ความทรงจำในภพนั้นแฝงไว้ด้วยทุกอย่างของเขา มีความรัก มีความแค้น มีความเสียดาย มีความบ้าคลั่ง ความทรงจำทั้งหมดดำเนินมาถึงภัยพิบัติในยุคนั้น ชายคนนี้เงยหน้ามองฟ้า หัวเราะเสียงดังด้วยความบ้าคลั่ง ก่อนเลือกปฏิบัติตามการสืบทอด แต่โบราณ โดยการเปลี่ยนทุกอย่างของตนให้เป็นลำดับเทพบรรพชน ให้การตาย ของตนคุ้มค่า ให้การตายของตนแลกมาซึ่งความสำเร็จหนึ่งครั้งของชนรุ่นหลังที่ไม่รู้ว่ายุคสมัยใด!

“หากมีผู้สำเร็จ ก็จงทำลายดวงจิตสามรกร้าง อย่าให้การจ่ายด้วยความเต็มใจของพวกเราต้องสูญเปล่า!”

ซูหมิงใจสั่นสะท้าน ชั้นน้ำแข็งที่เขาอยู่พลันแตกออก หลังถูกไอหนาวของเขาเข้ามาแทนที่แล้วก็ค่อยๆ ละลาย เมื่อน้ำแข็งละลายจนหมด เทพบรรพชนชายวัยกลางคนข้างๆ ซูหมิงก็หายไปแล้ว

ซูหมิงเงียบ ในความคิดมีความทรงจำเพิ่มมาไม่น้อย หลังผ่านไปพักใหญ่ดวงตาเขาเป็นประกายรวดเร็วและดุดัน เขาพยักหน้าช้าๆ เหมือนสัญญากับผู้อาวุโสท่านนั้นในอดีต ผ่านไปพักใหญ่ถึงเงยหน้ามองเทพบรรพชนแถวที่ห้า

‘น่าจะยกระดับวิญญาณครั้งที่ห้าได้แล้ว!’

ณ มหาโลกสามรกร้าง เมื่อจักรพรรดิรุ่งอรุณเหยียนเผยมาเยือน ทะเล โครงกระดูกขาวอัดแน่นอยู่เต็มฟ้า ผู้ฝึกฌานนับไม่ถ้วนรอบๆ คุกเข่าคารวะ ผู้ฝึกฌานสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืนก้มหน้าลง ตอนนี้เองจักรพรรดิรุ่งอรุณในชุดคลุมดำบนกระดูกขาวเอ่ยขึ้นด้วยเสียงเย็นชา

“ข้าลงมาเยือนแล้ว ตามสัญญา ผู้ฝึกฌานฝ่ายสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืนต้องฟังคำสั่งข้า ต้องปฏิบัติตามความประสงค์ข้าทุกอย่างในครั้งแรกห้าร้อยปี!

ความประสงค์แรกของข้าคือ…ยึดครองโลกแท้จริงดาราสัจธรรมทั้งหมด ทำลายสำนักยอดเขาลำดับเก้าที่อ่อนแอนั่น! ข้าอนุญาตให้ผู้สูงศักดิ์วิญญาณลงมือได้ ทำลายยอดเขาลำดับเก้า!”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version