ตอนที่ 1282 จักรพรรดิรุ่งอรุณมาเยือน
‘หากที่นี่มีอีกวิหารเหล่าเทพ เช่นนั้นที่นี่จะมี…ชายชราวิญญาณสวรรค์อีกคนหรือไม่’ ซูหมิงมองศพแห้งกับวิญญาณที่หนีไปด้วยสีหน้าตื่นกลัว ก่อนหันหน้าไปมองไกลออกไปด้วยสีหน้าสงบนิ่ง
ซูหมิงมีสีหน้าขบคิดก่อนเดินหน้าไปหนึ่งก้าว ร่างเงาเขาพลันหายไป มาปรากฏอีกทีอยู่ไกลลิบ ตรงนั้นมีภูเขาลูกหนึ่ง
ซูหมิงคุ้นเคยกับภูเขานี้ นั่นคือยอดเขาที่ชายชราวิญญาณสวรรค์ในตอนนั้นอยู่ เพียงแต่ว่า…ตอนที่ซูหมิงกวาดจิตสัมผัสไป เขาไม่พบความคุ้นเคยใดๆ ในยอดเขานี้
‘บางทีอาจมีชายชราวิญญาณสวรรค์อีกคนจริงๆ แต่เขา…ไม่มีทางยังอยู่ที่นี่’ ซูหมิงส่ายศีรษะ สามรกร้างกับซางเซียง แม้ในสองมหาโลกนี้จะมีสิ่งมีชีวิตเหมือนกัน แต่ต่อให้เป็นสิ่งมีชีวิตเหมือนกันก็ยังมีชีวิตที่ต่างกัน
อย่างเช่นซูหมิง อย่างเช่นตัวเขาอีกคนในโลกนี้ที่เป็นบุตรแห่งซาง
ขณะส่ายหน้า ซูหมิงกลายเป็นสายรุ้งยาวบินไกลออกไปบนฟ้า จนกระทั่งมาปรากฏอยู่ตรงซากเผ่าหมานใหญ่ที่ยกระดับวิญญาณครั้งแรกในตอนนั้น เขาขยับวูบไหวไปปรากฏอยู่บนแท่นยกระดับวิญญาณสูงตระหง่าน สะบัดแขนเสื้อแล้วนั่งขัดสมาธิลง
สายลมแรงมาก โดยเฉพาะบนแท่นยกระดับวิญญาณสูงตระหง่าน กระทั่งยังได้ยินเสียงสายลมข้างหูดังครืนๆ
เส้นผมยาวเขาถูกสายลมพัด อาภรณ์ยาวสั่นไหวพึ่บพั่บกลางสายลม ดวงตาสองข้างเผยประกายสว่างจ้า เขาเงยหน้าขึ้นมองฟ้าด้วยความยึดมั่นและแน่วแน่
“ยกระดับวิญญาณ!” ดวงตาเขาขยับประกายวาวก่อนเอ่ยเสียงดังก้องไปทั้งโลกนี้ ทันทีที่เสียงดังขึ้น พลังเผ่าหมานในร่างกายปะทุขึ้น กลายเป็นระลอกคลื่นกระจายออกเป็นวงกว้าง
ตอนนี้ซูหมิงเหนี่ยวนำกลิ่นอายการมาเยือนของวิหารเหล่าเทพด้วยตัวเองตามเส้นทางการยกระดับวิญญาณที่เคยประสบมา ฟ้าดินเกิดเสียงครึกโครม ระหว่างที่ ผืนฟ้าบิดเบี้ยวก็เหมือนถูกฉีกออก วิหารใหญ่มหึมาลงมาเยือน วิหารใหญ่สีทองเต็มไปด้วยแสงสว่างจ้าแสบตา ตอนที่มันปรากฏยังทำให้ทั้งโลกสั่นสะเทือน
ข้างวิหารใหญ่ยังมีวิหารเสื่อมโทรมที่เต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิตที่ล้มเหลว นั่นคือ วิหารสยบวิญญาณ! เพียงแต่ว่าวิหารสยบวิญญาณเทียบกับวิหารใหญ่สีทองมหึมา นั้นแล้ว มีความต่างกันด้านขนาดอย่างชัดเจน เหมือนเด็กกับชายวัยหนุ่มแน่น
ตอนที่แสงทองหมื่นจั้งจากในวิหารใหญ่สีทองปกคลุมโลก ซูหมิงเห็นป้ายตรงหน้าวิหารที่คุ้นเคย ด้านบนสลักตัวอักษรใหญ่สองตัว
เหล่าเทพ!
ซูหมิงหรี่ตาลงเล็กน้อย ซ้ำยังยิ้มมุมปาก การปรากฏเพียงแค่วิหารใหญ่หนึ่งหลังอธิบายได้ว่าความคิดของซูหมิงถูกต้อง วิหารเหล่าเทพที่นี่ไม่ใช่วิหารเหล่าเทพ สามรกร้างที่เขาเคยไปมา แต่เป็นของในมหาโลกซางเซียง
เพราะการยกระดับวิญญาณจะปรากฏวิหารใหญ่ต่างกันตามจำนวนครั้งที่ต่างกัน ไม่นับวิหารสยบวิญญาณ ตอนนี้วิหารใหญ่สีทองมีเพียงหลังเดียว นั่นอธิบายได้ว่า… ซูหมิงยกระดับวิญญาณครั้งแรกได้อีกครั้งที่นี่!
เป็นตอนนี้เอง เมื่อแสงทองจากวิหารใหญ่สว่างจ้า พลันปรากฏเทพบรรพชนขึ้นหลายพันคน!
มีทั้งหมดเก้าแถว มีบุรุษและสตรี ล้วนสวมอาภรณ์ยาวโบราณและเรียบง่าย ลอยอยู่นอกวิหารใหญ่สีทอง
คนที่อยู่บนสุดทั่วร่างเปล่งแสงทองหมื่นจั้ง เต็มไปด้วยแรงกดดันที่ทำให้ คนหายใจติดขัด ต่ำกว่าเขาเป็นสามคน ข้างล่างเป็นแปดคน สิบเจ็ดคน สามสิบเก้าคน แปดสิบหกคนจนถึงแปดร้อยแปดสิบเอ็ดในแถวล่างสุด
เทพบรรพชนสองพันหกร้อยสามคน!
ซูหมิงนั่งขัดสมาธิอยู่บนแท่นยกระดับวิญญาณ ดวงตาสองข้างแวววาว เขามองไปยังเทพบรรพชนลำดับที่เจ็ดร้อยแปดสิบเอ็ดในเทพบรรพชนแถวล่างสุด
ซูหมิงเคยรับมรดกในวิหารเหล่าเทพของมหาโลกสามรกร้างกับเทพบรรพชนนี้มาครั้งหนึ่งแล้ว ตอนนี้รับมรดกอีกครั้ง เขาค่อยๆ ยืนขึ้นด้วยสีหน้าเชื่อมั่นในตัวเอง
“วันนี้…ข้าจะยกระดับวิญญาณที่นี่ให้ถึงจุดสูงสุด!” ขณะซูหมิงพึมพำ เขาขยับไหวไปกลางอากาศ ชั่ววูบเดียวก็บินขึ้นไปยังเทพบรรพชนลำดับที่เจ็ดร้อยแปดสิบเอ็ดในแถวล่างสุด เข้าไปใกล้ในพริบตา
ร่างซูหมิงสัมผัสกับเทพบรรพชนคนนี้ในทันใด เกิดเสียงครึกโครมดังสนั่น ตัวสั่นสะท้านไปทั่วร่าง ดวงตาสองข้างเปล่งประกายสว่างจ้า ร่างกายสั่นไหวเบาๆ แต่สีหน้ายังคงเป็นปกติตั้งแต่แรก ไม่ได้เปลี่ยนไปมากนัก
กลิ่นอายพลังเขายกระดับสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ความรู้สึกแข็งแกร่งลอยขึ้นมาในร่างกาย เมื่อหลอมรวมกัน เมื่อสูบกิน ร่างกายเขาพลันปะทุพลานุภาพสะเทือนฟ้าดิน
ความรู้สึกแข็งแกร่งตลอดเวลาทำให้เขาเงยหน้าคำรามเสียงลากยาว ขณะร้องคำราม ไม่เพียงแต่ร่างกายแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น วิญญาณ ระดับชีวิตเขารวมถึงพลังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เหนือกว่าก่อนหน้านี้ไปอย่างสมบูรณ์แบบ ก้าวเข้าสู่ขั้นพลังใหม่
ขั้นพลังนี้คืออะไรกันแน่ซูหมิงเองก็ไม่อาจตัดสินได้ แต่เขารู้สึกว่าเมื่อตนแกร่ง ขึ้นเรื่อยๆ เทพบรรพชนลำดับที่เจ็ดร้อยแปดสิบเอ็ดกำลังหายไปด้วยความเร็ว ระดับตาเนื้อ
นี่ไม่ใช่การหายไปแบบเป็นอากาศ แต่นี่…คือหายไปอย่างแท้จริง เหมือนว่าหากซูหมิงหลอมรวมกับเขาทั้งหมด นับจากนี้ไป เทพบรรพชนของวิหารเหล่าเทพคนนี้ จะหายไปชั่วนิรันดร์
นับจากนี้ไปจะไม่มีเทพบรรพชนให้คนอื่นหลอมรวมได้อีก นี่คือเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนตั้งแต่โบราณจนถึงตอนนี้ นี่คือการสืบทอดและสูบกินไปอย่างสมบูรณ์
ผ่านไปราวหลายชั่วยาม ตอนที่เทพบรรพชนลำดับที่เจ็ดร้อยแปดสิบเอ็ดหายไปทั้งหมด ในร่างกายซูหมิงปะทุพลังแก่กล้ายากจะบรรยาย ความแกร่งของพลังนี้ทำให้ทุกอย่างรอบตัวเขาบิดเบี้ยว เหมือนว่าหากเขาคิดจะทำลายฟ้า ก็จะทำให้โลกนี้ พังพินาศลงได้ในทันที
ความแกร่งนี้ทำให้ตอนนี้ซูหมิงมีความมั่นใจเหมือนว่าจะสู้ชายชราวิญญาณสวรรค์ได้ เพราะเขาในยามนี้ยกระดับวิญญาณครั้งแรกอย่างสมบูรณ์แบบแล้ว เทียบได้กับ สองครั้งที่ไม่สมบูรณ์!
หากเพียงเท่านี้บางทีเขาอาจจะยังไม่สร้างความหวาดหวั่นกับขั้นไม่อาจกล่าว และยิ่งไม่ต้องพูดถึงประมือกับชายชราวิญญาณสวรรค์ ทว่า…ซูหมิงมีดวงจิตของ สามโลกแท้จริง ความแกร่งของดวงจิตเขามากพอจะค้ำยันให้เขาทำทุกอย่างได้
ขั้นไม่อาจกล่าว…แล้วอย่างไร!
เดิมทีการยกระดับวิญญาณเป็นเส้นทางที่ไปสู่ความสำเร็จได้โดยเร็ว เป็นการสืบทอดที่เหมือนการโกง มันเปลี่ยนผู้แข็งแกร่งที่เหลือรอดในยุคก่อนให้เป็นเหตุ ก่อนเป็นผลในยุคนี้ เปลี่ยนเส้นทางแห่งเหตุและผล สำเร็จความแกร่งที่เหนือกว่าหนึ่งภพชาติ!
นี่คือมรดก ขณะเดียวกันก็เป็นการต่อสู้ดิ้นรนและต่อต้านอย่างไม่ยินยอมของ ผู้ฝึกฌานในยุคก่อนตอนที่พวกเขาต่อสู้กับสวรรค์ที่ส่งเคราะห์ภัยลงมาทำลายล้าง บางทีในด้านวิธีการอาจจะสู้กับผู้ฝึกฌานนามสามรกร้างในตอนนั้นไม่ได้ แต่ว่า…นี่ก็เป็นการต่อต้านและความบ้าคลั่งเหมือนกัน
ในเมื่อหนีความตายไม่พ้น เช่นนั้น…ก็จะฝากทุกอย่างของตนให้เป็นมรดกให้ชนรุ่นหลัง ให้คนในยุคสมัยต่อไปมีเส้นทางลัดในการได้รับพลังไว้สำหรับต่อสู้และต่อต้าน!
นี่คือจุดมุ่งหมายที่วิหารเหล่าเทพถูกสร้างขึ้น!
บางที…วิหารเหล่าเทพอาจดูเหมือนถูกสร้างโดยผู้ฝึกฌานรุ่นก่อน หรือก็คือ เทพบรรพชนในสมัยนี้ที่รอดตายจากเคราะห์ภัยนั้น แต่ยามนี้ซูหมิงที่รู้ความลับของซางเซียงกับสามรกร้างมีความคิดของเขาเองแล้ว
รอดตายจากเคราะห์ภัยได้ บางทีอาจเป็นเพราะเทพบรรพชนเหล่านี้ใช้วิธีการพิเศษ แต่ก็มีความเป็นไปได้ว่าในตอนสุดท้ายพวกเขาหลอมรวมกับตัวเองอีกคนในมหาโลกซางเซียง ดังนั้น…พวกเขาถึงรอดตายจากภัยพิบัติได้
นี่คือการคาดเดา ซูหมิงเองก็ไม่รู้คำตอบโดยละเอียด และก็ยากจะมีใครรู้ความลับที่ซ่อนอยู่ในกาลเวลานี้ด้วย
แต่ซูหมิงมีอีกการคาดเดาหนึ่งที่ได้รับการยืนยัน เขาไม่คิดว่าผู้ฝึกฌานรุ่นก่อนเป็นคนสร้างวิหารเหล่าเทพ แต่…ถูกสร้างขึ้นก่อนหลายยุคเมื่อนานมาแล้ว
ในเทพบรรพชนสองพันกว่าคนของวิหารเหล่าเทพ รวมผู้แข็งแกร่งที่สุดทั้งหมดจากในยุคสมัยเหลือคณานับ แม้พวกเขาจะตายไปแล้ว แต่พวกเขากลับฝากพลังให้ สืบทอดต่อไปทีละยุค ผ่านการตกตะกอนที่รวมกาลเวลาไม่รู้กี่ปี เพื่อมอบโอกาสในการบุกทะลวงทุกอย่างแก่ชนรุ่นหลัง
นี่คือความรู้สึกเด่นชัดที่ลอยมาในความคิดหลังจากที่ซูหมิงหลอมรวมกับ เทพบรรพชนลำดับที่เจ็ดร้อยแปดสิบเอ็ดอย่างสมบูรณ์ ดวงตาเขาขยับประกายวาว ก่อนขยับไหวเลือกต่ออย่างไม่ลังเล…
ยกระดับวิญญาณครั้งที่สอง!
ลำดับที่ห้าร้อยหกสิบสาม!
แถวที่สองนับจากล่างสุด เทพบรรพชนลำดับที่ห้าร้อยหกสิบสาม ตรงนั้นคือตัวเลือกของซูหมิงในยามนี้ เขาขยับวูบไหวเข้าไปสัมผัสกับเทพบรรพชนคนนี้ ในฉับพลัน
อีกฝ่ายเป็นชายชราคนหนึ่ง เขามีสีหน้าผ่านโลกมานาน ตอนที่สัมผัสกับร่างซูหมิง เทพบรรพชนชายชราคนนี้ปะทุพลังน่าตะลึงออกมาในทันใด
“ยกระดับวิญญาณสองครั้ง!” ซูหมิงมีสีหน้าเด็ดขาด ขณะพึมพำพลันออกแรงสูบ!
ตอนที่ซูหมิงยกระดับวิญญาณครั้งที่สองในวิหารเหล่าเทพมหาโลกซางเซียง ณ มหาโลกสามรกร้าง ข้างช่องโหว่ยักษ์ในโลกแท้จริงดาราสัจธรรมมีผู้ฝึกฌานจากฝ่ายเงามืดรุ่งอรุณกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืนมากมายนับไม่ถ้วน
พวกเขาล้อมรอบขึ้นเป็นวงแหวนอาคมจำนวนมากเพื่อตรึงให้การฉีกของช่องโหว่มากขึ้นเรื่อยๆ ส่งผลให้ช่องโหว่ใหญ่ขึ้น ทำให้มีผู้ฝึกฌานมาเยือนจากภายในตลอดเวลา
ที่นี่คือใจกลางของสามรกร้างที่ฝ่ายสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืนกับเงามืดรุ่งอรุณอยู่ ขอเพียงคุ้มกันที่นี่ไว้ก็จะมีผู้ฝึกฌานปรากฏกายมาอย่างไม่ขาดสาย
ทว่าตอนนี้เอง ภายในช่องโหว่สามรกร้างกลับไม่มีผู้ฝึกฌานลงมาเยือนอย่างพบเห็นได้ยาก ผู้ฝึกฌานจากเงามืดรุ่งอรุณทั้งหมดโดยรอบต่างคุกเข่าด้วยสีหน้าฮึกเหิม ส่วนผู้ฝึกฌานจากฝ่ายสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืนต่างมีสีหน้ามืดทะมึน ไม่กล่าวใดๆ
เวลาผ่านไปช้าๆ ราวหนึ่งก้านธูปต่อมา ทันใดนั้นเกิดเสียงดังสนั่นมาจากใน ช่องโหว่สามรกร้างที่ว่างเปล่า เสียงดังสนั่นไปทั้งโลกแท้จริงดาราสัจธรรม ต่อจากเสียงนี้ก็เป็นทะเลกระดูกสีขาวพุ่งออกมาจากในช่องโหว่
อีกทั้งกลางทะเลกระดูกสีขาวยังมีชายวัยกลางคนสวมชุดคลุมดำทั่วร่างเดินออกมาจากช่องโหว่ด้วยสีหน้าเฉยชา ลงมาเยือนยังสามรกร้าง
ทันทีที่เขาปรากฏกาย โลกแท้จริงดาราสัจธรรมพลันสั่นสะเทือน กระทั่ง โลกแท้จริงหยินศักดิ์สิทธิ์ จักรพรรดิยมโลก โลกแท้จริงที่สี่ยังเหมือนรับแรงกดดันมหาศาลที่ขยับวูบวาบมาจากตัวเขาไม่ได้ จึงสั่นสะเทือนพร้อมกัน
“คารวะท่านจักรพรรดิรุ่งอรุณเหยียนเผย!” เสียงจากผู้ฝึกฌานฝ่ายเงามืดรุ่งอรุณทั้งหมดที่นี่ดังสนั่นปานฟ้าผ่า เสียงนั้นดุจดั่งลูกคลื่น อัดแน่นไปด้วยความเคารพเลื่อมใสและฮึกเหิมอย่างแรงกล้า ราวกับว่านี่คือการมาเยือนของจักรพรรดิสำหรับฝ่ายเงามืดรุ่งอรุณ!